วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2566

ตอนที่9 ตอน"เสียใจเว่อร์"(4820)

     ตอนที่9 ตอน"เสียใจเว่อร์"
(4820)




"เมคะนอสารถาพเรื่องสตรีเพศ"
         เพศผู้หญิงทำให้ผมเสียใจเว่อร์ในอดีต
         ผมไม่ชอบผู้หญิงเพศวายๆเอกซ์ๆน่ะหลังประสบการณ์ตัวนี้
        เพราะจุดนี้เองที่มันเคยทำให้ผมเป็นไข้และผมเคยมีสภาพเหมือนคนติดคุก
       ผมเมคะนอเคยอกหัก2ครั้ง
ในชีวิต
      "  เนฟฟังจบแล้วเฉยพร้อมแสดงอาการตกกระใจนิดๆให้เขาเห็น"
เมคะนอกล่าวต่อ
"ผมจึงตัดสินใจทำตามสิ่งที่ผมสัญญากับตนเองและเคยพูดมาเมื่อตะกี้ และด้วยรนี้ละ่กระมังผมจึงอยากออมาจากเมืองโหราอินเพื่อพเนจรมาขอลี้ภัยที่นี้ด้วยอันเป็นสาเหตุบวกของผม
"ทันทีที่เขากล่าวจบเนฟอมยิ้ม

     เขาจะพักการกล่าวต่อเพื่ออยากให้เนฟคุยบ้าง
แต่เนฟก็ไม่คุยอะไร?
เนฟรู้จักแต่ยิ้มรับอย่างเดียว
เนฟเมื่อคิดอยู่ต่อมาพบว่าเมคะนอเป็น"ผู้ชายคนนี้มแปลก"

      แต่ไม่สำหรับพระจ้าพระองค์ท่านมิใช่คนเมืองจิ "เมคะนอเชื่อ"
     เมคะนอเชื่อว่าพระเจ้าคง
ไม่อาย้ดตัดตอนสื่อสารอะไรเราที่เป็นมนุษย์เพราะเหตุผลอันดีงามของพระองค์ และกระนั้นการกระทำของพระองค์ที่ไม่มีใครเห็นได้เลยคือ"ลับมีแต่ลมจะเห็นได้ก็แต่แรงโน้มถ่วงของความลับ""
และการกระทำของพระองค์จะมีอุบัติการณ์ปรากฏออกมา
    นอกจากท่านเทพอสูรตนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ทำลายมนุษย์
     ที่หลายคนเชื่อว่าท่านชั่วร้ายและอาจจะทำด้วยมิติแห่งความพลั้งเผลอ
จากลูกน้องทีาเป็ยเสมือนหนึ่งเป็น"ยมพบาล"ตามวรรณคดีที่ครีเอท(create) ขึ้นมาน่าเชื่อถือและเป็นที่เป็นทุจริตชน
    
   ก็ ถ้าภาษาเราไม่ดีพอมันอาจจะทำให้เข้าใจผิดกันได้
เคยพูดมาแล้วเนฟจะใช้เข็มมีด้ายเย็บปากเอาไว้
ด้วยภาษาที่ตนเองพูดไม่เป็น
พูดไปสองไพเบี้ยและเสียเวลาที่หายไปเพื่อข้อมูลวิจัย ไม่พูดเสียเป็นตำลึงทอง และไมรทำให่ซูกิเหนื่อยอีกด้วย ที่สำคัญซูจิก็เป็นล่ามพูดเป็นภาษาเจอร์ซี่  (jer c y= ภาษาปรวนๆ)ค็อกนี่(c o c k n e y=ภาษาต่ำๆมิใช่ทางการ) อีกด้วยเพราะ
เมคะนอเป็นต่างด้าว

        แต่เนฟฟังสื่อและอาการรู้ ด้วยสัญชาตญาณชน  อฃะภาษาใบ้และอากัปกิริยาอาการและการกินกระท่อมการดูดกัญชานั่นเขาที่เมืองจินี้เขาทำงัยกัน !
      แต่บางส่วนบางส่วนเนฟได้อัดเทปมาให้ซูจิอ่านฟังสำนวนแปลให้อีกครั้งแล้วเนฟจึงมาเรียบเรียงรายงานปรับเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ


          


         ที่นี่เป็นหมูบ้านกัญชาและกระท่อม เนฟขอให้มันแต่ชื่อหมู่บ้านนี้คือ"คะธาและมายตาย" 2หมู่บ้านชื่อติดกันเพราะมันอยู่ติดกันเพียงคลองเป็นเส้นแบ่งเท่านั้นมีบ้านนับได้
บ้านส่วนหนึ่งเป็นกระจุกส่วนหนึ่งแยกห่างกัน เดิมมีคนรักกันมีหนึ่งคู่
รักกันมากคือวันสมรสพอเสร็จพิธีก็ลงไปลอยคอดื่มน้ำปึ้งพระจันที่คลอง"เกชาน"หน้าบ้านนั่นเอง
แก้ผ้าเปลือยทั้งคู่เป็นประเพณี
ในหมู่บ้านนี้ถ้าลงอาบน้ำในคลองนี้ต้องแก้ผ้าหมด  เพราะถือว่าเป็นการชำระมลทินเป็นความเชื่อน้อยๆว่าคลองเกชานนี้เป็นคลองศักดิ์สิทธิ์ดุจดั่งแม่น้ำคงคาของอินเดียทีเดียว
       แต่วันนั้นทั้งคู่ได้เสียชีวิตและเธอคือ"คะธา"และ"มายตาย"นั่นเอง
เพราะถูกงูเห่าน้ำกัดปกติที่คลองนี้
ไม่มีงูเห่าน้ำ จะมีเพียงปลาปู่และปลาตะเพียนสีทองที่คนหม๊บ้านนี้ไม่กินเพร่ะถถือว่าเป็นปลาศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นเทพเจ้าคอยรักษาคลองนี้มาเป็นเวลาหลายร้อยปีนับได้7ชั่วคนได้ "ซูจิเป็นคนเล่าและยืนยัน"
 บังเอิญวันที่คะธาและมายตายนนั้นตายลงเพราะพิษงูเห่าน้ำกัดตาย
เป็นงูที่ มีคนไม่รู้จักนำมาปล่อยไว้
ในช่วงน้ำหบากเพราะคิดว่าเป็นลูกปลาบู่
        ที่รู้ว่าทั่งคู่รักถูกงูเห่ากัดตาย
เพราะทั้งคะธาและมายตายและงูกอดรัดกันแน่นอยู่ ตาคลินีมาหาเม็ดทรายไปปักธูปเพื่ทำพลีกรรมบางอย่างได้เดิมาที่ท่าน้ำ"เกชาน" นั่นตอนบเช้าหลังงานแต่งงานเสร็จเมื่อวานของคะธาและมายตาบพอดี
พบศพที่ริมคลองททั้งงูและคะําและมายตายตายศพททั้งสองนอนทับงูอยู่

ต่อมาทางหมู่บ้านจึงคั่งชื่อหมู่บ้านนี้
ว่าหมