วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

(6000) เรื่อง ลอร์ดลิชต์เลย์ ตอนที่22 "เห็นพระอาทิตย์มาดื่มน้ำอมฤตที่เทือกเขาโอเฟในเวลากลางวัน" (จงอ่านด้วยวิจารณญานชนิดเชิงบวกคือ"ไม่น่ากลัวที่เห็นพระอาทิตย์มาเลียน้ำค้างและดอกไม้บานในยามเช้า") แล้วจะพบว่า "วิทยาศาสตร์คือธรรมชาติที่มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตาตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่สมุดและปากกา และนอกเสียจากเป้าหมายการทดลองเฉพาะของนักวิทย์เอง เช่นทดลองระเบิดนิวเคลียร์และระเบิดที่ซื่อสัตย์อื่น" ที่ตอนนี้เรียกว่าเป็นมุมมองของลอร์ดมิคานที่จะพยายามเพื่อจะได้ปลุกมโนทัศน์ตัวเอง ให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา และความมืดมิด และภวังคจิตที่เชื่องช้าอยู่เป็นเนืองนิจหลังจากการอิ่มข้าวและขนมปังปอนด์ย่างทุกมื้อ และในโอกาส สืบต่อ ๆ มาลอร์ดมิคานจึงยืนยันได้ว่า : วิทยาศาสตร์คืออุปกรณ์ที่มนุษย์จะใช้ชนะธรรมชาติได้ แต่มนุษย์ก็หาขนะมันได้ไม่ เพราะธรรมมีแต่ตัวและความว่างเปล่าที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่มนุษย์ค้องใข้เงินลวทุนมหสศาลเพื่อแสวงหาความจริงในมันได้ แต่วิทย์ในสิ่งที่มนุษย์ทำ มันก็เป็นกุญแจดอกสำคัญสู่ความยจริงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนได้ "โลกนี้อันที่จริงคือ"ในภาวะแห่งความเป็นจริง" ที่มีอยู่ทั้งในการคาดเดา และทั้งที่มีและจะมีอยู่จริง จะพบเห็นมันด้วยการทดลองเท่านั้น มิใช่เพียง"มโน"(คิดเอาเอง) ด้วยการเอาโลกไปมุ่งสู่ภาวะทำได้คิดได้ และใช้ได้ ในตัวมันเอง เรามิใช่เอาแต่ฝัน คิดแต่ทฤษฎี และไม่เคยใช้มัน และพูดคุยสัมผัสกับธรรมขาตินี้อย่างทรนง ความสงสัยนานาชนิดเกิดขึ้นก่อน. จากการการครวญคิด. นั่นก็คือว่า:- เปรียบเทียบกับคำว่าหลุมที่ดำๆในที่นี้ "มิใข่เครื่องเพศของสตรี ที่ชายอาจจะแสวงหาเพร่ะมันเป็นของคู่กับชาย ที่มันก็สีดำๆมืดๆและปกปิดเป็นนิจนั้นก็หาไม่ มันในที่นี้คือเสมือนการพบ"หลุมดำ"(black hole)ในอวกาศที่ ข้าเข้าใจน่ะ!ซาตาน"ซิโนารา" ผู้เฝ้าสังเกตเรื่องหลุมดำได้พูดขึ้นมา เมื่อค่ำเย็นวันศุกร์ที่หุบเขา"วาเลย์"" ณ ปราสาทตุกตายา แน่นอน!ไม่ว่าอะไรสมัยนี้ มนโลกนี้ ถ้าจะให้รู้ดีขึ้นไม่ว่าอะไรทั้งนั้นให่เดืนก้าวล่วงไปอีกกว่านี้ ก็ต้องใช้ "เงินการลงทุน" และวิสัยทัศน์ที่แม่นมั่น ในปัจเจกโพธิบุคคล และความเชื่อมั่นเมื่อมีแล้ว แล้วจึงจะรู้อะไรเพิ่มเติมได้อีก "ก็นั่นงัย" ความก้าวหน้าแห่งมนุษยชาติ จึงได้ถูกค้นพบสิางใหม่และใหม่กว่าขึ้นมา อย่างชนิดไม่หยุดยั้ง และทุกชีวิตในโลกจึงได้มีโอกาส พบกันครึ่งทางได้แสนที่จะง่ายเหลือในปัจจุบัน นี่คือ"อีปิโสด"(episode )ของฉากทัศน์ในโลกยุคปรัตจุบัน เพราะว่าการไปท่องอาวกาศมันไม่สามารถทำได้แบบ "โบกมือโบกรถ" ขอไปด้วยคนได้แบบคนนิยมในลัทธิ"ฮิชไชเค่อร์"(hitchhiker)น่ะ ใช่! สรรพสิ่งอย่าง ต้องมีเงินมีการลงทุน มีการสรุป. มีค่าคาดหวัง เมื่อคิดจะทำอะไรสักอย่งที่ต้องมีความพร้อมและแจ่มใสเสมอ แม้จะกินอาหาหารเข้สักมื้อก็จำเป็นต้องทมี"เซอร์เวียต(serviettes) ในเรื่องวิทย์โดยทำนองนี้มันจึงจะเวิร์ก(work) มันไม่เหมือนอดีตสมัยก่อนแล้ว ที่แรงงานใช้แรงเกวียนขับเคลื่อนได้ด้วยพลังจลน์(kinetic movement )แรงอันเป็นของที่เกิดจากขาของควาย นักวิทย์เคยคิดแบบทดลองอะไร เล่นๆแบบเล่นแล้วจึงคิดทฤษฎีและทดลองแบบเล่น ๆ กันบนโต๊ะเรียน หรือบนโต๊ะสนุกเก้อร์(snooker) เดี่ยวนี้ตรงกันข้ามคิดอะไรได้ ก็จะโยนหรือโอนโยนเข้าเป็นกิจกรรมธุรกิจแบบโปรดักติวส์หมด(productiveness) เลยทดลองกันเลย ใช้มันเลย ขายกันแลยแบบ จะ๊ๆ ขายมันเลย และ"ลัทธิทันทีโมเมนตัม(suddenl y -turn of momentum theory) ประดิษฐ์ขึ้นมาโดย"ซาตานซงโยริตา"" ที่ปรึกษาของ ซาตาน"ซิโนรา" ที่ชื่อ"ซิลิคอต"ผู้มีร่างคล้ายหมาและมีหัวคล้ายหมาแต่ร่างคล้ายมนุษย์แมวที่อยู่อาศัยเหมือนรังแมงมุม แต่ดำรงในมิติภาวะของคน คือท่านซาตานซิลิคอต แกคิดจะกินและก็กินขนมปังกับเนื้อด้วยมีด(gartc)เฉือน แทนการใช้ปากและลิ้นแบบหมาแทะกินอาหารของมัน พร้อมเจ้านายบนโต๊ะและใต้โต๊ะตามแต่มันถนัด คือท่านซาตานท่าผู้นี้ แกได้ยินและยืนยันมาว่า เดี๋ยวนี้! มัน มีการสร้างเงินสร้างรายได้กันอย่างฉกรนจฺ์เลย โดยมุ่งเป้าทุกอย่างไปที่กำไรและดอกเบี้ย ทำทุกอย่างให้เป็นสิ่งที่มีค่าแบบรีไซเคิล(recycle)และที่มันมักจะมี"ออบเจก"( object)ในการคิดค้นคว้า ทดลองในทางวิทย์ออกมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำโดยคนมีพื้นเพเป็นนักเรียนจากสายวิทย์เสมอไปที่ทำได้สายศิลปะสายคำนวณสายทั่วไปทำได่หมดไม่มี"เจตนารมย์หึงหวง"" ซาตาน"ซิงโยริตา"พลั้งออกมาว่า ถ้านักศึกษาทั่วโลกจากทุกๆจุด บนบรรณาภิภพ เมื่อจบออกมาด้วยทฤษฎีใหม่ที่คิดค้นพบอะไรได้ เพื่อขอจบหลักสูตรรับปริญญา เพื่อขอขอจบการศึกษาสมบูรณ์ เมื่อได้จบมาแล้วได้ไซร้ และได้นำสิ่งที่คิดได้ในห้อง"เลกเชอร์"(lecture)มาทำเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่อตลาด เพื่อผลิด โดยให้นายทุนพาไปผลิตเป็นสินค้าเพื่อการบริโภค มนุษย์ซาตานที่มีหน้าคล้ายหมา ที่ชื่อ"ชิลิคอตผู้นี้ ที่มีเชื้อสายชื่อนามสกุลโคตรเดียวกันมา70 ชั่วโคตรแล้ว กล่าวขึ้นอย่สงแข็งขันท่าน มีชื่อและนามสกุลซ้ำกันว่า "ซิลิคอต ซิลิคอต" โดยท่านผู้นี้เชื่อว่า "โลกนี้จะสะดวกขึ้นกว่านี้ได้มิใช่น้อย ถ้าทุกคนคิดได้อย่างนี้ และท่านยังเชื่อว่าต่อไปอีกว่า ระเบิดนิวเคลียร์ จะมีการซื้อขายกันในตลาดนัดที่ซอย"ปาคีโคยา"ในเมืองมิคานนี้แน่นอน อ๋อมัรเป็นนิวเคลียร์เพื่ออิ่มท้องเท่านั่นมิใช่เพื่อนิวเคลียร์มหาประลัย เสมือซื้อหอยมาทำอาหารเพื่อกินมิใข่เพื่อมาแพร่เชื้อไวรัสโดยเจตนา เพื่อให้ทุกคนล้มตายอย่างเลือดเย็น เช่น โรคระบาดโกมาร์ที่มีไวรัสเกิดจากเชื้แไวรัสอาหารทะเลและนกที่คนชอบทำผัดเผ็ดกิน ที่โรคนี้ตอนนี้หายขาดไปแล้ว ใช่! มันเป็นนิวเคลีย์เพื่อสันติสันติภาพถาวรในอนาคตต้องมีแน่นอน ถ้าไม่มีก็จงเริ่มคิดให้มันมีก้อแล้วกัน มันไม่หนักหนาอะไร!ที่จะฝืนคิด เหมือนๆอย่างการขายเป็ดขายไก่ย่างตามถนนในยามดึกฝนตกโปรยที่ตลาด"เมจา"ที่เขาจะหาซื้อวัตถุดิบด่านแรกก็มาจากตลาดนัดที่นั้น ที่พ่อค้าแม่ค้าชำแหละและล้างวางขายกันแล้ว เพื่อขาย เป็นแต่เพียงรอการถูกซื้อไปทอดน้ำมันแล้วกินแบบสดๆได้ทันที ของคนมีรสนิยมชนิดลิ้นเพชร และท่าน"ซิลิคต"ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า อาทิ เช่น การพบดวงจันทร์แล้วก็ต้องจัดทัวร์ไปดวงจันทร์กันเลย อย่างมิรอช้า รอไม่ไหวแล้ว"ทุกคนกำลังปวดท้องฉี่!ทุกคน คืออยากเห็นอยากดูเพ่งพิศดูดวงจันทร์ว่ามันยังงัย บนโลกของดวงจันทร์ใบนั้น จนชื่อของท่านซิลิคตถูกรู้เพราะท่านเชื่ออีกว่า:- "ว่าในอนาคต ดวงจันทร์คือที่เที่ยวอันมหัศจรรย์ของคนในโลกนี้ก็ได้ แทนการเที่ยวทะเลสีครามเงียบๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และแอบมองจันทร์คล้อยที่"ยุรยาตร"ไปและอมปุยเมฆสีดำที่ชายหาด"ริเวรา"ในยามดึกสงัดอย่างชนิดเดินคลอร์เคลีย เคลิ้มไปกันเป็นคู่แบบคนเดียว ที่ลูกสาวสวยเป็นคนเล็กของท่านซิลิคต ที่ชอบประพฤติอย่างนี้ก่อน10ปีที่จะๆด้แต่งงานกัน ชื่อบุตรสาวของท่านหญิงซาตานบุตรสาวคนเล็กแห่งท่านซาตานซิลิคตคนล่าสุดนี้ ท่านหญิงชื่อว่ส"เอลิก้า"ส่วนเพื่อนขายสามีในวันต่อมาต่อมาท่านไมาปรากฎนาม ผิว่า! แต่นกนางนวลไม่เคยถูกผัดเผ็ดเหมือนกับสถานะลอร์ดของมิคาน ตามกติกามิคานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะไม่มีการผัดเผ็ดนกนางนวลได้เพราะนกนางนวลเป็นสัตว์อนุรักษ์ของทะเลสาป"ยูยี่นิวา" มาแต่นิรันตกาลสมัยโป้นเฉกเช่นชีวิตของทุกลอร์ดและลอร์ดมิคานก็จะถูกผัดเผ็ดไม่ได้เช่นกัน เหตุศักดิ์สิทธิ์นี้เกิดได้เช่นไรจะบอกต่อไปในชั่วโมงที่ว่างจากความฝันต่อเนื่องของ"สมาชิกสภาเล่าอดีตแห่งมิคาน"จะได้กำหนดให้ลงตัวสบายอารมณ์อีกครั้งหนึ่งเป็รตัวหนังสือ มันเป็นเทวสิทธิ์ที่น่าอิจฉา แต่เทพเจ้าสวรรค์กำหนดมันมา พวกทาวและกรรมกรและนางไม้พึมพันกันแบบเงียบๆ แต่ไม่หวังเพศบำเรอจากท่านนลอร์ดขุนนางใดๆแต่อย่างใด เป็นสัจจะ

(6000)



                เรื่อง
           ลอร์ดลิชต์เลย์
              ตอนที่22 
        "เห็นพระอาทิตย์มาดื่มน้ำอมฤตที่เทือกเขาโอเฟในเวลากลางวัน"
        (จงอ่านด้วยวิจารณญานชนิดเชิงบวกคือ"ไม่น่ากลัวที่เห็นพระอาทิตย์มาเลียน้ำค้างและดอกไม้บานในยามเช้า")
       แล้วจะพบว่า "วิทยาศาสตร์คือธรรมชาติที่มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตาตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น  แม้แต่สมุดและปากกา  และนอกเสียจากเป้าหมายการทดลองเฉพาะของนักวิทย์เอง เช่นทดลองระเบิดนิวเคลียร์และระเบิดที่ซื่อสัตย์อื่น"
       ที่ตอนนี้เรียกว่าเป็นมุมมองของลอร์ดมิคานที่จะพยายามเพื่อจะได้ปลุกมโนทัศน์ตัวเอง  ให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา  และความมืดมิด และภวังคจิตที่เชื่องช้าอยู่เป็นเนืองนิจหลังจากการอิ่มข้าวและขนมปังปอนด์ย่างทุกมื้อ
        และในโอกาส สืบต่อ ๆ มา
ลอร์ดมิคานจึงยืนยันได้ว่า : วิทยาศาสตร์คืออุปกรณ์ที่มนุษย์จะใช้ชนะธรรมชาติได้  แต่มนุษย์ก็หาขนะมันได้ไม่ เพราะธรรมมีแต่ตัวและความว่างเปล่าที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่มนุษย์ค้องใข้เงินลวทุนมหสศาลเพื่อแสวงหาความจริงในมันได้
         แต่วิทย์ในสิ่งที่มนุษย์ทำ  มันก็เป็นกุญแจดอกสำคัญสู่ความยจริงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนได้
      "โลกนี้อันที่จริงคือ"ในภาวะแห่งความเป็นจริง" ที่มีอยู่ทั้งในการคาดเดา  และทั้งที่มีและจะมีอยู่จริง จะพบเห็นมันด้วยการทดลองเท่านั้น  มิใช่เพียง"มโน"(คิดเอาเอง)  ด้วยการเอาโลกไปมุ่งสู่ภาวะทำได้คิดได้ และใช้ได้ ในตัวมันเอง  เรามิใช่เอาแต่ฝัน คิดแต่ทฤษฎี และไม่เคยใช้มัน และพูดคุยสัมผัสกับธรรมขาตินี้อย่างทรนง
      ความสงสัยนานาชนิดเกิดขึ้นก่อน. จากการการครวญคิด. นั่นก็คือว่า:-
      เปรียบเทียบกับคำว่าหลุมที่ดำๆในที่นี้ "มิใข่เครื่องเพศของสตรี  ที่ชายอาจจะแสวงหาเพร่ะมันเป็นของคู่กับชาย 
     ที่มันก็สีดำๆมืดๆและปกปิดเป็นนิจนั้นก็หาไม่
      มันในที่นี้คือเสมือนการพบ"หลุมดำ"(black hole)ในอวกาศที่ ข้าเข้าใจน่ะ!ซาตาน"ซิโนารา" ผู้เฝ้าสังเกตเรื่องหลุมดำได้พูดขึ้นมา เมื่อค่ำเย็นวันศุกร์ที่หุบเขา"วาเลย์"" ณ ปราสาทตุกตายา
      แน่นอน!
ไม่ว่าอะไรสมัยนี้ มนโลกนี้
      ถ้าจะให้รู้ดีขึ้นไม่ว่าอะไรทั้งนั้นให่เดืนก้าวล่วงไปอีกกว่านี้ 
      ก็ต้องใช้  "เงินการลงทุน"  และวิสัยทัศน์ที่แม่นมั่น  ในปัจเจกโพธิบุคคล
       และความเชื่อมั่นเมื่อมีแล้ว
       แล้วจึงจะรู้อะไรเพิ่มเติมได้อีก "ก็นั่นงัย" ความก้าวหน้าแห่งมนุษยชาติ จึงได้ถูกค้นพบสิางใหม่และใหม่กว่าขึ้นมา  อย่างชนิดไม่หยุดยั้ง และทุกชีวิตในโลกจึงได้มีโอกาส  พบกันครึ่งทางได้แสนที่จะง่ายเหลือในปัจจุบัน นี่คือ"อีปิโสด"(episode )ของฉากทัศน์ในโลกยุคปรัตจุบัน

         เพราะว่าการไปท่องอาวกาศมันไม่สามารถทำได้แบบ  "โบกมือโบกรถ" ขอไปด้วยคนได้แบบคนนิยมในลัทธิ"ฮิชไชเค่อร์"(hitchhiker)น่ะ 
       ใช่!
        สรรพสิ่งอย่าง ต้องมีเงินมีการลงทุน  มีการสรุป. มีค่าคาดหวัง  เมื่อคิดจะทำอะไรสักอย่งที่ต้องมีความพร้อมและแจ่มใสเสมอ แม้จะกินอาหาหารเข้สักมื้อก็จำเป็นต้องทมี"เซอร์เวียต(serviettes)
         ในเรื่องวิทย์โดยทำนองนี้มันจึงจะเวิร์ก(work) มันไม่เหมือนอดีตสมัยก่อนแล้ว ที่แรงงานใช้แรงเกวียนขับเคลื่อนได้ด้วยพลังจลน์(kinetic movement )แรงอันเป็นของที่เกิดจากขาของควาย
        นักวิทย์เคยคิดแบบทดลองอะไร  เล่นๆแบบเล่นแล้วจึงคิดทฤษฎีและทดลองแบบเล่น ๆ กันบนโต๊ะเรียน  หรือบนโต๊ะสนุกเก้อร์(snooker) 
      เดี่ยวนี้ตรงกันข้ามคิดอะไรได้  ก็จะโยนหรือโอนโยนเข้าเป็นกิจกรรมธุรกิจแบบโปรดักติวส์หมด(productiveness) เลยทดลองกันเลย ใช้มันเลย ขายกันแลยแบบ จะ๊ๆ ขายมันเลย และ"ลัทธิทันทีโมเมนตัม(suddenl y -turn  of momentum theory) ประดิษฐ์ขึ้นมาโดย"ซาตานซงโยริตา""
    ที่ปรึกษาของ ซาตาน"ซิโนรา" ที่ชื่อ"ซิลิคอต"ผู้มีร่างคล้ายหมาและมีหัวคล้ายหมาแต่ร่างคล้ายมนุษย์แมวที่อยู่อาศัยเหมือนรังแมงมุม  แต่ดำรงในมิติภาวะของคน 
     คือท่านซาตานซิลิคอต  แกคิดจะกินและก็กินขนมปังกับเนื้อด้วยมีด(gartc)เฉือน  แทนการใช้ปากและลิ้นแบบหมาแทะกินอาหารของมัน พร้อมเจ้านายบนโต๊ะและใต้โต๊ะตามแต่มันถนัด
       คือท่านซาตานท่าผู้นี้ แกได้ยินและยืนยันมาว่า
         เดี๋ยวนี้! มัน   มีการสร้างเงินสร้างรายได้กันอย่างฉกรนจฺ์เลย  โดยมุ่งเป้าทุกอย่างไปที่กำไรและดอกเบี้ย  ทำทุกอย่างให้เป็นสิ่งที่มีค่าแบบรีไซเคิล(recycle)และที่มันมักจะมี"ออบเจก"( object)ในการคิดค้นคว้า  ทดลองในทางวิทย์ออกมา  
        ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำโดยคนมีพื้นเพเป็นนักเรียนจากสายวิทย์เสมอไปที่ทำได้สายศิลปะสายคำนวณสายทั่วไปทำได่หมดไม่มี"เจตนารมย์หึงหวง""
      ซาตาน"ซิงโยริตา"พลั้งออกมาว่า
       ถ้านักศึกษาทั่วโลกจากทุกๆจุด บนบรรณาภิภพ   เมื่อจบออกมาด้วยทฤษฎีใหม่ที่คิดค้นพบอะไรได้  เพื่อขอจบหลักสูตรรับปริญญา เพื่อขอขอจบการศึกษาสมบูรณ์  เมื่อได้จบมาแล้วได้ไซร้
        และได้นำสิ่งที่คิดได้ในห้อง"เลกเชอร์"(lecture)มาทำเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่อตลาด เพื่อผลิด โดยให้นายทุนพาไปผลิตเป็นสินค้าเพื่อการบริโภค
       มนุษย์ซาตานที่มีหน้าคล้ายหมา ที่ชื่อ"ชิลิคอตผู้นี้  ที่มีเชื้อสายชื่อนามสกุลโคตรเดียวกันมา70 ชั่วโคตรแล้ว กล่าวขึ้นอย่สงแข็งขัน
ท่าน มีชื่อและนามสกุลซ้ำกันว่า "ซิลิคอต ซิลิคอต"   โดยท่านผู้นี้เชื่อว่า  "โลกนี้จะสะดวกขึ้นกว่านี้ได้มิใช่น้อย ถ้าทุกคนคิดได้อย่างนี้

        และท่านยังเชื่อว่าต่อไปอีกว่า
       ระเบิดนิวเคลียร์ จะมีการซื้อขายกันในตลาดนัดที่ซอย"ปาคีโคยา"ในเมืองมิคานนี้แน่นอน  อ๋อมัรเป็นนิวเคลียร์เพื่ออิ่มท้องเท่านั่นมิใช่เพื่อนิวเคลียร์มหาประลัย  เสมือซื้อหอยมาทำอาหารเพื่อกินมิใข่เพื่อมาแพร่เชื้อไวรัสโดยเจตนา เพื่อให้ทุกคนล้มตายอย่างเลือดเย็น เช่น โรคระบาดโกมาร์ที่มีไวรัสเกิดจากเชื้แไวรัสอาหารทะเลและนกที่คนชอบทำผัดเผ็ดกิน ที่โรคนี้ตอนนี้หายขาดไปแล้ว
      ใช่! มันเป็นนิวเคลีย์เพื่อสันติ
สันติภาพถาวรในอนาคตต้องมีแน่นอน  ถ้าไม่มีก็จงเริ่มคิดให้มันมีก้อแล้วกัน มันไม่หนักหนาอะไร!ที่จะฝืนคิด

       เหมือนๆอย่างการขายเป็ดขายไก่ย่างตามถนนในยามดึกฝนตกโปรยที่ตลาด"เมจา"ที่เขาจะหาซื้อวัตถุดิบด่านแรกก็มาจากตลาดนัดที่นั้น  ที่พ่อค้าแม่ค้าชำแหละและล้างวางขายกันแล้ว  เพื่อขาย  เป็นแต่เพียงรอการถูกซื้อไปทอดน้ำมันแล้วกินแบบสดๆได้ทันที ของคนมีรสนิยมชนิดลิ้นเพชร
   และท่าน"ซิลิคต"ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า   
อาทิ เช่น  การพบดวงจันทร์แล้วก็ต้องจัดทัวร์ไปดวงจันทร์กันเลย  อย่างมิรอช้า รอไม่ไหวแล้ว
"ทุกคนกำลังปวดท้องฉี่!ทุกคน คืออยากเห็นอยากดูเพ่งพิศดูดวงจันทร์ว่ามันยังงัย บนโลกของดวงจันทร์ใบนั้น
      จนชื่อของท่านซิลิคตถูกรู้เพราะท่านเชื่ออีกว่า:-
      "ว่าในอนาคต  ดวงจันทร์คือที่เที่ยวอันมหัศจรรย์ของคนในโลกนี้ก็ได้ แทนการเที่ยวทะเลสีครามเงียบๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และแอบมองจันทร์คล้อยที่"ยุรยาตร"ไปและอมปุยเมฆสีดำที่ชายหาด"ริเวรา"ในยามดึกสงัดอย่างชนิดเดินคลอร์เคลีย เคลิ้มไปกันเป็นคู่แบบคนเดียว 

       ที่ลูกสาวสวยเป็นคนเล็กของท่านซิลิคต ที่ชอบประพฤติอย่างนี้ก่อน10ปีที่จะๆด้แต่งงาน
กัน  ชื่อบุตรสาวของท่านหญิงซาตานบุตรสาวคนเล็กแห่งท่านซาตานซิลิคตคนล่าสุดนี้  ท่านหญิงชื่อว่ส"เอลิก้า"ส่วนเพื่อนขายสามีในวันต่อมาต่อมาท่านไมาปรากฎนาม
     ผิว่า!
    แต่นกนางนวลไม่เคยถูกผัดเผ็ดเหมือนกับสถานะลอร์ดของมิคาน ตามกติกามิคานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะไม่มีการผัดเผ็ดนกนางนวลได้เพราะนกนางนวลเป็นสัตว์อนุรักษ์ของทะเลสาป"ยูยี่นิวา" มาแต่นิรันตกาลสมัยโป้น
เฉกเช่นชีวิตของทุกลอร์ดและลอร์ดมิคานก็จะถูกผัดเผ็ดไม่ได้เช่นกัน  เหตุศักดิ์สิทธิ์นี้เกิดได้เช่นไรจะบอกต่อไปในชั่วโมงที่ว่างจากความฝันต่อเนื่อง
ของ"สมาชิกสภาเล่าอดีตแห่งมิคาน"จะได้กำหนดให้ลงตัวสบายอารมณ์อีกครั้งหนึ่งเป็รตัวหนังสือ
     มันเป็นเทวสิทธิ์ที่น่าอิจฉา แต่เทพเจ้าสวรรค์กำหนดมันมา พวกทาวและกรรมกรและนางไม้พึมพันกันแบบเงียบๆ แต่ไม่หวังเพศบำเรอจากท่านนลอร์ดขุนนางใดๆแต่อย่างใด เป็นสัจจะ

วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ลอร์ลิเทลตอนที่17 แม่นมของลอร์ดมิคานชื่อว่า"กาจา"(g a j a)

ลอร์ลิเทลตอนทีท17

"แม่นมของลอร์ดมิคานชื่อว่า"กาจา"(g a j a)

สืบๆต่อๆมา
         มันเป็นปรัชญาแห่งความ"นิ่งเงียบสำหรับลอร์ดมิคาน จากการพบสิ่งอปกติในตัวท่าน ที่แปลกไป
       แต่ก็ไม่วายมีการ"ติดตามอิจฉาพยาบาทกั
 ใส่กันอาฆตมาดร้ายใส่กันอย่างหฤโหดเลือดเย็นฆ่าล้างตระกูลเจ็ดชั่วโคตรก็มี"ซึ่งทุเรศสุดๆ""
และหลายคนไม่รู้ว่ามิคานเป็นลอร์ซ่อรเร้น แต่อุกหลายคคคิดว่า "ลอร์ดมิคานเกิดมาบนกองเงินกองทอง
เป็นคนโชคดีที่น่าอิจฉาอย่างยิ่ง
แต่ที่จริงชีวิตลอร์ดเศร้มาก
แม้จะเป็นลอร์ดซ่อนเร้นนี้ยิ่งลำบาก เข้สไปอีก
แต่จำใจต้องเป็นลอน์ดซ่อนเร้นต่อไป
      ที่มีข่าว่าลอร์ดผู้หายไปนั้นคณกจิกาแห่งมิคานยังหาข้อยุติไม่ได้ว่า ลอร์มิคานตัวจริง
อยู่ไหนเป็นตายอย่างไร ยับจากปริศนาการคลอดของลอร์ดแล้วทารกน้อยถูกขโมยไปจากโรงพยาบาลมิโดและต่มาท่านลอร์ดเมนาและเลดี้ชีนีได่เสียชีวิตลงหลังการคลอดลอร์ดมิดาท 
บิดามารดาของท่านเป็นผู้สืบยศขุนนานถึง20ชั่วโคตรตามกติกามิคาน
กาจาเองแม่นมของลอน์ดมิคานเองก็ไม่รู้ เพราะวับสนตอนคลอด
ว่ามิคานจะเป็นลอร์ดจริง
หนือไม่ก็แต่ทนเลี้ยงต่อมาจนกาจ
าตายในที่สุดเช่นกัน ค่าเฉลยว่าจริงเท็จ
จะถูกเปิดเผยต่อไปแต่มรดกทุกชิ้นชองลอร์ด
คงสภาพเดิมทั้งหมด ไม่ทีการยักยอกและถ่ายโอนให้ใคร ก่อนถึงมือลอร์ดตัวจริงตามพินัยกรรม


 ส่วน

แต่การสืบค้นเป็นไปอย่สงละเอียดละช้ามาก
ถามว่ารู้ได้อย่างไรเพราะมันลับมากสำหรับพวก
เขา"กลุ่มไม่มีอหิงสาธรรม
คำตอบ!คือ"ภาพปรากฎมันจะแสดงออกมา"
แต่มิคานสมองไม่รับในเรื่องนี้แม้จะไม่เคยเรียนรู้ว่า"อหิงสาธรรมคืออะไร?
" เพราะเขื่อว่า  ตนเองมิได้เกิดมาเพื่อมาต่อต้านกับสิ่งที่ไร้ส่ระเหล่านี้ เพื่อดำรงชีวิตอยู่"
ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านเลยไป
เหตุผลทำไมมิคานไม่สนใจลูกสาวหัวหน้นเผ่าทาส"เกวา"(ชื่อมีสองชื่อ)เผ่าหนึ่ง""หล่อนไม่สวยใช่ไหม
คำตอบคือไม่ใช่
หล่อนไม่รวยใช่มั้ย
ตอบว่า"ไม่ใช่"
ต่อมาหล่อนฆ่าตัวตายเพราะมีเรื่องขัดใจกับพ่อของหล่อน และโดนพ่อของหล่อนปล้ำอนาจาร
"เธอรับไม่ได้""

 หัวหน้าทาส"เกวา"เป็นทาสใหญ่าเลี้ยงปศุสัต
ว์หลากชนิดเช่นช้างและเสือโคร่งและม้างิ่งเร็วทีาชื่อว่า"อัสดร"เป็นต้นเพื่อนายชื่อว่าทุน"ชาโก"

มาที่สนธิกับเรื่องของมิคานเหตุผลที่มิคานไม่สนใจลูกสาวของเกวา มิใข่หยิ่งหรือทรนง
แต่เป็นเพร่ะว่สมีดารจัดแบบคลุมถุงขนมิคาน
ชอบแบบเป็นไปเองแบบธรรมขาติ มิใช่เป็นวิทยาศาสตร์ที่มนุษบ์ครีเอต(create) ชึ้นมา
 อนึ่งมันขัดกับกติกาของเมืองมิคานตามสูตรบัญญัติไว้


     และอนึ่งอันอื่นอีก ที่มีนัยสำคัญเช่นกัน
คือการพบว่า 
      การมีชีวิตสมรส นั่นจะมีสรรพสิ่งเหล่านี่
ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ "การเอากัน"=ร่วมเพศ"
      การแต่งงานแบบมั่วๆซั่วๆ มันจะดีวันนี้แต่พรรุ่งนี้ จะมีปัญหาตามมา เช่นพฤติกรรมทางเพศไม่เหมือนกัน รสนิยมทางเพศไม่เหมือนกัน เช่น"เอากันพร่ำเพรื่อ "
"ไม่เอากันพร่ำเพรื่อ"
หรือคนหนึ่งจะนอน คนหนึ่งไม่อยากจะนอน แต่จะกินของเล่นตอนจะนอนบนเตียง
อะไรเทือกนี้เป็นต้น
อาหารอาจจะไม่ตรกสเปกศี(species) กัน


สันดานเดิมไม่เหมือนกัน หรือมีดรู๊ปเลือด
และผิวสีอต่างกัน
ถ้าขัดกับหลักการของตนเอง ไปกันไม่ได้ เพร่ะการถูกบังคับผบักไสวันหนึ่งมันอาจจะเสรีขึ้นมาสุดท้ายต้องแยกกัน

ถ้าขืนทำตามเจตนารมณ์แบแฝงถึงอยู่ด้วยกันได้
นั่นก็คือ"การตายผ่อนส่งนั่นเอง"
ทัศนคติทั่งหมเดังกล่าวมาแล้วเป็นของมิคานด้วยเหตุผลททั้งหมด 
มิคานจึงงดแต่งงานกับ"นารา"สาวสวย"ลูกหัวหน้าทาสที่ชื่อว่า"เกวา"นั้น
 แต่ในบริบทนี้บีคคลภายนอกมิคานเห็นอย่างไร
ตามใจชอบมันเป็นเสรีภาพของแต่ละคนแต่ละกลุ่มชนแต่ละขีนนางแต่ละกติกาของสังคม
คิดอย่างนั้ ลอร์ดมิคานอาจจะอ่อนเลขคำนวณแต่นี้เป็นคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ที่ตนเองธำรงไว้ตลอดมา


จึงเกิดประเด็นส่วนลึกของมิคาน
อีกเรื่องที่น่าสนใจมากคือ
ส่วนลึกขอลอร์ดมิคาน กล่าวคือหลังจากที่ตนเองได้รับการบอกเล่ายืนยันจากพี่เลี้ยวหรืแม่นมขื่อว่ส"กาจา" ว่าตรเอง เป็นลอร์ดแหางมิคานแต่ถูกแกล้งให้เป็นแมลสาปเหมือนอย่างที่เป็น  ทันทีที่กาจาพูดจบมิคานไม่สนใจมันมากเรื่องลอร์แห่งมิคานหรือสามัญชนแห่งมิคาน
สนใจอย่างเดียว คือมีกินมีใช้ตามอัตภาพ
       เท่านี้ชีวิตมิคานก็เหมือนสวรรค์แล้วมิคานไม่คิดทะเยอทะนานใฝ่สูง อยากมั่ง
อยากมี เหมือนคนทั่วไปทที่อาจจะอยากจะเป็นจะมีอย่างสุดไจนไม่มีคำว่า"พอ""
มิคานไม่ชอบการพนันทุกชนิด
และงดไม่ดื่มเหล้าเป็นนิจสิน และแสงงหากามารมณ์และความรักหรือชนิดเป็นนักล่า
หญิงสาวพรหมจรรย์ของหญิงสาวเพื่อความสนุกสนาน และคู่รักหรือเมียคนอื่น เพื่อความสุขของตน นี้คือปรัชญาชีวิตของลอร์ดมิคานโดยแท้จริง













          "นารา"ใจเธอของเธอต้องการ รักษาพรหมจรรย์ไว้สำหรับชายคยแรกที่เธอตัดสินใจจะแต่งงานด้วยกัน
เท่านั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอฆ่าตัวตายต่อมาโดนการกระโดดงงทะเลให้ปลาฉลามกินที่ผาสูงฝั่ง"ทะเลกริมเกรย์"" หลังจากที่พ่อเธอสั่งให้เธอไปหาปลา"แคมเมอรอน" (camer r o l )" และได้ปลามาให้พ้อเธอเสร็จแล้ว และตอนเธอทำพิธีฆ่าตัวตาบนั้นเธอดื่ทกาแฟร้อนไปหนึ่งแก้วที่"คาเฟเกรย์กราสส เอท-ซี-เรสตัวรอง "( cafe g r ay  g rass at sea restaurant ) ใกล้ผาเกรย์นั่นเอง
หล่อนชื่อ "นารา"ส่วนพ่อเธอชื่อกิกี
       
         มันอาจจะรับไม่ได้กับ"โมชั่น"
(motion)  ทุกชนิดรับจากฝ่ายทาสกลุ่มที่ขาด
มโนธรรมแห่งทาส และคอยตามรังควาญโดยเฉพาะคนที่เป็นทาสทีมีกิเลสหนาและมีโมหะอันมหันต์
ที่ ยึดเหนี่ยวกามมารมณ์และความั่งคั่ง
ความชนะ และท้ายสุดความสำเร็จ
เป็น"อุตมสัตย์" ในชีวิต
จะเสียอะไรก็เสียไปเท่าไหน่ก็ได้ทเพื่อให้ได้สิ่งดังกล่าวนั้นให้จงได้
     อันนี้  ถือว่าวิเศษสุดในความเป็นคนของเขา
แต่มิคานมีความเห็นแย้งที่แทนด้วยอาการการแสดงวาจาว่า"ไม่อยากจะพูด"
ต่อฝ่าบทาสที่เลือกทางเลือกที่สวนทางกกับตน
เพราะตนเชืาอว่าการเป็นทาสถ้าใครมีมโนธรรมก็จะเกิดเป็นขุนนางหรือนายทุนได้ในชาติต่อไปได้ไม่ยากนัก
บริบทอื่นอีกมากมาย
แต่ใครก็ตามทั้งชั่วและดีใดๆจง
ได้บรรลุธรรมนี้เท่าๆกันนั่นคือ
"การได้มีมโนธรรมสุดล้นพ้นเป็นสำคัญเถิด
ข้าขอวิงวอน  ความประเสริฐนี้มีแคต่ความจริง
ที่ไม่ต้องบอกกล่าวสอนใดๆ คือรู้และละอายใจได้ด้วยตนเองเมื่อตนเองประสบชีวิตและขะตากรรม
"ลอร์ดมิคานกล่าวและภาวนาในที่สุด"


ก็ลอร์ดมิคานถูกถามโดย"ปีศาจเจ้า"แห่งตำหนัก"ภูสมิง" ในขณะมิคานผจญภัยเดินป่า
ที่ป่สดงดิบ"เอวาซอด"Evas o d 's"ต่อมาว่า

"ท่านลอร์ดมิคาน  ท่านมีทุกอย่างแล้ว
ทำไมท่านจึงชอบออกมาใช้ชีวิตทดลอง  อีกแบบนี้เพื่ออะไร?
ลอร์ดมิคานตอบทันใดว่า
"ท่านคงไม่รู้ว่าผมเดิมเป็นใคร?""
"ก็ได้"
ผมจะตอบให้มันกระจ่าง แม้กระนั้น  ผมขอบอกก่อนว่า "ผมไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรจาก
ท่านอีกด้วย เพราะข้าไม่ต้องการเห็นสงครามน้อยๆ จากภายใต้หัวข้ออุธรณ์นี้ของข้าพเจ้าเลย " เมื่อท่านฟังจบแล้วจงลบทิ้งมันเสีย""
เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่า
ข้อเชื่อนี้ลอร์ดมิคานตามกติกาไม่มีสิทธิ์วิจารณ์สิ่งค้นพบหรือวิจารณญาณใดๆทั้งสิ้น นอกขากอยู่เฉยๆ
แต่บังเอิญมีคนแอบอ้าง ใช้คำวิจารณ์นี้
โดยชื่อหน้าเป็นลอร์ดและมีนามสกุลว่ามิคาน แต่มิคานตัวนี้ในพยัญขนะลาตินตัวเลขที่ตัวKMiK an  )มิใช่ตัง(MIcan) ซึ่งเป็นพยัญชนะตัวลำดับที่
ในภาษาลาตินอังกฤษ
แต่มีข้อมูลออกมาว่าดังนี้ ในหนังสือพิมพ์รายวันมิคาน สเตทนิวส์  (Mican state news)
แตรไม่มีใครสนใจหลุมดำสักคนเดียวในเมืองมิคาน
ต้อมามีนักข่าวมาสัมภาษณ์ว่าลอร์ดมิคานผู้ซ่อนเร้น(pretender lord)ว่าท่านเห็นหลุมดำอย่างไรฃอร์ดกลับจอบส่สมัรทับซ้อน มิใช่ลอร์ดมิคานแสดงมตินี้แต่บังเอืญผู้เผยแพร่แนสคิดนั้นมีขืรอพ้องเสียงกัน
เรื่องจึงเงียบไป ปัญหาลักษณะนี้ที่มิคานเขามีกฎหมายไม่เอาโทษใครได้ และถือเป็นไร้สาระ
ในเรื่องการบืนยันทางวิทยาศาตร์ทำนายและการค้นพบ

แต่เรื่อง"หลุมดำ"(black hold )ถูกเปิดออกม่ดังนี้
:มันเป็นหลุมดำในระบบอวกาศที่ข้าเชื่อว่า
หลุมดำ  มันคือจุดกำเนิดของสรรพสิ่งที่ทำให้เกิดอาทิตบ์และมวลดวงดาวททั้งหมดและทำให้เกิดมนุษย์บนโลก
และสรรพสิ่งทั้งหมดที่ปรากฎนี้
      แต่คนปัจจุบันมองไม่ออกว่ามันเป็นไปได้อย่างไร  เพราะเวลาอันยาวนานมากล้านๆๆๆปี
สรพสิ่งเกิดวิวัฒน์จนความจริงถูกกลืนเป็นสภาพปัจจุบันนี้เป็นและดั่งที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
      แม้ความคิดรากหญ้าแบบนี้ เป็นการตีความอย่างง่าย ทำความเข้าใจเอาเอง
ตามตารู้สึก"

ลอร์ดมิคานมิได้ค้านนักวิทยาศาสตร์อวกาศ ที่ท่านมี ถ้าท่านมีเป็นอย่างอื่นไปแต่อย่างใดไม่
      มนุษย์จงตามท่านไปนักวิทยาศาสตร์ ส่วนมุมมองนี้ก็เก็บไว้เป็นอาหารแห่งความคิดใหม่ๆ(ne o -f o o d o f  t h o u g h t)ได้ดี ตามสิทธิของคนคิด ก็แล้วกัน ลอน์ดมิคานสรุปในตนเองในที่สุด
เพราะเหตุผลที่ว่าเมื่อวานนี้เชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่มาวันนี้พระอาทิตย์นั้
นเป็นศูนย์กลางบางแห่งจักรวาลเป็นต้น
 
        มิติของอนันต์จ-อินฟิไนต์(infinity )จึงทำให้ลอร์ดมิคานมีความคิดเป็นของตนเองขึ้นมา
ที่เรียกว่ามุมมองของปัจเจกโพธิ(individuals )


มิคานได้สงเคราะห์ตามชีวิตและชะตากรรมของตัวเองและพูดออกมาแบบมอง อย่างที่จริงว่า"โลกมันกลม แต่ที่ตาเห็นมันแบนแผ่นเป็นแนวราบฉะนั้นอันนี้เป็นอุทาหรณ์
ชั่วข้ามคืนแบบนี้ 
ที่ไม่อาจลุแก่อำนาจเพื่อคนมีอุปดนณ์และความคิดอุปกรณ์ทางความคิดที่ด้อยไปกว่านี้
ได้มันเป็นสามัญสำนึกสำหรับเรา
ก่อนที่เราจะมีเวลาพอที่จะไปคิดอย่างที่เขานักวิทยาศาสตร์มิติคิดได้กัน

"ลแร์ดมิคานคิดเอาเองแบบเข้าใจง่ายๆและยังไม่อาจชี้เป็นเนติอะไรก็หาไม่"
      เทพเจ้าปีศาตภูสมิง"นั่งหัวเราะแบบขำกลิ้งแล้วก็เงียบไป  หลังได้ฟังลอร์ดมิคานสาธยายความคิดเหล่านั้นและคำบอกเล่าทั้งหมดออกไปจากปาก
          ขออภัยข้าฯในความคิดนี้มันอาจจะหยาบไปหน่อย แต่ข้าเชื่ออย่างนี้ ขออภัยหากท่าน"เจ้าตำหนักภูสมิง"เข้าใจสรรพสิ่งดีไปกว่านี้
เพราะ"มันเป็นนานาทัศนะ"และความต่างกันต้องมีบ้าง  ในเรื่องนี้ที่แยกเป็นความจริงเฉพาะและความจริงสากล ที่ข้าลอร์ดมิคานผู้เป็นปัจเจกโพธิสุดจะพึงเห็นได้ปานฉะนั้น





       ลอร์ดมิคานยังชอบใช้ชีวิตสามัญแต่พอตนเองถูกคุกคาม มากๆเข้า
ลอร์ดมิคานก็อยากจะหนีกลับเข้าปราสาทมิคานตามเดิม มิคานพูดต่อไปกับตนเองหลังจากลาออกมาจากตำหนักเทพเจ้าเจ้าปีศาจสมิงกูสมิงนั้นมา
      ลอรฺ์ดมิคานฝืนพยายายามอธิบายตนเองกับตนเองต่อไป  ในยามที่ตนเองว่างจากความนึกคิดและความเจ็บปวดแห่งชะตาขีวิตในวินาทีต่อมา
จึงปรารภว่า:-
     " อันที่จริงการเป็น ๆลอร์ดนะมันเหนือการเมืองเหนือสรรพสิ่งมันเป็นเทวสิทธิ์ เยี่ยงมนุษย์เช่นเรา
ที่เกิดมา"ได้มีที่อยู่ ที่กินแบบเบ็ดเสร็จ ที่ไม่ต้องทำไม่ต้องหามาเอง  เหมือนมนุษย์ทั่วไปจำนวนมากอื่นๆ ที่เกิดมาแล้วทต้องทำต้องหาเอาเอง
ต้องสร้างบ้านเองเป็นต้น เพราะบรรพบุรุษของตรเองมีไว้แต่ก็ไม่เพียงพอ และมิคานเกิดมาเป็นลูกคนเดียวเป็นเทวสิทธิ์ที่คนส่วนใหญ่มีลูกหลายคน
มรดกมีมาก็ต้องแบ่งกัน  แต่ลอร์ดมิคานครอบครองเทวสิทธิ์นี้โดยไม่ต้องแบ่งให้ใครหลังตนเองรับมรดก ที่รักษาไว้ให้โดยแม่นมที่ตายไปแล้ว
เช่นกันที่ชื่อว่า"กาจา""ท่านผู้นี้ตายไปหลังวันมอบมรดกพินัยกรรมให้ลอร์มิคานตอนเที่ยงวันของวันบรรลุนิติภาวะของลอร์ดมิคานนั่นเอง
"กาจา"แม่นมของลอร์ดมิคานเป็นลมหมดสติแน่วนิ่ง ตายในวันนั้น ไม่ทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงแต่แพทย์บอกว่า"เป็นโรคหัวใจขาดเลิอดตา
ย เพราะการดีใจที่ได้อุตสาห็รักษาพินัยกรรทนี้ไว้ให้ลอร์ดมิคานอายุบรรลุนิติภาวะนั่นเอง
คือแพทย์สันนิษฐานว่า"'กาจา"คงจะดีใจมาหที่อยู่ได้ทนถึงวันนี้และทำสำเร็จ ภสษาแะทย์จึงเรียกว่าหัวใจวายตายละกระมัง แพทย์ผู้เยียวยาเธอสุดจักเยื้อชีวิตเธอไว้

       ลอร์มิคานเสียใจมาก เมื่อทันทีที่ทราบข่าวการตายของเธอ และมิคานคาดว่าจะให้นักปาฏิมากรเพื่อนกัน  ทำ"อนุสวรีย์กาจา"เพื่อเธอไว้เป็นอนุสรณ์ที่สนามหญ้าหลังปราสาทมิคาน  หลังที่ตรเองได้สิทธิครอบครองปราสาทมิคานสมบูรณ์จากคณะกรรมาธิการกติกาแห่งเมืองเป็นการถาวรเรียบรเอนแล้ว  ทั้งนี้ลอร์ดมิคานทำเพื่อเป็นการปฏิการคุณต่อ"กาจา  เดอะ หญิงผู้มีพระคุณ"





    อันเทวสิทธิ์นี้ที่ลอร์ดมิคานเข้าใจคือมีพื้นที่ที่จะเหนือศาสนาไปเลย  แต่ลอร์ดมิคานไม่เคยไม่เคารพศาสนา แต่ไหนแต่ไรมา
     เพราะลอร์ดมิคานถืแว่า"ศาสนานั้นเหนือสรรพสิ่งเบ็ดเสร็จหมดโดยประการทั้งปวง

ศาสนาบริสุทธิ์ มีไว้ไร้คำติฉินนินทาใด เพราะ"ศาสนาเป็นศูนย์รวมแห่งมโนธรรม"
       ศาสนาเป็นสิ่งที่ทุกๆคนดื่มได้  หรือศาสนาคือเป็นเรื่องเหนือโลก
ศาสนา เป็นสิ่ง เหนือกามารมณ์
ศาสนาเป็นสิ่งเหนือเหตุผล 
ศาสนาเป็นสิ่งเหนือความรัก
ศาสนาเป็นสิ่งเหนือตรรกะ


     มิคานกล่าวต่อ    
"เราไม่มีธุรกิจอะไร""
เราไม่ใข่นักลงทุน
แต้เราเป็น"นักบริโภคนิยม"เสียมากว่า
ข้าขอจำนน
เราขอไม่เป็นนักธุรกิจเก็งกำไรแต่เราจะมข้มันเมื่อการนำเสนอเพิ่อบริโภคมาถูกต่ต้องใจเรา
ถ้านักธุรกิจนักลวทุน ไม่มีไม่ทำให้เราใด้บริโภคเราก็จะบริโภคปราสาทมิคานที่เรานั้นนั่นเอง
อย่างมีความสุข


       เราไม่เอาอะไรอื่นอีก
เราไม่ฝันเพ้อและจินตราการเพื่อครองโลกแต่เราเอาแค่มรดกที่มีติดตัวมา เพื่อพอยังขีพได้และก็อยู่ไปด้วยเกียรติและมโนธรรม เพราะกติกาแห่งมิคานก็บัญญัติให้เรามีได้แค่นั้น

    เราเป็นลอร์ดต้องอยู่และ   อยู่ในขอบเขตจำกัด

ยยย
จึงไม่พยคาทีทเป็นลอร์ดหรือทอเแนเจเาขายไปเซเนียเวินเอสเอสโซเซียลเซกคิวาตกวาน
านนนา

แต่เป็นลอร์ดก็มีมรดจริงรับรองอยูแล้วอย่างปลอดภัยและเป็นเอกลักษณ์ของมิคานเท่านั้น
      
            และในความเป็นลอร์ดเราได้รัยการยกเว้
นภาษีบางอน้วัวึมงานเมทแวก็ออกไปบ้าง
แต่ไปสมัครคเป็นสมาชิกสภาปผู้แทนราษฎร์หรืออะไรก็ไม่ได้ ถ้าอยากฝืนจะทำก็ต้องลาออกยากตำแหน่งขุนนางลอร์ดเสียก่อนคือเป็นสามัญชนก่อน
มีสิ่งต้องคิดอีกมากมาบ
 
            ส่วนทรัพย์สินของลอร์ดที่จะอู้ฟู่ขนาดหนักระดับมหาเศรศฐีพันพันล้าน
ก็คงไม่มี  นอกจากมีมรดกเป็นที่ดินที่บังเอิญต่อมา  มันบ๊วเอิญแพงมากอันนี้ก็
เลยเกิดเป็นส่วนเกินของลอร์ดแต่ละรายไปของ
เมืองมิคาน
 สสสสสส
         โดยบูม(boom)สถานะลอร์ดที่ รวยขึ้นมาโชคดีไป  ที่ได้ผลบวกส่วนเกินเพิ่มมูลค่าจาก"เทวสิทธิ์ "ในความเกิดขึ้นเป็นลอร์ดโดยกำเนิดและสืบทอด

ลอร์ดลิเทลตอนที่16 ตอน"ท่านหญิง""

                  ลอร์ดลิเทลตอนที่16 
                   ตอน"ท่านหญิง""

        "เพราะเจ้าตัวดีนี้ ทำให้ประสาทของฉันเสียเส้นไปหมด " ทีแรก"ว่าจ้าง"พลัมเบอร์(plumber)มืออาขีพจดทะเบียนบริษัท"จาก ในเมืองมาทำเสียทีเดียวก็ดี และก็หมดเรื่อง" และดันไปเชื่อ"เอทิล"คนใช้(เขามีสองชื่อ)เจ้าคนใช้ตัวแสบ นี่"คิดว่าไว้ใจได้" แต่ที่ไหนได้"
เอทิลนำพรรคพวกมา  แล้วเสือก ดันมาทำอนาจารกับฉันแบบนี้  "เรานี่เสียความรู้สึกไปหมดเลย ตอนนี้" กูดี้กล่าวกับตนเองด้วยเสียงละห้อย"
     
           ท่าทางเอทิลก็ดูเหมือนเป็นคนใช้  มีแวว
นั่งรอกินเมืองอย่างเดียวอยู่ด้วย เห็นว่ารู้จักกับผัวเลยจ้างมา

       "ฉันขอพูดหน่อยเถอะ" ไม่รู้ว่เอทิลมันแอบใส่ยาพิษไซยาไนด์ชนิดไร้ตัวตนติดตามได้ ให้พันตรีมิค็อกกินรึเปล่าเพราะผัวตายเกินวัยเกิ้น!
หรือว่าเอทิลเป็นสายลับจารกรรมจากหน่วยงานใต้ดินใดๆที่มีเป้ามาที่พันตรีมิค็อก  เพื่ออะไรจาก.    
         ใครไม่รู้ เพื่อหวังผลทางอ้อมบางอย่าง ต่อยี้ไปเอทิลไปแล้วเราต้องใช้สัญญาผูกมัดการรับผิดชอบกับเจ้าคนใช้รายใหม่ไว้อย่างมั่นเหมาะเห็นท่าจะดีเพราะมันเป็นวิธีที่เรามี และมันดีที่สุดที่จะทำได้ "กูดี้วางแผน" แล้วคิดถึงเรื่องนี้อบยู่ในใจตนเองคนเดียวต่อไปว่า
       
        นี่แหละ! 
        ที่"เขาเรียกกันว่า"เสียน้อยเสียยาก  เสียมากเสียง่าย"  มิหนำซ้ำจะพาลเสียตัวเสียเกียรติและมีมลทิลแปดเปื้อนตัวเข้าไปอีก"
ดีนะ่ฉันขอปิดข่าวไม่แจ้งความ เพราะกลัวขายขี้หน้าไป ทั้งเมือง

       " สรุปมันเสียเวลาที่จะไปเอาเรื่อง"คนแบบนนั้น"
         อนึ่งเราก็เป็นคนใจง่าบเกินไป ที่คิดไว้ใจทางวางใจคนเพราะเห็นแด่หน้าโดยไม่ึดด้วยตนเองเสียก่อนว่สอะไควรและอดไรไม่ควร"พระ้จ้าเท่านนั้น จะรู้ได้ว่าเราพลาดไปแล้ว เราจะแวะไปสารภาพบาป  อาทิตย์นี้ที่โบสถ์กับท่านพ่อสมิกคมแชร์แห่งโบสถ์กลางของเมืองมิคาน


         คืนนี้ฉันนอนไม่หลับ หลังคาห่องนอนหนึ่งรูปะก็ทำไปได้ด้วยปัญญาของตนเอง  พอแก้ขัด
กันฝนรั่วเท่านั้น เมื่อว่าง  เมื่อไหร่ แล้วค่อยคิดแก้ไขต่อไป

         ป้ากู้ดี้มีอาการคิดมาก และนอนก็ไม่หลับ
แต่กูดี้ไม่ชอบใช้ยานอนหลับ
กาแฟหรือชาร้อนๆนมสักแก้วมันคงทำให้เราหลับได้แน่นอน  "กูดี้จะกินกาแฟเพื่อได้นอนหลับ สุขอนามัยของ แก  "ไม่เหมือนใครอื่น""
กาแฟทำให่แกมีจิตโดดและขณะเดียวกันมันทำให้แกหลับได้

      ด้วยถ้าจะหลับและกาแฟสำหรับแดมันแก้หวัดหลังตากดอกฝนมาหยกๆ
แต่กะคนอิ่นไม่รู้ยังงัย  แต่กาแฟสำหรับแกๆใช้มันมันได้ผลใน3สาเหตุเหล่านั้นเสมอ
และได้ผลชะมัด  ส่วนต่างกันคือผัวแกที่ตายไปแล้วนายพัาตรีมิค็อกผัวแกนั้น
ต่างกันมากถ้าผัวแก พอกินกาแฟเข้าไปตาแข็งและไม่ยอมหลับยอมนอนขึ้นมาเดียว





       "โอ้ยมันระยำจริง"นะ!ชะตาชีวิตเรา
ป้ากูดี้คิดๆว่า"ไม่ไหวแล้ว" 
"โลกหนอโลกมนุษย์""
      ทันใดนั้นแกก็เอื้อมมือไปหยิบ"ยาพาราเซตตามอล"(paracetamol )กินเข้าไป2เม็ด ตามด้วยน้ำชาร้อนหนึ่งแก้วเพียวๆ(pure)
และของีบเอาสติสักนิดนึงต่อมา





             ลอร์ดมิคานเคยคิดว่า พวกทาสและกรรมกรคงคิดว่า"เราขุนนางนี่เกิดมาสบาย  คิดว่า เราเกิดมาเป็นลอร์ดได้อยู่อย่างราชา

          การเป็นลอร์ดที่เมืองมิคานเขามีที่เรียกว่าสภาศักดินาลอร์ดแห่งมิคานกำหนดขึ้นเป็นคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์มีฐานะที่สูงกว่ารัฐธรรมนูญของเมืองมิคานเสียอีกและบทบัญญัติใครจะมาแก้ไขไม่ได้
และสำรองสำหรับผผู้เป็นลอร์ดที่เกิดมาเป็นด้วยอำนาจผลบุญที่เรียกว่า "อำนาจเทวสิทธิ์""เท่านั้น

        จึงจะมีสิทธิ์เรียกร้องสิทธิตามคัมภีย์ซึ่งตะมีวาระสามปีครั้งโดยรัฐสภาของรัฐมิคาน

และที่จะควบคุมโดยลัมธิลบูชาอดีตนี้ได้เป็นตัวกำกับ

          ส่วนสามัญชนก็ไม่มีสิทธิ์และห้ามไปก้าวก่ายเด็ดขาด กับเทวสิทธิ์นี้
"นี่คือข้อกำหนดแห่งกฎหมาบพิเศษของรัฐมิคาน""
           แต่ทุกลอร์ดคนคงตกอยู่ใต้กฎหมายทั่วไป(common law)ของรัฐมิคานเช่น
 ระเบียบปฏิบัติคือ ถ้าลอร์ดไปฆ่าทาสตาย ถ้าศาลเห็นว่าลอร์ดทำผิดจริง ลอร์ด ก็จะได้รับโทษแบบสามัญชน เช่นกัน 
          แต่ศพของลอร์ดที่ถูกประหารขีวิตคงต้องพาไปไว้ที่สุสานของปราสาทนั่นๆที่ลอร์ดแจ้งเกิดมา ตามเดิม  และห้ามนำศพมาปะปนกับสามั
ญชนเด็ดขาด

     อนึ่งถ้าลอร์ดต้องจำคุกโดยศาลพิพากษา
เช่นลอร์ดติดฝิ่น ดังนี้เป็นต้น  ถ้าติดคุกจะแยกคุกออกไป ต่างหาก
ที่ทางเรือนจำกลางจัดไว้
      แต่ต้องติดคุกเช่นกัน ไม่มีอภับโทษใดๆ
เมื่อพบว่าลอร์ดกระทำผิดกฎหมายของรัฐมิคานที่ตราไว้ 
      ท่านลอร์ดทุกคนไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆในกรณีนี้ ส่วนศาลใช้อำนนาจศาลทั่วไปตัดสิน
       หากมีกฎพัวพัาพิเศษคาบเกี่ยวไม่ว่าเรื่องใด ถ้ามีชึ้น ศาลจะชะลอการตัดสินไป5ปีระหว่างรอการตัดสิน ลอร์ดนั้นๆคงติดคุก(custody)แบบไม่มีประกันในทุกรณีรอจนกว่าศาลจะพิพากษาเสร็จโดยหลักนิติธรรมสมบูรณ์




และคือ
 เมื่อเกิดเป็นลอร์ดเเล้วจะมีขอบเขตจำเพาะ
เช่นห้ามยุ่งการเมืองห้ามแต่งงานกับทาสและนายทุน แต่ไม่ห้ามศาสนา
       นอกจากขะผสมพันธ์กันภายในพวกขุนนางชั้นลอร์ดเลดี้(lord&lady)ด้วยกันระดับเดียวกัน 

อนึ่งคือมีลัทธิอันเคร่งครัดต่อกฎนี้และเป็นประชานิยมของมืองมิคานอีกด้วย

     กล่าวคือคนพลเมืองมิคานจะบูชาลัทธิอดีตที่ลัทธินี้รองรับกติกาเหล่านั้น และห้ามลอร์ดออกสงครามอยู่แต่ในวังปราสาทเท่านั้น เท่สกับถูกแต่งคั่งให้เป็นขวัญเมืองขวัญแห่งรัฐมิคานนั่นเอง

     มรดกมีปราสาทเป็นต้น   เท่าที่บรรพบุรุษตกทอดมาให้หลายชั่วอายุคนที่
ได้สร้างไว้ให้โดยกลุ่มอัศวินทหารและข้าทาสบริพารในยุคเก่าก่อนเพื่อเป็นเกียรติอด้ลอร์ผู้เป็นบรรบุรุษแม่ทัพยึดดินแดนป้องกันอธิปไตยไว้ได้และชนะข้าศึกผู้รุกรานมาเป็นบำเหน็จอมตะสำหรับลอร์ดทุกๆคน
 พบว่าบรรดาลอร์ดแห่งมิคานทุกคนเกิดสานต่อกันมาน้อยลงทุกที และลอร์ดแห่งมิคานกำลังจะสูญพันธ์ุ แต่กติกาแห่งลัทธิบูชาอดีตนี้คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อไป และพบว่าลอร์ดแห่งรัฐมิคาน
หายสาปสูญลงใต้ดินไปเป็นจำนวนมาก
แต่เมืองมิคานไม่เคยวิตกเรื่องนี้ เพราะมีคำทำนายว่า
"การสูญพันธุ์ของลอร์ดในมิคานจะไม่เกิดขึ้นตลอดกาลอวสานต์แล""
นี่คือคำทำนาย

อาจจะจริงเพราะลอน์ดหายไปแล้วโผล่มาอีกอย่สงกรณีลอร์มิคาน  และบางลอร์ดขอลาฐานันดรศักดิ์ไปเป็นสามัญชนได้มีใช่น้อย ซึ่งกติกาทีทตราไว้จากบรรพบุรุษตกทอดมา7ชั่วอายุคนให้ทำได้โดยตราเป็นกฎหมายแห่งเมืองมิคานขึ้น ตามกรณีสืบไป
  

       คนเป็น   ลอร์ดมีรายได้จากเมืองมิคานที่กำหนดไว้ มีรายละเอียดมากมาย สรุปลอร์ดคือเศรษฐีของเมืองมิคานชนิดหนึ่งที่ตายตัว

        กติกาอีกมากมายลอร์ดมิคานทบทวนความจำได้แล้วจากเอกสารแมกนา(magna)ฉบับดึกดำบรรพ์  ก็จะนำมากล่าวอีก
        "ใช่" ผลจากกติกานี้ทำให้ลอร์ดในเมืองมิคานหาบสาปสูญ หรือหนีตายจากไปมากในอันดับต่อๆมา 
         รวมทั้ง"ลอร์ดมิคาน"ก็เข้าข่ายสาปสูญนี้ด้วย  แต่ท่านเคาเตสสโลดอเนียได้ช่วยไว้

             ที่จริงการเกิดเป็นลอร์ดมันเป็นเทวสิทธิ์คนเรสไม่สามารถเลือกเกิดได้  เมื่อจะคลอดออกจากโยนีแม่ก็คลอดเท่านั้นทไม่มีใครเอามายัดเยียดเด็กใรโยนของหญิงอื่นให้เป็นได้ ถ้ามีผิดวิปริตธรรมขาติมันก็ผิดกฎหมายสากลนิยมอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ว่า"การเกิดมารอดอยู่อย่างลอร์ดนั่นมันคืออะไร เป็นได้เข่นไร และอย่างไร"

          
           เป็นลอร์ดมีแต่กฎเกณฑ์วัฒนธรรมสาระพัดสาระเพที่ต้องเคร่งครัด  มีอาณาจักรอปราสาทของงตนเองทำขึ้นใหม่ไม่ได้
          ลอร์ดมีมรดกรองรับทุกคน ใครจะทำอะไรตามอำเภออำใจตนเองก็ไม่ได่ 
 แม้เลอร์มิคานเองก็คิดสำเหนียกในเรื่องนี้อยู่
ก็ด้วยเหตุนี้ลอร์ดมิคานจึงเป็นลอร์ดนิรนาม
เป็นคล้ายสามัญชนอีกมิติหนึ่ง
แบบลาหรือพักหรือหนีฐานันดรศักดิ์
มา

          นับตั้งแต่


ที่ลอร์ดมิคานได้สูญหายมาตอนแรก
จนต่อมาตนเองโตขึ้น  มีคนแอบกระซิบบอก
จึงได้รู้ว่า"คนอย่างไรเป็นไรเป็นลอร์ด มีสายเลือดมาจากไหน  และอยากอยู่ฉยๆ เป็นปรัชญาและเป็นลอดร์นิรนามมาเรื่อยๆ 


       จนวันหนึ่งมาพบกับลอร์ดลิเทลบนทางสวรรค์ช่วงติดกัยบเทือกเขาโอเฟที่ลอร์ดมิคานไปหาดื่มหยาดน้ำค้างตลอดเวลา

       และมิคานก็เชื่อว่าลิทลมิใช่เป็นสายลับมาตามตัวกลับสถานภาพเดิมๆที่มิคานเคบเป็น  และควรเป็น และที่จะเป็น ก็วันนั้นที่"เฟิร์ทแมท"(first  m e t )ต่างมีท่าทีไม่นะ! คือไม่สงสัย เราเป็นคนไร้เดียงสา(naive )

       และตอบรับต่อคำเชิญอันเอื้อสุดๆ เป็น เพื่อนจากลอร์ดมิคาน และมิคานมิได้คิดว่าจะได้มา"ป่รามาทครูเซอร์"อันยิ่งใหญ่และลึกลับและน่าทึ่งน่ากลัวนี้เลยอีกด้วย "มิคานสารถาพ" แม้ในฉากทัศน์แรกทีเราพบกัน มันเหมือนอ้ายเด็ก"กะโปโลมีแววตาไร้จุดหมายชื่อลดไเทียมสำหรับมิคาน" 
ส่วนลิเทลดูเสมือน คนขับรถคนหากินแก้กลุ้มใจเก็บขยะขายตามถนนที่ชื่อว่า"ทางไปสวรรค์"นั้น
ผู้มีหลักการ
        แต่เราสอฝมารูตัวว่า "เราเป็นลอร์ดโดยสายเลือดก็ต่อเมื่อ 
งาน"ราตรีสโมสรวิทวัส"ไปแล้วเกือบค่อนคืน
     ตอน"ท่านเคาน์หญิงสโลดอเนีย"ประกาศเสนอให้ลอร์ดมิคานเป็นลอร์ดตามเดิม ที่เธอพบแววบุพชาติและแต่งตัวดีรูปหล่อดั่งมนุษย์ที่ถูกสั่งแ
กะสลักและปั้นมา (   จากคุณลักษณะพิเศษนี้ของมิคานต่อมาทราบว่าพวก"ทาสที่ไร้ความคิด"ได้คิดทำสิ่งมิดีเพื่อให้มิคานอับเฉา ไม่หล่อ เสื้อผ้าขาดปะด้วยพญาแมลงสาปและพญาหนูจอม
แทะชื่อว่า"สแมกี"และ"เรวา"ตามลำดับ แบบไม่มีใครรู้สาเหตุ แต่มิคานรู้ดีแต่ก็"อโหสิ"
   
        เพราะลอร์ดมิคานรักมนุษยชาติ  " ไม่ตำหนิคนทำเลวและไม่พูดชมว่า"ใครทำไม่เลว แต่ปล่อยให้"นิติธรรมปรัชญา"ตัดสินซึ่ง "คนเลวต้องตาบคนดีต้องอมตะกระนั้น เพื่อเป็นอาวุธลับของลอร์ดมิคานเองด้วยเสียง"เงียบ"

     ใครจะดีมาก อย่างไร ลอร์ดมิคานมีอุดมคติว่า"กรรมใดใครก่อกรรมนั่นจะส่งผลเอง"
      ตัวมิคานไม่ต้องไป"อาฆาตพยาบาท" เขาผู้นั่นใดๆกับใครตามบทปรัชญาที่ตนเองเคยเรียนมา หากมีอะไรมากไปอีก ลอร์ดมิคานก็ให้ทุกคนฟังทางศาลเป็นสิ้นสุด
         
         เพราะว่ามิคานปฏิเสธไม่แต่งงานกับลูกสาวของหัวหน้าเผ่าทาสกลุ่มหนึ่ง  ที่ชื่อว่า"กาวา" ตอนนั้นพวกคิดร้าบเขาไม่คิดว่ามิคานจะเป็นลอร์ด แต่เพียงสงสัยว่าเป็นลอร์ดที่หนีมาเท่านั้น)
      มิคานสงสัยว่าท่านหญิงเคาน์รู้ได้อย่างไรหรือว่าท่านหญิงเคาน์เป็นจารชน
    "  อะไรๆก็จารชนไปมด" เพราะด้วยเหตุที่ลอร์ดมิคานเคยเรียนที่"โรงเรียนจารชนภาคพิเศษ"ขณะเรียนที่มหาวิทยมหาวิทยาลัยท่านลอร์ดเรียนใน"นามสามัญชน" แห่งหนึ่ง เพราะเป็นลอร์ดห้ามเรียนสูงในระดับมหาวิทยาลัย ตามกติกาขุนนางเมืองคาน แต่ว่าลอร์ดโดยกำเนิดทุกคนต้องเรียนให้จบ มัธยมปลายที่"พับลิกสกูล(public  school )
"ที่กติกามิคานจัดไว้ทุกคน)
(และ รร.จารชนนี้ที่จะไม่ยุ่งการเมืองการทหาร =แต่ผู้อำนวยการสอนชื่อ"เคลียา"เป็นอดีตตำรวจสันติบาลและสังกัดหน่วยสืบราชการลับในระหว่างสงคราม ส่วนในยามสงบ ท่านปลูกผักดอง(pickle cabbage )ขายยังชีพ""


     และท่านเคยเป็นเชลยศึกสงคราม(prisoner  of  war มาก่อน และท่านจบวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตปริญญาเอกทางเคมี แต่สถาบันห้ามเรียกชื่อหน้าว่าป็นดอกเตอร์"ดร." และท่านเป็นทหารและมียศทางกองทัพที่สั่งปกปิด จนกว่าจะอนุญาต)ด้วยเหตุนี้จึงคิดจารชนขึ้นสมองเพราะหลักมีว่าสงสัยสิ่งที่แปลกเอาไว้ก่อนแบบเป็น"เกสสิ้งเกมส์"(guessing   game =การแข่งเดากันว่าอะไรในสิ่งที่ถูกปกปิดนี้ มันเป็นเกมส์เน้าสมองเล่น เมื่อไม่มีอะไรจะทำโดยฝ่ายเสนอจะบอก"คลู"  (clue)สู่การเดาได้บ้างจนใครเดาถูกชนะ) 

     จากที้ตนถูกฝึกปรือมาทำนองนี้  
และทุกตอนตอน เพื่อการนี้โดยเฉพาะในคติเรื่องลอร์ดที่หายไป ตามประวัติศาสตร์ที่ตกหล่มและกำลังถูกลืม และความจริงทุกอย่างถูกเปิดออกในวันเวลาต่อๆมา



ลอร์ดลิเทล15ลอร์ดลิเทล15(7872) ตอนอิดี"

                 
        ลอร์ดลิเทล15(7872)
                  ตอน"อิดี"
                  (7722)
      อีกส่วนหนึ่งของหนังสือปริศนาเล่มนั้นที่ปกมัน!แม้ชิ่อหนังสือ!มันก็ไม่มี หรืออาจจะขาดหายไป " แต่ลอร์ดมิคานก็ไม่สนใจ" เรื่องปกและชื่อของหนังสือมากนัก นอกจากเนื้อหาและสาระสะดุดใจเท่านั้น ที่อยากสะกดตามว่า"มันมีอะไรน่าสนใจ"กับความเป็นไปของโลกภายนอกตัวเองในปัจจุบัน

        เมื่อลอร์ดมิคานพลิกกลับกลับมา  ที่ชิ้นส่วนของหนังสือจากที่ลอร์ดมิคานไปพบมา

มันไม่น่าขะทำตกหล่นในเทือกเขานี้เนื้อที่เทือกเขานี้มีตตั้ง1,000 เอเคอร์ สงสัยว่าจะเป็นงานจารกรรมชีวิตอัปยศของลอร์ดมิคานจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ว่างงานทำก็ได้หรือ ใครบ้านึกสนุกขึ้นมาจึงทำอย่างนั้น เพราะที่เขามีเทศบัญญัติว่า"เทือกเขานี้"ห้ามทิ้งขยะเป็นกฎหมายมีโทษหนัก""

      ที่จริงตาม ประวัติของลอร์มิคาน"ห้ามเปิดเผยคนอ่าน"ที่"หอแอกชีพประชากรศาสตร์"ของเมืองมิคาน"(archivedpopulation house science)อีกด้วย ชีวิตจริงในส่วนตัวมีสถานะมั่นคงมาก  แต่ไม่ยึดติดกับค่านิยมทสงสัตถุเหมือนใครอื่นเช่นใช้บัตรเครดิตธนาคาร เป็นต้น

       ท่านมีปราสาทของตนเอง อยู่คนเดียว เดียวดาย มีมรดกเป็นบุตรคนเดียว มีการศึกษา แต่ชอบใช้ชีวิตในนาม ชอบเป็นคนสามัญวิสัยชอบเป็นลอร์ดนิรนามชนิดนอกทำเนียบลอร์ด และไม่ชอบแสดงตน ชอบแสดงตนเป็นแทรมป์  (tramp)อย่างเจ้าชายกระบี่ไร้เทียมทานงั้น

     มีกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่มไม่เห็นด้วยและค้านต่อสถาลอร์ดแห่งมิคานแต่ถูกปัดตกไป เพราะอีกฝ่ายถือว่า"เป็นปรัชญาชีวิตของปัจเจกชนที่หายาก  และน่าศึกษามากกว่าชณะทีทสัวคมเกิดความเหลื่อมล้ำทสงชนชั้นวูงมากขณะนี้ที่เมืองมิคาน ปู้ที่ไม่เห็นด้วยอาจจะเป็นฝ่สยที่เสียผลประโยชน์อย่สงลับๆหรืออย่างเปิดเผยก็ได้  เพราะลอร์ดมิคานไม่ยอมเซ็นเอกสารใด ให้ใคร อะไรอีกที่เป็นนิติกรรมสัญญาผูกมัด  หลังท่านพ่อของลอร์ดมิคานคือดุกส์เควิน( Duke Kevin) เสียชีวิตลง

          หรือ"หน่วยจารกรรมอาสาพิเศษ" สนใจลอร์ดมิคานด้านพฤติการณ์กรรม มาหากินหยาดน้ำค้างที่เทือกเขาโอเฟตลอด เหตุชวนสงสัย ในเวลานั้นซึ่งมันแปลกมาก (weird)  จึงทำทีทำหนังสือขาดวิ้นหล่นไว้ที่ทางเทือกเขาโอเฟที่ลอร์ดมิคานเดินมาทุกวัน "เมืองโอเฟและเมืองมิคานและเมืองโนวา"มีพรหมแดนใกล้ๆกันแต่ในมุมกว้างและไม่สามารถเดินติดต่อกันได้สะดวกนอกจากเรือเฮลิคอปเตอร์(helicopter )เพราะ แต่ละเมืองมีแต่หุบเขามากมาย

   ฉากทัศน์ต่อไป  มาที่อีดี     อาการของป่ากูดี้มันเป็นเช่นนั้นคือชอบนุ่งผ้าบางๆแนบเนื้อฃอยตัวพลิ้วง่ายแบบปล่อยๆตัว ในบ้านหลังสามีคือพันต่ีมิค็อกตายลง  แกชอบเปลือยกายอยู่คนเดียสเสมอ แต่ปลอดสายตาคน เพราะป้าก๊ดี่มิๆด้เป็นเอกบิขั่นนิสต์(exhibitionist) =คนชอบเปิดเผยแสดงตนองแบบเปลือยๆแต่เป็นศิลปะ)

        ตอนเกิดเหตุ"อิดี"ปล้ำเธอนั้น เพราะ"อีดี"ตายใจ คิดว่าป้ากูดี้รักและชอยต

นในมุมมอง" แฟนซี ยู"(fancy you)

      ป้ากู้มั่นใจว่า "คนหลวไหลเท่านั้น ที่ใครอยากที่จะมีเพศสัมพัทธ์กับคนแปลกหน้า โดยไม่มิได้บอกล่วงหน้ามาก่อน "

      แต่ฉันจะไม่คบชู้กับใครอื่นอีก"ในใจของป้ากู้ดี้กำลังพูดตอบโต้กับอิดี ผ่านทางสายตาอันแข็งกร้าวและมีนัยตา"สีฟ่าหม่นป็นประกาย"อย่างเขียวปั้ด เหมือาตาเทพเจ้ากำลังดุและกำลังตะเพิดพวกพญามารเข้ามารบกวนลักพานางสนมของพระองค์ และกำลังหมมิ่นเหม่ต่อการถูกรุกรานอาณาจักรของพระองค์กระนั้น

         "อิดี"หน้าซีดเผือดสีหน้าฝาดเผือดเป็นสีเหมือน"ถั่วลิสงต้มสุกแกะเปลือก"  ทันทีที่ได้ยินหลายประโยคนั้นๆ

         และ"อิดี"ก้อไม่กล้าสบสายตากกับป้ากูดี้อีกเลย ถ้าจอนนั้นป้ากู้ดี  มีปืนอย่ในมือ  เธอคงยิงไหล่หนือบ่าของอิดีให้บาดเจ็บล้มลงแน่นอน (ปกติปืนอสตร้า.22(Astra. 22)ของป้ากูดี้มีจำนวน 1 กระบอกบรรจุกระสุนเต็มแมกาซิน(magazine) ตลอดเวลาพร้อมปลดล็อกเพื่อยิงป้องกันตนเอง

         ปืนนี้มันเป็นมรดกตกทอดจาก พันตรีมิค็อก แต่บังเอิญวันนั้นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นห่างจากห้องนอนที่ชำรุด)สำหรับป้องกันตัวยามมีภัย อิดีจึงโชคดีไป

       " อิดี"ตอนนั้น แทบจะเอาหัวมุลงดิน  ตรงที่เกิดเหตุนั้น!  "แม้ผัวฉันจะตายไปแล้ว"

ป้าจูดี้ยืนกรานในความคิดที่ค้านอย่างแรงกับการกระทำของอีดีแบบนี้"การปล้ำและโอบกอดผู้หญิงด้านหลังแบบนี้แล้วใช้นิ้วมือ  จับผู้หญิงอย่างฉันขยี้บี้นมฉัน "เธอคิดว่าฉันจะเงี่ยนกนะสันต์นะ!"
เธอฝันไปหรือเปล่า

        "ที่ฉันไว้ใจอกเพราะเห็นว่าแกเป็นคณะของคนรับใช้ฉันนะ!  แม้วันนี้ ฉันจะนุ่งผ้าหลุดลุ่ย  กางเกงลิฉันก็ไม่ใส่นั่น! มืใช่ยั่วแกน่ะบอกก่อนนะอ้ายอิดี!  อ้ายพ่อหนุ่ม
          "ป้ากูดี้ สำทับตนเองว่า" ทำแบบนี้นั่น!มันเป็นวิสันของพวกโรคจิต หรือพวกกามวิปริตมีรสนิยมทางเพศแบบชุ่ยๆ น่ะ" ถ้าเธอเงี่ยนเพราะเหนื่อยมาก แกก็น่าจะบอกฉันตรงๆ !ฉันจะได้ให้เงินแกไปเที่ยวปล่อยอารมณ์ให้พอใจ ในที่เขามีผู้หฐหญิงแบบนั้น  แต่ในการทำแบบนี้มันไม่เหมาะ ทุเรศมากน่ะ!  เธอน่าจะสุภาพและเป็นคนกว่านี้
          ตอนนั้นพอเวลา เมื่ออิดีได้โอกาส อีดีจึงโอบกอดปล้าป้ากูดี้ ซึ่งป้สกูดี้ เธอนั่นสวยขาวนมยังเต่งตึ่ง อายุก็ยัวน้อย ไม่สมชิ่อที่คนทั่วไปเรียกสมญานามว่า"ป้ากูดี้" และสามีเธอตายไป5ปีแล้ว ใครเห็นาภาพนี้ ก็นึกว่าเธอนั้นเหงาอารมณ์ทางเพศเต็มที่แล้ว
         "ฉันไม่ใช่คนแบบนี้น่ะ" อนึ่งฉันมีเพื่นรู้จักเป็นท่านลอร์ดท่านหญิงก็หลายคนในชีวิตฉันๆจะไม่ให้ท่านเหล่านั้นเสียเกียรติท่านเพราะการกระทำขอวฉันเป็นหญับอกกอก
"อ้ายบ้า" ป้ากูดี้ด่ามันอยู่ในใจว่า:-
       "ฉันเสียใจมาก  ที่ไว้ใจมันเข้ามาทำหลังคารั่ววที่ชำรุดคาราคาซัง เพราะกิ่งไม้แห้งหล่นทับเมื่อคืนวาน  มันก็ใกล้จะเสร็จ มันป็นที่ห้องนอนหลังคาบ้านในยามวิกาลแบบนี้ และเห็นว่ามากัย"คนเดียว"ถ้ามากันหลายคนฉันก็คงไม่อนุญาตเธอเข้ามาทำแบบนี้หรอก
        วินาทีนั้น  ผลปรากฎว่าป้ากูดี้ได้ต่อสู้ขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าอิดีนายช่างจำเแนเฉพาะกิจเล็กน้อยนี้
       " มันทำให้เธอตกใจมาก""
        จากมือกำยำสกปรกปูนซิเมนต์  ที่เอื้อมเชิงกอดปล้ำ ลวนลาม โดยมาบีบคลำหัวนมเธอแบบนี้ ที่ เธอไม่ได้สติและไม่ได้ตั้งตัวทัน และเตรียมตัวเตรียมใจมาแบบนี้" เธอคิดต่อไปอีก แบบพูดเองตอบเอง" นี่ดีน่ะฉันรูปร่างสูงสะโอดสะอง
         ฉันเป็นคนมีเนื้อมีแรงเพื่อเล่นยูโด(yod o =สำเนียงญี่ปุ่น) ได้ การต่อสู้ถ้ามีฉันป้องกันคนเองได้
         ยิ่งเจ้าอีดีนี้ตัวเตี้ยอย่างนี้  ยูโดสายดำอย่างฉันนี่"เธอหลังหักแน่ ถ้าฉันทำ"" อนึ่ง ถ้ามีเหตุร้ายแบยนี้เกิดขึ้นมา ถ้าเป็นข่าวไม่ว่าคนฝ่ายใดจะได้เปรียบเสียเปรียบ  "มันก็ขายขี้หน้าเค้าทั้งเมือง"เมื่อพากข่าวหน้าแรกในหนังสือพิมพ์ปรากฏขึ้นมา"ฉันไม่ชอบตกเป็นข่าวแบบนี้ นอกจากคำประกาศของศาล"
         และนมเธอก็แข็งตลอดไม่หย่อนยานนับแต่แต่งงานมาเ ป้ากูดี้จึงมีร่างทรงเซกซี่(sex s y )ไม่เหมือนคนทั่วไปหลังแต่งงานแล้ว  ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร  และสาเหตุหนึ่งคือคงจะ เพราะพันตรีมิค็อกไม่เคยจับนมเธอบีบคลึงขณะร่วมเพศกับเธอสักครั้งเดียว จะมีก็เพียงดูดอย่างเด็กทารกทำ
          อันนี้แม้จะแต่งงานและร่วมเพศเปิดพรหมจรรบ์แรกแห่งชีวิตของททั้งสองมา  ที่มีอะไรกันตลอเวลากันอย่างผัวเมียตามปกติ
           ถามเรื่องนี้ว่าใครบอกรู้ได้งัย! หรือนิยายเอาเองแบบมีอคติและมีการเมืองลี้ลับอะไรแอบแฝง.
            คำตอบคือ""ความลับจากบันทึกในมือถือที่เธอคุยสารภาพกับเพื่อนเก่าๆของเธอเอง
            หลังแต่งงานที่ป้ากูดี้พรรณนาเปิดใจออกมาหมด  เและเธอก็ไม่คิดว่าเพื่อนเหล่านั้นจะกดบันทึกการสนทนาทั้งหมดเอาไว้ (เพื่อนสนิทกลุ่มเธอสมัยโรงเรียนคือ"เคล-เดซี่-อีลา" จากโรงเรียนมัทธยม"สโนลา"เฉพาะเพศหญิงเท่านั้น(single sex school))เมื่อป้ากูดี้ถูกเพื่อนเก่าสมัยโรงเรียนถามมา เพราะป้ากูดี้เป็นสมาชิกเพื่อนในเซตรายแรกที่แต่งงาน  ก่อนเพื่อนทั้งหมดในเซตเดียวกันนี้ของโรงเรียนนั่นเอง
            บันทึกนั้นเมื่อถึงจุดพีค(peak) คือเมื่อตอนถึงจุดพีคที่เพื่อนเก่าที่อ่อนโลกมากถามมาคือ
           "คืนแรกที่แต่งงานทำงัยบ้าง "ต้องคลุมโปงแก้ผ้าเปลือยเปล่า และปล่อยเนื้อหนังมังสาสู้แสงไฟห้องนอน และฟังวิทยุไปพลาง ทำงัยบ้าง!บอกหน่อยได้ไหม! กูดี้  ? 
เจ็บไหม!สนุกไหม!  และป้ากูดี้เธอก็บอกเท่าที่เธอมีประสบการณ์  กับพันตรีมิค็อกผัวหล่อน ว่ามันเป็นอย่สงางนั้น  มันเป็นอย่างนี้ " อย่าครางให้มากหนวกหู"  ว่ามันเป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนี้ แต่ไปๆมาๆเธอมาดันไม่มีลูก
          ไม่รู้จะทำงัยแบบธรรมชาติ  ประกันขีวิตอนาคตของม่หรทอ้าเงินในที่สุดป้ากูดี้ยืนยัน  ตอนมาพอมาถึงประโยค"ดันไม่มีลูก คือถ้าท้องจะได้  มรดกใช้เงินลูกได้ตามประเพณี" เพื่อนทุกคนกลับอึ้งกับประโยคนี้   และทุกคนกลับเงียบกริบกันหมด"เพราะต่างก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
"เอากันอย่างงัย จึงจะมีลูกท้อวป่องออกมา"โดยคิดว่าไม่มีแผนเอาลูก  เป็นตัวประกันสักขีพยานรัก กันผัวมีชู้ง่าย และเอาสิทธิมรดกลูที่เกิดมารอดอบู่ มาเล่นได้ในอนาคต หรือรัย!
        "ป้ากูดี้ไม่คิดเป็นสีเทาแบบนั้นในเรื่องนี้""
           ตอนนั่นและตอนนี้เพร่ะป้ากูดี้แกก็แนโลกหเหมือนกันตอนก่ินแต่วงาน
           แกรู้อย่สวเดียวว่ผีวคือผู้เปิดพรหมจรรย์เธอเป็นแรกแบดห้ามมีชู้กีบใครเด็ดเจาดทุกกรณีมิฉเนั้นชีวิตสมราจะพีวทะลาและยอมเป=นข้าวเท้าหลังกับสาทีเสมอนี่คือตำราทฤษฎีที่เธอท่อวจำไว้ตงอดหบัวแต่งงารและรับสินสอดทอวหมง
           จากประโยคอุบาทว์ที่อิดีคิดว่า ตนเอง ไม่น่าจะได้ยิน และกล่าวกับตนเองว่า "จะมีอะไรสนุกๆกับป้ากูดี้สักหน่อย "ดันเป็นงั่นไป""ประโยคที่อิดีคิดว่าเป็นประโยคอุบาทว์สำหรับอิดี"นั่นก็คือ""
          "เธอจะทำอะไรฉัน ๆไม่เห็นด้วย
ทันใดนนั้นสิ่งนี้ก็ตามมาคือ
          ด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างแรงองป้ากูดี้แล้วจึงซ็นเข็คมอบเงิน "ค่าแรงและไล่อิดีออกจากบ้านไปพร้มกับกล่าวว่า
         "นับจากนี้ไป"ยายเมทิลนางคนใช้ ที่นำเธอมาทำงานชิ้นนี้,"เขาด้วย"
        "ไม่ต้องกลับมาทำงานกับแกพร้อมนี่นะ่เงินค่าจ้าง"
          เอารับไปขอบใจมาก เดี่ยวฉันจะจัดการเองได้ในส่วนที่การซ่อมหลังคารั่วในห้องนอนของฉันนี่
          "ที่เหลือนั่นน่ะ""
           ฉันจะช่วยตนเองน่ะ
            หลังจากที่ป้ากูดี้ได้เขียนเช็คเงินเดือนล่วงหน้าให้อีก3เดือน"กับยายเอธิล
         มีความลลับลมคมในนิดนึตรงนี้
         ยาย"เอธิล"คนใช้เก่าของป้ากูดี้  ยายเอทิลแกฉลาดคือแกวางแผนให้"อิดี"มายั่วป้ากูดี้ โดยยายเอทิลหาเด็กและได้สั่งให้"อิดี" หนุ่มหล่อร่างเตี้ยมารับงานซ่อมหลังคารั่วนิดนึง  ที่ห้องนอนของป้ากูดี้ ตามที่ป้ากูดี้วานสั่งมาแบบมีให้สินจ้า
งและค่านายหน้าอย่างงามมาคือ
          "ให้หาเด็กมาทำหลังคาทีารั่วให้ปกติ มันรั่วนิดเดียว  "แกจงหามาให้"เพื่อแทนช่างก่อสร้างเฉพาะที่"
        เมื่อยายเอทิลนำเด็กมาให้ป้ากู้ดี้ ก็ทำเฉ
ย แสดงว่าป้สกูดี้พอใจ ฉะนั้นยายเอทิลผู้รับปากจัดหา  ยายเอทิลจึงปล่อยให้อิดีและป้ากูดี้อยู่กันสองต่อสอง ทำหลังคารั่วให้เสร็จก่อนพายุจะเข้าคืนนี้
และเพราะป้ากูดี้ผัวตาย
ตั้งแต่แกยังสาว  แต่"อิดีพอมาเห็นเนือนร่สงของป้ากกูดี้เท่านั้น อิดีดันทนไม่ได้ในเรือนร่างอันสวยสดของป้ากูดี้ อิดีจึงวางแผนหาจังหวะลวนลาม  แต่พอทำแล้วป้ากูดี้แกไม่เห็นด้วย  แผนการของยายเอทิลให้ป้ากูดี้เอาอิดีมาทำผัวจึงแตก ซึ่งอิดีไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน   รู้แต่ว่าให้มาทำซ่อมหลังคมืเป็นรู ด่วนกันน้ำฝรจากพายุฝนที่จะมาคืนนั้น
         อย่างไรก็ตามทั่งป้ากูดี้และอิดีไม่รู้แผนของยายเอทิลเลย  
       จนบัดนี้ และป้ากูดี้ยังไม่รู้ว่าเป็นแผนชั่วจากยายเอทิลคนใช้ของแกมีการวางแผนนำอิดีช่าง
จำเป็นนั้นมา เมื่อไม่สบอารมณ์ในการจ้างงาน และท้ายสุดทั้งยายเอทิล(คนใช้เก่า แม่ชักสื่อหาคนงานมาทำงานเบ็ดเตล็ด)และอิดี(ช่างจำเป็น)จึงถูกไล่ออกจากงานและบ้านพักทั้งสองคนพร้อมกันในวันนั้นพร้อมเช็คเงินค่าจ้างที่พึงได้ของอิดีและเงินเดือนของยายเอทิลจ่ายล่วงหน้าชดใช้ให้สามเดือนละเลิกกันเท่านั่นนับแต่วันนั้นเแนต้นมา
        เรื่องยาย"เอทิล"และแผนการชั่วของยายเอทิลจึงจบลงเท่านั้นในข้อหาคือความ "ทะลึ่งและยายเอทิลนำคนมาทำ"ทะลึ่ง"กับแก"เป็ยสาเหตุให้ยายเอทิลคนใช้ถูกไล่ออกจากงานและอิดีคนรับจ้างจำเป็นถูกไล่ออกจากบ้านก่อนงานแก้รูหลังคารั่วนิดเดียวนั้นเสร็จลง
"จริงๆนะเรื่องของเธอเนี่ยน่ะ" ป้ากูดี้บ่นพึมพำ
            "ส่วนหลังคาที่จะซ่อมในห้องนอนของฉันก็ไม่เสร็จ "นี่ถ้าฝนดันตก  เพราะมันมีพายุ"เอลนีโญ"(e l n e n o =ภาษาสเปน)เข้ามาแบบฉุกเฉิน "ฉันคงแย่""ฉันต้องขับรถออกไปนอกบ้านนอนโรงรอนเเรมที่"เบดแอนด์แบรกฟาส์"(b e d & breakfast )ที่ในหมู่บ้านชนบททสงทิศใต้จากที่
         นี่ใกลๆกันห่างออกไปเป็นระยะทาง 20 กิโลเมตรห่างจากหมู่บ้าน"ดาร์ก-มอร์"(dark - moor)ของฉัน" ถ้าพายุมาจริง" ฉันต้องขับรถไปแน่นอนป้ากูดี้คิดวิตกต่างๆนานา ตอนนั้นหลังจากที่"อีดี"รับเช็ค(cheque )และเดินออกจากบ้านแกไปแล้ว
            ถ้าฝนตกในคืนนี้ที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก 
สำหรับ ป้ากูดี้ที่ต้องดี้นรนช่วยตัวเอง  อย่างสุดเหวี่ยงแน่นอน กับงานที่ซ่อมหลังคากันน้ำฝนรั่วรดห้องนอนแสนรักของตนเอง 
        พอดีตอนนั้นจังหวะฝนด่วน นอกฤดูกาลจะมาพอดีอีกด้วย " ที่ช่างระยำทำแล้วต้องค้างคา เอาไว้นี่  "เธอต้องลำบากมาก จะฝืนนอนในรถยนต์ทีจอดพักทีทการาจ(garage) ก็มันเว่อร์แน่ !จะนอนนอกห้นอนอื่น  ก็กลัวจะผิดคำสาบาที่ให้กับสามีเธอไป ที่ว่าไม่ได้นอนในห่องนอนที่เคยนอยอบู่ด้วยกันในช่วงไว้ทุกข์นี้ 
        คือต้องนอนในห้องนอนที่เคยนอนด่วยกันก่อนตายนอนที่ไหน  หลังตายแล้วก็นอนที่นั่น   ถ้าฝนเสือกมาเปียกจริง เพรทะเจ้าพยากรณ์อากาศบางครรั้งก็เชื่อไม้ได้  เพราะอากาศศ มันก็ผีชนิดหนึ่งที่ตนเองเชื่อ
       ก็หรือไม่!ใช้ที่นอนมุมอื่นแทนในบ้านนี้แทนหรือในรถยนต์  "ก็เป็นความคิดที่ดี"  ป้ากูดี้แกกลับคิดว่า  แต่ถ้า"ผี" อันเป็น"สปิริต"(spirit )ที่ทั้งสองเชื่อว่า"มีอยู่จริง" ผีแฟนลอยวนมาาเห็นเข้า "เชื่อว่าผีพันตรีมิค็อกคงจะต้องร้องให้แน่นอน""
             อย่างไรก็ตาม ป้ากูดี้และจิตใจของแกตอนนี้ได้เก็บโกรธอิดีไว้อย่างชนิดเข้ากระดูกดำทีเดียว


         

วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566

ลอร์ดลิเทล15(7872) "อิดี"

                 
        ลอร์ดลิเทล15(7872)
                  ตอน"อีดี"
                  (7722)
      อีกส่วนหนึ่งของหนังสือปริศนาเล่มนั้นที่ปกมัน!แม้ชิ่อหนังสือ!มันก็ไม่มี หรืออาจจะขาดหายไป " แต่ลอร์ดมิคานก็ไม่สนใจ" เรื่องปกและชื่อของหนังสือมากนัก นอกจากเนื้อหาและสาระสะดุดใจเท่านั้น ที่อยากสะกดตามว่า"มันมีอะไรน่าสนใจ"กับความเป็นไปของโลกภายนอกตัวเองในปัจจุบัน

        เมื่อลอร์ดมิคานพลิกกลับกลับมา  ที่ชิ้นส่วนของหนังสือจากที่ลอร์ดมิคานไปพบมา

มันไม่น่าขะทำตกหล่นในเทือกเขานี้เนื้อที่เทือกเขานี้มีตตั้ง1,000 เอเคอร์ สงสัยว่าจะเป็นงานจารกรรมชีวิตอัปยศของลอร์ดมิคานจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ว่างงานทำก็ได้หรือ ใครบ้านึกสนุกขึ้นมาจึงทำอย่างนั้น เพราะที่เขามีเทศบัญญัติว่า"เทือกเขานี้"ห้ามทิ้งขยะเป็นกฎหมายมีโทษหนัก""

      ที่จริงตาม ประวัติของลอร์มิคาน"ห้ามเปิดเผยคนอ่าน"ที่"หอแอกชีพประชากรศาสตร์"ของเมืองมิคาน"(archivedpopulation house science)อีกด้วย ชีวิตจริงในส่วนตัวมีสถานะมั่นคงมาก  แต่ไม่ยึดติดกับค่านิยมทสงสัตถุเหมือนใครอื่นเช่นใช้บัตรเครดิตธนาคาร เป็นต้น

       ท่านมีปราสาทของตนเอง อยู่คนเดียว เดียวดาย มีมรดกเป็นบุตรคนเดียว มีการศึกษา แต่ชอบใช้ชีวิตในนาม ชอบเป็นคนสามัญวิสัยชอบเป็นลอร์ดนิรนามชนิดนอกทำเนียบลอร์ด และไม่ชอบแสดงตน ชอบแสดงตนเป็นแทรมป์  (tramp)อย่างเจ้าชายกระบี่ไร้เทียมทานงั้น

     มีกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่มไม่เห็นด้วยและค้านต่อสถาลอร์ดแห่งมิคานแต่ถูกปัดตกไป เพราะอีกฝ่ายถือว่า"เป็นปรัชญาชีวิตของปัจเจกชนที่หายาก  และน่าศึกษามากกว่าชณะทีทสัวคมเกิดความเหลื่อมล้ำทสงชนชั้นวูงมากขณะนี้ที่เมืองมิคาน ปู้ที่ไม่เห็นด้วยอาจจะเป็นฝ่สยที่เสียผลประโยชน์อย่สงลับๆหรืออย่างเปิดเผยก็ได้  เพราะลอร์ดมิคานไม่ยอมเซ็นเอกสารใด ให้ใคร อะไรอีกที่เป็นนิติกรรมสัญญาผูกมัด  หลังท่านพ่อของลอร์ดมิคานคือดุกส์เควิน( Duke Kevin) เสียชีวิตลง

          หรือ"หน่วยจารกรรมอาสาพิเศษ" สนใจลอร์ดมิคานด้านพฤติการณ์กรรม มาหากินหยาดน้ำค้างที่เทือกเขาโอเฟตลอด เหตุชวนสงสัย ในเวลานั้นซึ่งมันแปลกมาก (weird)  จึงทำทีทำหนังสือขาดวิ้นหล่นไว้ที่ทางเทือกเขาโอเฟที่ลอร์ดมิคานเดินมาทุกวัน "เมืองโอเฟและเมืองมิคานและเมืองโนวา"มีพรหมแดนใกล้ๆกันแต่ในมุมกว้างและไม่สามารถเดินติดต่อกันได้สะดวกนอกจากเรือเฮลิคอปเตอร์(helicopter )เพราะ แต่ละเมืองมีแต่หุบเขามากมาย

   ฉากทัศน์ต่อไป  มาที่อีดี     อาการของป่ากูดี้มันเป็นเช่นนั้นคือชอบนุ่งผ้าบางๆแนบเนื้อฃอยตัวพลิ้วง่ายแบบปล่อยๆตัว ในบ้านหลังสามีคือพันต่ีมิค็อกตายลง  แกชอบเปลือยกายอยู่คนเดียสเสมอ แต่ปลอดสายตาคน เพราะป้าก๊ดี่มิๆด้เป็นเอกบิขั่นนิสต์(exhibitionist) =คนชอบเปิดเผยแสดงตนองแบบเปลือยๆแต่เป็นศิลปะ)

        ตอนเกิดเหตุ"อิดี"ปล้ำเธอนั้น เพราะ"อีดี"ตายใจ คิดว่าป้ากูดี้รักและชอยต

นในมุมมอง" แฟนซี ยู"(fancy you)

      ป้ากู้มั่นใจว่า "คนหลวไหลเท่านั้น ที่ใครอยากที่จะมีเพศสัมพัทธ์กับคนแปลกหน้า โดยไม่มิได้บอกล่วงหน้ามาก่อน "

      แต่ฉันจะไม่คบชู้กับใครอื่นอีก"ในใจของป้ากู้ดี้กำลังพูดตอบโต้กับอิดี ผ่านทางสายตาอันแข็งกร้าวและมีนัยตา"สีฟ่าหม่นป็นประกาย"อย่างเขียวปั้ด เหมือาตาเทพเจ้ากำลังดุและกำลังตะเพิดพวกพญามารเข้ามารบกวนลักพานางสนมของพระองค์ และกำลังหมมิ่นเหม่ต่อการถูกรุกรานอาณาจักรของพระองค์กระนั้น

         "อิดี"หน้าซีดเผือดสีหน้าฝาดเผือดเป็นสีเหมือน"ถั่วลิสงต้มสุกแกะเปลือก"  ทันทีที่ได้ยินหลายประโยคนั้นๆ

         และ"อิดี"ก้อไม่กล้าสบสายตากกับป้ากูดี้อีกเลย ถ้าจอนนั้นป้ากู้ดี  มีปืนอย่ในมือ  เธอคงยิงไหล่หนือบ่าของอิดีให้บาดเจ็บล้มลงแน่นอน (ปกติปืนอสตร้า.22(Astra. 22)ของป้ากูดี้มีจำนวน 1 กระบอกบรรจุกระสุนเต็มแมกาซิน(magazine) ตลอดเวลาพร้อมปลดล็อกเพื่อยิงป้องกันตนเอง

         ปืนนี้มันเป็นมรดกตกทอดจาก พันตรีมิค็อก แต่บังเอิญวันนั้นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นห่างจากห้องนอนที่ชำรุด)สำหรับป้องกันตัวยามมีภัย อิดีจึงโชคดีไป

       " อิดี"ตอนนั้น แทบจะเอาหัวมุลงดิน  ตรงที่เกิดเหตุนั้น!  "แม้ผัวฉันจะตายไปแล้ว"

ป้าจูดี้ยืนกรานในความคิดที่ค้านอย่างแรงกับการกระทำของอีดีแบบนี้"การปล้ำและโอบกอดผู้หญิงด้านหลังแบบนี้แล้วใช้นิ้วมือ  จับผู้หญิงอย่างฉันขยี้บี้นมฉัน "เธอคิดว่าฉันจะเงี่ยนกนะสันต์นะ!"
เธอฝันไปหรือเปล่า

        "ที่ฉันไว้ใจอกเพราะเห็นว่าแกเป็นคณะของคนรับใช้ฉันนะ!  แม้วันนี้ ฉันจะนุ่งผ้าหลุดลุ่ย  กางเกงลิฉันก็ไม่ใส่นั่น! มืใช่ยั่วแกน่ะบอกก่อนนะอ้ายอิดี!  อ้ายพ่อหนุ่ม
          "ป้ากูดี้ สำทับตนเองว่า" ทำแบบนี้นั่น!มันเป็นวิสันของพวกโรคจิต หรือพวกกามวิปริตมีรสนิยมทางเพศแบบชุ่ยๆ น่ะ" ถ้าเธอเงี่ยนเพราะเหนื่อยมาก แกก็น่าจะบอกฉันตรงๆ !ฉันจะได้ให้เงินแกไปเที่ยวปล่อยอารมณ์ให้พอใจ ในที่เขามีผู้หฐหญิงแบบนั้น  แต่ในการทำแบบนี้มันไม่เหมาะ ทุเรศมากน่ะ!  เธอน่าจะสุภาพและเป็นคนกว่านี้
          ตอนนั้นพอเวลา เมื่ออิดีได้โอกาส อีดีจึงโอบกอดปล้าป้ากูดี้ ซึ่งป้สกูดี้ เธอนั่นสวยขาวนมยังเต่งตึ่ง อายุก็ยัวน้อย ไม่สมชิ่อที่คนทั่วไปเรียกสมญานามว่า"ป้ากูดี้" และสามีเธอตายไป5ปีแล้ว ใครเห็นาภาพนี้ ก็นึกว่าเธอนั้นเหงาอารมณ์ทางเพศเต็มที่แล้ว
         "ฉันไม่ใช่คนแบบนี้น่ะ" อนึ่งฉันมีเพื่นรู้จักเป็นท่านลอร์ดท่านหญิงก็หลายคนในชีวิตฉันๆจะไม่ให้ท่านเหล่านั้นเสียเกียรติท่านเพราะการกระทำขอวฉันเป็นหญับอกกอก
"อ้ายบ้า" ป้ากูดี้ด่ามันอยู่ในใจว่า:-
       "ฉันเสียใจมาก  ที่ไว้ใจมันเข้ามาทำหลังคารั่ววที่ชำรุดคาราคาซัง เพราะกิ่งไม้แห้งหล่นทับเมื่อคืนวาน  มันก็ใกล้จะเสร็จ มันป็นที่ห้องนอนหลังคาบ้านในยามวิกาลแบบนี้ และเห็นว่ามากัย"คนเดียว"ถ้ามากันหลายคนฉันก็คงไม่อนุญาตเธอเข้ามาทำแบบนี้หรอก
        วินาทีนั้น  ผลปรากฎว่าป้ากูดี้ได้ต่อสู้ขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าอิดีนายช่างจำเแนเฉพาะกิจเล็กน้อยนี้
       " มันทำให้เธอตกใจมาก""
        จากมือกำยำสกปรกปูนซิเมนต์  ที่เอื้อมเชิงกอดปล้ำ ลวนลาม โดยมาบีบคลำหัวนมเธอแบบนี้ ที่ เธอไม่ได้สติและไม่ได้ตั้งตัวทัน และเตรียมตัวเตรียมใจมาแบบนี้" เธอคิดต่อไปอีก แบบพูดเองตอบเอง" นี่ดีน่ะฉันรูปร่างสูงสะโอดสะอง
         ฉันเป็นคนมีเนื้อมีแรงเพื่อเล่นยูโด(yod o =สำเนียงญี่ปุ่น) ได้ การต่อสู้ถ้ามีฉันป้องกันคนเองได้
         ยิ่งเจ้าอีดีนี้ตัวเตี้ยอย่างนี้  ยูโดสายดำอย่างฉันนี่"เธอหลังหักแน่ ถ้าฉันทำ"" อนึ่ง ถ้ามีเหตุร้ายแบยนี้เกิดขึ้นมา ถ้าเป็นข่าวไม่ว่าคนฝ่ายใดจะได้เปรียบเสียเปรียบ  "มันก็ขายขี้หน้าเค้าทั้งเมือง"เมื่อพากข่าวหน้าแรกในหนังสือพิมพ์ปรากฏขึ้นมา"ฉันไม่ชอบตกเป็นข่าวแบบนี้ นอกจากคำประกาศของศาล"
         และนมเธอก็แข็งตลอดไม่หย่อนยานนับแต่แต่งงานมาเ ป้ากูดี้จึงมีร่างทรงเซกซี่(sex s y )ไม่เหมือนคนทั่วไปหลังแต่งงานแล้ว  ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร  และสาเหตุหนึ่งคือคงจะ เพราะพันตรีมิค็อกไม่เคยจับนมเธอบีบคลึงขณะร่วมเพศกับเธอสักครั้งเดียว จะมีก็เพียงดูดอย่างเด็กทารกทำ
          อันนี้แม้จะแต่งงานและร่วมเพศเปิดพรหมจรรบ์แรกแห่งชีวิตของททั้งสองมา  ที่มีอะไรกันตลอเวลากันอย่างผัวเมียตามปกติ
           ถามเรื่องนี้ว่าใครบอกรู้ได้งัย! หรือนิยายเอาเองแบบมีอคติและมีการเมืองลี้ลับอะไรแอบแฝง.
            คำตอบคือ""ความลับจากบันทึกในมือถือที่เธอคุยสารภาพกับเพื่อนเก่าๆของเธอเอง
            หลังแต่งงานที่ป้ากูดี้พรรณนาเปิดใจออกมาหมด  เและเธอก็ไม่คิดว่าเพื่อนเหล่านั้นจะกดบันทึกการสนทนาทั้งหมดเอาไว้ (เพื่อนสนิทกลุ่มเธอสมัยโรงเรียนคือ"เคล-เดซี่-อีลา" จากโรงเรียนมัทธยม"สโนลา"เฉพาะเพศหญิงเท่านั้น(single sex school))เมื่อป้ากูดี้ถูกเพื่อนเก่าสมัยโรงเรียนถามมา เพราะป้ากูดี้เป็นสมาชิกเพื่อนในเซตรายแรกที่แต่งงาน  ก่อนเพื่อนทั้งหมดในเซตเดียวกันนี้ของโรงเรียนนั่นเอง
            บันทึกนั้นเมื่อถึงจุดพีค(peak) คือเมื่อตอนถึงจุดพีคที่เพื่อนเก่าที่อ่อนโลกมากถามมาคือ
           "คืนแรกที่แต่งงานทำงัยบ้าง "ต้องคลุมโปงแก้ผ้าเปลือยเปล่า และปล่อยเนื้อหนังมังสาสู้แสงไฟห้องนอน และฟังวิทยุไปพลาง ทำงัยบ้าง!บอกหน่อยได้ไหม! กูดี้  ? 
เจ็บไหม!สนุกไหม!  และป้ากูดี้เธอก็บอกเท่าที่เธอมีประสบการณ์  กับพันตรีมิค็อกผัวหล่อน ว่ามันเป็นอย่สงางนั้น  มันเป็นอย่างนี้ " อย่าครางให้มากหนวกหู"  ว่ามันเป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนี้ แต่ไปๆมาๆเธอมาดันไม่มีลูก
          ไม่รู้จะทำงัยแบบธรรมชาติ  ประกันขีวิตอนาคตของม่หรทอ้าเงินในที่สุดป้ากูดี้ยืนยัน  ตอนมาพอมาถึงประโยค"ดันไม่มีลูก คือถ้าท้องจะได้  มรดกใช้เงินลูกได้ตามประเพณี" เพื่อนทุกคนกลับอึ้งกับประโยคนี้   และทุกคนกลับเงียบกริบกันหมด"เพราะต่างก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
"เอากันอย่างงัย จึงจะมีลูกท้อวป่องออกมา"โดยคิดว่าไม่มีแผนเอาลูก  เป็นตัวประกันสักขีพยานรัก กันผัวมีชู้ง่าย และเอาสิทธิมรดกลูที่เกิดมารอดอบู่ มาเล่นได้ในอนาคต หรือรัย!
        "ป้ากูดี้ไม่คิดเป็นสีเทาแบบนั้นในเรื่องนี้""
           ตอนนั่นและตอนนี้เพร่ะป้ากูดี้แกก็แนโลกหเหมือนกันตอนก่ินแต่วงาน
           แกรู้อย่สวเดียวว่ผีวคือผู้เปิดพรหมจรรย์เธอเป็นแรกแบดห้ามมีชู้กีบใครเด็ดเจาดทุกกรณีมิฉเนั้นชีวิตสมราจะพีวทะลาและยอมเป=นข้าวเท้าหลังกับสาทีเสมอนี่คือตำราทฤษฎีที่เธอท่อวจำไว้ตงอดหบัวแต่งงารและรับสินสอดทอวหมง
           จากประโยคอุบาทว์ที่อิดีคิดว่า ตนเอง ไม่น่าจะได้ยิน และกล่าวกับตนเองว่า "จะมีอะไรสนุกๆกับป้ากูดี้สักหน่อย "ดันเป็นงั่นไป""ประโยคที่อิดีคิดว่าเป็นประโยคอุบาทว์สำหรับอิดี"นั่นก็คือ""
          "เธอจะทำอะไรฉัน ๆไม่เห็นด้วย
ทันใดนนั้นสิ่งนี้ก็ตามมาคือ
          ด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างแรงองป้ากูดี้แล้วจึงซ็นเข็คมอบเงิน "ค่าแรงและไล่อิดีออกจากบ้านไปพร้มกับกล่าวว่า
         "นับจากนี้ไป"ยายเมทิลนางคนใช้ ที่นำเธอมาทำงานชิ้นนี้,"เขาด้วย"
        "ไม่ต้องกลับมาทำงานกับแกพร้อมนี่นะ่เงินค่าจ้าง"
          เอารับไปขอบใจมาก เดี่ยวฉันจะจัดการเองได้ในส่วนที่การซ่อมหลังคารั่วในห้องนอนของฉันนี่
          "ที่เหลือนั่นน่ะ""
           ฉันจะช่วยตนเองน่ะ
            หลังจากที่ป้ากูดี้ได้เขียนเช็คเงินเดือนล่วงหน้าให้อีก3เดือน"กับยายเอธิล
         มีความลลับลมคมในนิดนึตรงนี้
         ยาย"เอธิล"คนใช้เก่าของป้ากูดี้  ยายเอทิลแกฉลาดคือแกวางแผนให้"อิดี"มายั่วป้ากูดี้ โดยยายเอทิลหาเด็กและได้สั่งให้"อิดี" หนุ่มหล่อร่างเตี้ยมารับงานซ่อมหลังคารั่วนิดนึง  ที่ห้องนอนของป้ากูดี้ ตามที่ป้ากูดี้วานสั่งมาแบบมีให้สินจ้า
งและค่านายหน้าอย่างงามมาคือ
          "ให้หาเด็กมาทำหลังคาทีารั่วให้ปกติ มันรั่วนิดเดียว  "แกจงหามาให้"เพื่อแทนช่างก่อสร้างเฉพาะที่"
        เมื่อยายเอทิลนำเด็กมาให้ป้ากู้ดี้ ก็ทำเฉ
ย แสดงว่าป้สกูดี้พอใจ ฉะนั้นยายเอทิลผู้รับปากจัดหา  ยายเอทิลจึงปล่อยให้อิดีและป้ากูดี้อยู่กันสองต่อสอง ทำหลังคารั่วให้เสร็จก่อนพายุจะเข้าคืนนี้
และเพราะป้ากูดี้ผัวตาย
ตั้งแต่แกยังสาว  แต่"อิดีพอมาเห็นเนือนร่สงของป้ากกูดี้เท่านั้น อิดีดันทนไม่ได้ในเรือนร่างอันสวยสดของป้ากูดี้ อิดีจึงวางแผนหาจังหวะลวนลาม  แต่พอทำแล้วป้ากูดี้แกไม่เห็นด้วย  แผนการของยายเอทิลให้ป้ากูดี้เอาอิดีมาทำผัวจึงแตก ซึ่งอิดีไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน   รู้แต่ว่าให้มาทำซ่อมหลังคมืเป็นรู ด่วนกันน้ำฝรจากพายุฝนที่จะมาคืนนั้น
         อย่างไรก็ตามทั่งป้ากูดี้และอิดีไม่รู้แผนของยายเอทิลเลย  
       จนบัดนี้ และป้ากูดี้ยังไม่รู้ว่าเป็นแผนชั่วจากยายเอทิลคนใช้ของแกมีการวางแผนนำอิดีช่าง
จำเป็นนั้นมา เมื่อไม่สบอารมณ์ในการจ้างงาน และท้ายสุดทั้งยายเอทิล(คนใช้เก่า แม่ชักสื่อหาคนงานมาทำงานเบ็ดเตล็ด)และอิดี(ช่างจำเป็น)จึงถูกไล่ออกจากงานและบ้านพักทั้งสองคนพร้อมกันในวันนั้นพร้อมเช็คเงินค่าจ้างที่พึงได้ของอิดีและเงินเดือนของยายเอทิลจ่ายล่วงหน้าชดใช้ให้สามเดือนละเลิกกันเท่านั่นนับแต่วันนั้นเแนต้นมา
        เรื่องยาย"เอทิล"และแผนการชั่วของยายเอทิลจึงจบลงเท่านั้นในข้อหาคือความ "ทะลึ่งและยายเอทิลนำคนมาทำ"ทะลึ่ง"กับแก"เป็ยสาเหตุให้ยายเอทิลคนใช้ถูกไล่ออกจากงานและอิดีคนรับจ้างจำเป็นถูกไล่ออกจากบ้านก่อนงานแก้รูหลังคารั่วนิดเดียวนั้นเสร็จลง
"จริงๆนะเรื่องของเธอเนี่ยน่ะ" ป้ากูดี้บ่นพึมพำ
            "ส่วนหลังคาที่จะซ่อมในห้องนอนของฉันก็ไม่เสร็จ "นี่ถ้าฝนดันตก  เพราะมันมีพายุ"เอลนีโญ"(e l n e n o =ภาษาสเปน)เข้ามาแบบฉุกเฉิน "ฉันคงแย่""ฉันต้องขับรถออกไปนอกบ้านนอนโรงรอนเเรมที่"เบดแอนด์แบรกฟาส์"(b e d & breakfast )ที่ในหมู่บ้านชนบททสงทิศใต้จากที่
         นี่ใกลๆกันห่างออกไปเป็นระยะทาง 20 กิโลเมตรห่างจากหมู่บ้าน"ดาร์ก-มอร์"(dark - moor)ของฉัน" ถ้าพายุมาจริง" ฉันต้องขับรถไปแน่นอนป้ากูดี้คิดวิตกต่างๆนานา ตอนนั้นหลังจากที่"อีดี"รับเช็ค(cheque )และเดินออกจากบ้านแกไปแล้ว
            ถ้าฝนตกในคืนนี้ที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก 
สำหรับ ป้ากูดี้ที่ต้องดี้นรนช่วยตัวเอง  อย่างสุดเหวี่ยงแน่นอน กับงานที่ซ่อมหลังคากันน้ำฝนรั่วรดห้องนอนแสนรักของตนเอง 
        พอดีตอนนั้นจังหวะฝนด่วน นอกฤดูกาลจะมาพอดีอีกด้วย " ที่ช่างระยำทำแล้วต้องค้างคา เอาไว้นี่  "เธอต้องลำบากมาก จะฝืนนอนในรถยนต์ทีจอดพักทีทการาจ(garage) ก็มันเว่อร์แน่ !จะนอนนอกห้นอนอื่น  ก็กลัวจะผิดคำสาบาที่ให้กับสามีเธอไป ที่ว่าไม่ได้นอนในห่องนอนที่เคยนอยอบู่ด้วยกันในช่วงไว้ทุกข์นี้ 
        คือต้องนอนในห้องนอนที่เคยนอนด่วยกันก่อนตายนอนที่ไหน  หลังตายแล้วก็นอนที่นั่น   ถ้าฝนเสือกมาเปียกจริง เพรทะเจ้าพยากรณ์อากาศบางครรั้งก็เชื่อไม้ได้  เพราะอากาศศ มันก็ผีชนิดหนึ่งที่ตนเองเชื่อ
       ก็หรือไม่!ใช้ที่นอนมุมอื่นแทนในบ้านนี้แทนหรือในรถยนต์  "ก็เป็นความคิดที่ดี"  ป้ากูดี้แกกลับคิดว่า  แต่ถ้า"ผี" อันเป็น"สปิริต"(spirit )ที่ทั้งสองเชื่อว่า"มีอยู่จริง" ผีแฟนลอยวนมาาเห็นเข้า "เชื่อว่าผีพันตรีมิค็อกคงจะต้องร้องให้แน่นอน""
             อย่างไรก็ตาม ป้ากูดี้และจิตใจของแกตอนนี้ได้เก็บโกรธอิดีไว้อย่างชนิดเข้ากระดูกดำทีเดียว


         

ลอร์ดลิเทลตอนที่14"พันตรีมิค็อกผู้อาภัพ""

  
        ตอนที่14
"พันตรีมิค็อกผู้อาภัพ""(9264))
         และเพื่ออยากรู้ว่ามันมีอะไรอีกมากมายนักต่อนัก  ที่เขาผู้อำนวยการสร้าง  นำมาเสนอขายเรียกคนดูเพื่อให้ดูกันสนุกอุราเท่านั้น 
         แต่ถ้ามีฉากขุดผีดิบมาชำแหละศพแล่เนื้อขายส่งหรือทำพิธีลงคาถาอาคมผี หรือมนต์ดำชนิดเอาน้ำมันไปทำเสน่ห์ยาแฝด ในทำนอง
นี้ ด้วยวิธีเวทย์มนต์หรือแบบแม่มดหมอผี ตนเองนั้นขอสารภาพว่า ไม่อยากดูหนังประเภทนี้ เพราะมันแปลกเกินและไม่ค่อยจะสมจริงและมันจะ"เอกเซเจอเรต"(exaggerated )เกินที่ตนเองจะรับได้
         เรื่องผีลอร์ดมิคานนะกลัว !  เพราะถ้าลอร์ดมิคาน ทำเป็นคนไม่กลัวผี  มันดูเป็นการทำตนคือทำตนเองให้เห็นเป็นคน"แข็งในบุคลิก"เกินไป  ลอร์ดจึงจึงบอกว่า"กลัวผีดีกว่า" แล้วสบายใจดี  เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่เป็นคือใครๆก็กลัวยิ่งคนประสาทอ่อนยิ่งกลัว
          แต่กระนั้น" ฟรอม-ไทม์-ทู-ไทม์"คือตลอดเวลา(from time to time)  เช่น  การฉีดยาแบบกระทำ"โอตอปซี่"(auto psy=ทำแบบการฉีดยาให้ศพอย่าให้มีกลิ่นเหม็นเหมือนการทำมัมมี่ของอียิปต์ ( mummy Egypt)ให้เพื่อนรักของตนเอง หรือกับศพอนาถาที่ถูกร้องขอมา
         ลอร์ดมิคานเคยทำด้วนมือ ฉีดยาฟอร์มาลีน(formalin=ยาขนานที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อศพ) คือมีตอนเพื่อนตกยาก"คนหนึ่งชื่อว่า"เอวอน"( Avon) "ตายลงอย่างอนาถ
        ในวันหนึ่ง คือ"เอวอน" ตกหน้าผาตายเพราะไปเล่น"กีฬาปีนผา"ที่ผา"คลิมองต์" คลิฟฟ์=(cli m o n t cliff ) เชิงสะพาน"สุสังชัน"=s u s u n g -s i o n) ของลอร์ดแบจา(lord Baja)     ท่านลอร์ดผู้นี้เป็นผู้คิดทำสะพานข้ามแม่น้ำคลิมองต์นี้และท่านเป็นวิศวกรและออกแบบสร้างและท่านบริจาคทรัพย์ให้ทำให้เพื่อสาธารณะเปล่าๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากมรดกที่ไม่มีสิ่งสีเทาเคลือบแฝง "ท่านทำได้สำเร็จ" ชาวประชาได้ใข้  ระเบิดสงครามหลายครั้งผ่านมา สะพานนี้รอดไปได้มันนานมากแล้ว สะพานนี้เลยกลายเป็นสะพานศักดิ์สิทธิ์สืบต่อมา
         
          และด้วยเหตุที่ลอร์ดมิคานเป็นคนกล้าทำหน้าที่(ช่วยผู้มีทุกข์)นี้  เพราะตอนลอร์ดมิคานเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยตอนปีสาม"จูเนียร์เนียร์"(junior year )ตนเองเคยเรียนวิชาศพวิทยามา3หน่วยกิต (unit)ด้วยนั้นเองและสอบผ่าน
          ลอร์ดมิคานจึงกล้าทำและฉีดยาศพให้เพื่อนผู้วายชมน์ แต่มิทำอาชีพ หรือเป็นสับปะเหร่อ หรือหมอดอย หรืออะไรเทือกนั้น
        แต่ธาตุแท้นแล้วตัวลอร์ดมิคานเองนั้น  เรื่อง
ผี ๆ เรื่องการสู้รบอย่างของชาติชายทหาร  เรื่องการตายในสนามรบ  สมรภูมิรบเพื่อมาตุภูมิ เรื่อง
"มโนธรรม"นั่น  ลอร์ดมิคานไม่เคยกลัวและต้องไม่กลัว เพราะเมื่อสถานการณ์จรืงมาถึง ที่อาจจะมาประสบพบเจอกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ที่อาจจะมี
      และลอร์ดมิคานต้องยอมรับความจริง ในฐานะเป็นชายชาตรีให้จงได้  กรณีเช่นนี้เพื่อปกป้องมาตุภูมิ ไม่ว่าจะเป็นขุนางหรือเป็นทาสเป็นกรรมกรชาวไร่ชาวนาอะไรก็ ต้องทำหน้าที่นี้เมื่อชาติต้องการ
       เพราะตามหลักยึดติดในเกณฑ์นี้ เพราะมันเป็นไพล์(p l i g h t= การยอมตายเพื่อมาตุภูมิและเพื่อนร่วมชาติในสมรภูมิ) มิใข่คลั่งชาติหรือบ้าอุดมการณ์อะไร 
       ที่บางจุดเป็นสิ่งดีงามสากล คนทุกคนต้องมีครอบครอง  เพื่อชาติและอุดมการณ์เพื่อขาติและประชาชนตามปกติที่ต้องมีกันอยู่แล้ว  แต่ลอร์ดมิคานมิได้ภาวนาให้เกิดสงคราม เพราะคันมืออยากจับอาวุธเข้าประหัตประหารกัน แบบเด็กซนใช้หนังสติ๊กยิงนกสวย"ก็หาไม่"
       มิติที่เคยกล่าวมา  ในตอนต้นๆ ในประเด็นเรื่องราวนี้ลอร์ดมิคานคิดว่า  "มันอาจจะเป็นจินตนิยายทางลัมธิการเมืองเพื่มาตอบรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่มีคติว่า"เมื่เกิดมาใหม่ก็ต้องมีสิ่งใหม่ลัทธิใหม่ๆขึ้นมารองรับความใหม่" แม้จดไม่ถูกเสมอไป แต่มันก็เกิดมีขึ้น ด้วยการพิสูจน์ว่า 
     ตือการค้นหาตนเองว่า   ตนเองด้วยเพื่แตอบคำตอบโจทย์แห่งการชำระปัญหาอย่างสันติวิธี.  
      แต่ก็พบว่าปัญหา "เรื่องปากท้องและความไม่อมตะของชีวิตของคนส่วนมากยังคงมีต่อไป ฉะนั่นอะไรต่อมิอะไรเกิดมามากมายอย่างท้าทายประวัติศาสตร์ของอดีต ก็จะมาท้าทายกัลปัญหา"ปากท้องและความอดอยาก"ของเพื่อนมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ตามภาพที่สังคมปรากฏ
          มันก็คงเหมือนเหมือนเรื่องของ(ป้ากูดี้= a u  n t y  go d y) คือป้ากูดี้ ชื่อหน้าคือ"อ้านตี้ส่วนกูดี้เป็นชื่อนามสกุล จากนิยายชิ้นส่วนที่ขาดเหลือที่ตกหล่นที่เทือกเขาโอเฟ  ที่ลอร์ดมิคานพบและสนใจหยิบมาอ่านและติดใจ กล่าวคือ:-
      ป้าคนนี้  "ลอร์ดมิคานพูดขึ้น"
     " ก่อนที่บ้านแกก่อนแกตายลง แกเคยมี หมาแมว ไก่ กระรอก กระแต และหนูและแกะ แพะและวัว ค้างคาวนกฮูก เป็นเพื่อนชีวิต ก่อนตาบแกตั้วใจมิได้เลี้ยงไว้ขายฆ่ากิน หรือส่งตลากสด หรือเสนอขายเป็นอุตสาหกรรม  คือแกได้ปล่อยและอนุรัษ์มามันทั้งหมด คล้ายแม่พระผู้มีเมตตาเพื่ออยู่อาศัยเป็นเพื่อนสหชาติของแก ก่อนตาย
      ใครมาถามแกว่า"เลี้ยงไว้ทำไม"มากมายหลายอย่าง อยู่ตัวคนคนเดียว มีเพียงหมากับแมวก็พอ เพื่อให้ช่วยเฝ้าบ้านก้อพอ หมาเฝ้าคนแปลกหน้า และงูและสัตวว์ร้าย แมวเฝ้าหนู
       แกตอบเพื่อนบ้านที่ชื่อว่ามิเกลที่ถามแกอย่างนั้นว่า:
     " มันคือเพื่อนตายและเป็นสหขาติของฉัน ใครจะทำไม "  มันเป็นเรื่องอะไรของแก
ที่แกมาถาม  มันเดือดร้อนมึงหนรืองัย มิเกล"
        ทันทีที่ประโยคนี้จบลง
   "  ป้ากูดี้"   แกก้อเล่าต่อไปว่า
        " เมื่อตอนฉันเป็นสาวๆ สมัยเรียนหนังสือ ฉันได้พบคนรัก  และก็รักกันมาก แต่ตอนนี้เขาตายไปเขาชื่อ"พันตรีมิค็อก " แกคงจะรู้จักน่ะ!
"ฉันเคยคิดว่า""
"เราตั้งใจว่าจะอยู่กินกันจน"มีมือถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรน่ะ"
        แต่ต่อๆมา" มันหาเป็นเข่นนั้นไม่"" แกหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อไปด้วยน้ำตานิดๆแสดงให้มิเกลเห็น แกมิ ได้บีบน้ำตาด้วยหวังเรียกความเห็นใจจากมิเกลหรือเอาหัวหอมมาเช็ดตาแต่อย่างไร แต่น้ำตามนไหลออกมานิดๆด้วยความเสียใจของป้ากูดี้เอง
" พระเจ้าช่วยฉันด้วย" ท้ายสุดแกอุทานออกมา
         มิเกล (m i g e l) แกรู้ดีมิใช่หรือ?
แล้วมันเรื่องอะไรของแกแกล้งมาเสือกถามฉันะอีก
        "เรื่องราวของชีวิตคนอื่น "ซึ่งไร้สาระของตนเองสิ้นดี" ไม่น่าจะถาม แกก็กล่าวต่อไปอย่างขึงขังว่า
           มันเป็นหน้าที่ของนักสังคมสงเคราะห์เท่านั้นที่จะมีสิทธิที่จะทำ และถามแบบนี้กับฉัน
"หรือว่าแกไปเป็นนักสังคมสงเคราะห์(social service worker) แล้ว""
"เปล่า"ๆ
"ไม่"ๆฉันมิได้เป็นนักสังคมสงเคราะห์""
"มิเกลตอบทันที"
           คนเพื่อนบ้านติดกันกับป้ามิเกลที่มีผัวเป็นคนกวาดขยะเทศบาล คนนี้ที่ชื่อมิเกลรีบตอบอย่างนั้น  เพราะความโง่และความไร้เดียงสา(naive )ขงตน ที่ไม่มีประโยคอะไร
ที่จะเริ่มต้นพูดทักทายกับป้ากูดี้ในวันรนั้น!
         ทันทีที่มิเกลรีบตอบกลับคุณนายป้ากูดี้ทันทีนั้นมันเป็นการสนทนากัน อย่างละล่ำละลัก  อย่างกะนายกับไพร่คุยกัน แสดงอาการออกมา"จนป้ากูดี้เห็นใจ
      คำตอบของมิเกลคือเงียบงำไปเลยละหนาตอนนี้ หลังจากป้ากู้ดีเฉลยเสียยาวเหยียดจนมิเกลยืนฟังแทบเมื่อย " เพียงประโยคเดียวที่มิเกลถามไปเท่านั้น"
        การตอบหลังจากถูกถามกลับจากเพื่อนบ้านที่ชื่อป้ากูดี้"ทำไมแกก็รู้ดี"อย่างนี้
        และพบว่าป้ากูดี้มีท่าทาง"แกก็จะดูโกรธกับมิเกลนับตั้งแต่นั้นมา และ ไม่พูดกันอีกเลย  และมิเกล   ไม่พูดกับป้ากูดี้แต่นั้นมา ทำให้มิตรภาพของเพื่อนบ้านที่ติดกันต้องท"สะบั้น" และมาตัดขาดสะบั้นจริงๆต่อมา  จบ ลงเพียง"ประโยคเดียว"ที่มิเกลนี้แท้ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนนั้น
        ป้ากู้ดีแกมีเมนส์(menstruate) กำลังมาพอดีเพราะ"ประจำเดือน-เมมนส์"ตัวนี้กำลังมามันจะทำให้หญิงอารมณ์เสีย  และเสียงง่ายกว่าอารมณ์เสียที่เกิดจากแดดร้อนจากภัยธรรมชาติของโลกชื่อว่า"แอลนีโญ"(e ln e y o=เปล่งเสียงมาจากภาษาสเปน)เสียอีก
    "   ป้ากูดี้และมิเกล" ในฉากทัศน์อันไม่พึงประสงค์นี้   ทั้งสอง เเม้เป็นเพื่อนบ้านกันมาตลอเชีวิตที่แสนดีเมื่อตอนไม่สนทนากัน  แต่พอสนทนากันกลับเป็นว่า"เลยไม่ถูกกันไปเลย"
         บ้านมันอยู่ติดกันแล้วเสียด้วย "น่าอนาถใจจริง"ลอร์ดมิคานรำพึงถึงฉากทัศน์ในสังคมชนขั้นลักษณะนี้  และยืนกรานถือว่าคือถือเสมิอนหนึ่งว่า"ปกติ" มันเกิดขึ้นตลอดเวลา  แม้กับตนเอง ที่ตนเองไม่อยากจะพูดถึงมัน  แต่ต่างกันที่เมื่อเกิดอะไรขึ้น ตนเองไม่อุทธธรณ์มัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด และต่อมาต่างฝ่ายก็เงียบไปเองเสมือนหนึ่งว่า  ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
      ถ้าเขาดมากเกิน ก็มีกฎหมายรองรับทีทแน่นอนต้องเสียเป็นเงิน และติดคุกเป็นตารางกำหนดโทษ   เมื่อหยุดคิดต่อทุกอย่าวก็สงบไปเองมันเป็นปรัขญาของลอร์ดมิคานยืนยันอีกครั้งในที่สุด


     ลองจิตนนาการดูว่า "อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคนบ้านติดกันแลัวไม่ถูกกันอย่างแรงจากปมเพียงนิดเดียว
"จะมีคือย้ายบ้านไปเสีย" ข้อยุติทั่วไป
        แต่เรื่องนี้มันไม่เป็นเช่นนั้น 
รายนี้ต่างฝ่ายต่างอยู่กันต่อไป และ ยังคงอยู่กันต่อไปเพราะต่างฝ่ายต่างมีปรัชญาชีวิต เหมือนต่างฝ่ายต่างก็ถูกเสี้ยมสอนมาจากชีวิตโรงเรียนอย่างงั้น! คือ  มันตรงกันว่า:=
       คือคนเรา"ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน  "    มันก็คงมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง  เกิดแทรกขึ้นมาแทนที่อยู่ดี 
"มันหลีกเลี่ยงยาก มันเป็นเรื่องเหมือน"ลิ้นกับฟัน
        " ที่ต้องเคี้ยวบดข้าวบาร์เลย์ทุกวันทางปากกินนั่นเอง
         "ใช่"      แต่ทั้งสองคนนี้ก็ไม่พูดกันอีกเลยตลอดชีวิต เพื่อนบ้านอื่นทุกคนยังไม่รู้เรื่องนี้เลย
          จะรู้กันก็เพียงสองคนเท่านั้น  เหตุการณ์วันนั้นที่เกิดและต่างฝ่ายต่างปิดเงียบสนิท
         "มิเกล"จะบอกผัวตน หรือป้ากูดี้จะบอกกับน้องแมวสัตว์สหชาติของตนเองก็ไม่เช่นกัน  กะว่าชาติหน้าเกิดมาพบกันอีกคงจะอโหสิกั
              มาที่นาย"พันตรีมิคอก"=sun -leuterne n t -colonel)อดีตสามีคนรักของป้ากูดี้จบโรงเรียนนายร้อยและเตรียมทหารมาใหม่ๆ และถูกส่งเข้าหน่วยสอดแนมเชิงจารกรรม  ทันทีที่พันตรีมิค็อกออกปฏิบัติงานแต่ถูกฝ่ายศัตรูจับได้  คือฝ่ายศัตรูจับได้ว่า เป็น"สายลับ"และถูกศาลทหารฉุกเฉินของฝ่ายตรงกันข้ามลงโทษให้"ทำหมันนายพีนตรีมิค็อก"คือ"ถูกตอน"ตลอดชีวิต
        ถูกตอนในที่นี้   คือตัดส่วนส่งต่อท่อสเปิร์มชายออกที่ทำให้คนมีลูกได้เป็น บางส่วน แต่ไม่ไตัตัดอวัยวสืบพีนธุ์ของท่านพันตรี มิค็อก ออกเสียเท่านั้น เพราะความลับยังไม่ถูกนำไปใช้เบ็ดเสร็จ มันเป็นข้อหาคือเป็นการเพียง"ละเมิดเข้าเขตหวงห้ามสำคัญของฝ่ายศัตรูทางทหาร เท่านั้น"เป็นข้อหา
        หลักโดนฝ่ายปรปักษ์ฉีดยาทำหมันแล้วก็ถูกปล่อยตัวออกมา  เวลาต่อมาพันตรี"มิค็อก"ก็เป็นหมันตลอดชีวิตจริงสมใจนึกของฝ่ายตรงกันข้าม  คือพันตรีมิค็อกก็ไม่มีลูกกับป้ากูดี้  หรือกับหญิงใดอีก  แต่เรื่องนี้  นายพันตรีมิค็อกกีมิได้บอกให้ป้ากู้ดีรู้  หลังโดนกระทำดังกล่าว บำเหน็จพิเศษของท่านพันนงตรีมิค็อก คือถูกยกจากยศว่าที่ร้อยตรีเป็นยศพันตรีทันที หลังถูกปล่อยตัวออกมาจากฝ่ายศัตรู  และพบรักกับป้ากูดี้ต่อมาที่โรงละครแห่งหนึ่ง(ชื่อโรงละครนี้ขาดหายไปในเศษหนังสือที่ลอร์ดมิคานพบนั้น)
         ป้ากูดี้เคยสงสัยเหมือนกันว่า"ทำไม่มีลูก ทั้งๆที่ป้าดู้ดี้และพันตรีมิค็อก(sub . Lt. Col. Micoc k) นอนด้วยกันกับป้ากู้ดีย่างฉันท์สามีภรรยา  ร่วมเพศกันอย่างสนุก "ลงตัว " และ"มันส์"เกือบทุกคืนหลังแต่งงานกันมา" หลายปีแล้ว
        แต่ป้ากูดี้คิดว่า"ก็ไม่คิดอะไรคือปลงใจคิดเสียว่า "ในเมื่อมันไม่มี ก็ึคือไม่มี"จบ""  ทั้งสองอยู่ร่วมกันมาราบรื่นแสนดีด้วยชีวิตแสนจะดีมากสุดจะราบรื่น จนกระทั่งนานพันตรีมิค็อก ท่านผู้นี้ได้ตายลงในวัยที่ป้ากูดี้ตอนนั่นยังสาวอยู่ด้วย"อายุอันสั้น""ของสามีที่รัก"พันตรีมิค็อก""
              ส่วนนี้ลอร์ดมิคานไม่ติดตามสนใจอะไรต่อไป  เพราะลอร์ดเองมีภารกิจมัดตัวท่วมท้น คือนอกจากต้องออกไปแสวงหา"หยาดน้ำค้างสีฟ้าครามดื่มกิน เพื่อประทังชีวิตที่แแสนดี ที่เทือกเขาโอเฟ(o f e- plateau )
            แต่เรื่องราวของป้ากูดี้นั้นมันเป็นนิยาย  สำหรับลอร์ดมิานเชื่อว่านิยายมันก็ชีวิตจริงของใครบางคนนั่นเอง เศษกระดาษค่อนเล่มขาดๆ  เป็นเพียงส่วนที่เรียกว่าในเศษนิพนธ์ของหนังสือนิยาย ไม่บอกชื่อว่าเรื่องอะไรพิมพ์ที่ไหน มันคงอยู่ในส่วนที่ขาดไป
          ที่ลอร์ดมิคานพบตอนเดินทางไปแสวงหาน้ำค้าง  ที่เทือกเขานั่น   แล้วก็ก้มลงหยิบเอามาอ่านอย่างสงสัย  เพราะแปลกจากปกติคือที่เทือก"เขาโอเฟไม่มีขยะเด็ดขาด""
       และหลังจากอ่านแล้วก็ติดใจ อ่านมันจนหมดกระแสความในส่วนที่ขาดเหลือมานี้ทั้งหมด  ส่วนที่เป็นบทบาทของตัวนิยาย มันมีบริบทที่สะดุดมาก  มันถูกแต่งขึ้นมาได้หลือเชื่อจริงๆ  คือว่ามันทำให้ตนเอง"ทึ่ง"  จนทำให้ลอร์ดมิคานพาไปคิดในวลาต่อมาว่า
       "นี่หรือขีวิตและชะตากรรมของมนุษย์เรา"ยังมีอีกต่ออีกแต่เอาไว้หลังจากสนใจเพียงบางตอย พออ่านเสร็จก็คิดอึ้งอยู่สักครู่
         เพราะที่เทือกเขาเช้านี้ มีหยาดน้ำค้างบนยอดหญ้าตกลวมามาก  สำหรับที่นี่มีป้ายติดไว้ดูจะเก่ามากแล้ว  ป้ายเขียนไว้มีมจความว่าดังนี้"ใครทิ้งขยะไว้ จะถูกลงโทษอย่างหนัก เท่ากับการประหารชีวิตแบบหมาที่เป็นโรคบ้าเลยทีเดียว 
      เพราะฉะนั้นสิ่งนี้  จึงเป็นเศษนิพนธ์ที่ถูกทำหล่นโดยไม่มีเจตนาว่าจะทิ้ง  แต่มันหล่นตกเอาไว้โดยบังเอิญ  
      จากคนบางคนที่มีรสนิยมมาเที่ยวที่เทือกเขานี้ เหมือนกับตนเองนั้นเองแต่ไม่ได้มาหาหยาดน้ำค้างกินประจำวันเท่านั้นองเหมือนตน
        หยาดน้ำค้างที่เทือกเขาโอเฟที่ลอร์ดมิคากินพบว่า"กินเข้าไปแล้วอิ่มเหมือนน้ำทิพย์และอดอาหารได้เป็นเวลาหลายมื้อของวันทีเดียว
        แต่ลอร์ดปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่บอกให้ใครรู้เพราะเป็น"การทำคุณบูชาโทษ มีอันตราย" อันที่จริงปกติน้ำดื่มนั้น"มนุษย์ทุกคนขาดไปหาได้ไม่เกิน3วันถึง7วันก็ตายได้  มันจึงถูกเชื่อโดยลอร์ดมิคานว่าได้มาดื่มหยาดน้ำค้าง ที่นี่  มันรอดตายไปได้วันๆหนึ่งโดยไม่ต้องทำอะไรมันลงตัวกับชีวิตของลอร์ดมิคานยิ่งนัก
       อนึ่ง     เพราะลอร์ดไม่ชอบปรุงอาหารมากรสมากสำรับโดยตนเอง และตนเองมีตัวคนเดียวสันโดษอิสระมั่นคงและปลอดภัยและมีศักดินานิรนามอีกต่างหาก  ตนเองจึงใช้หยาดน้ำค้งวนี่ละ เพื่อดำรงขีวิตลดงบประมาณค่าอาหารไปมากมายต่อวันๆ 
         แม้บางครั้งลอร์ดก็จัดมื้อเต็มบ้าง  อย่างไรก็ตาม  หลังดื่มมันลอร์ดพบว่าชีวิตดีขึ้น พบว่าอิ่มเอืบและมีความสุขใจ  น้ำนี้มันมีรสเหมือนหยาดน้ำตกมากจากสรวงสวรค์  ที่มีเทพเจ้าพระองค์หนึ่งทรงประทานมากับมนุษย์ "ที่คิดได้คิดเป็นและกล้าดื่มกินมัน"


 El n e no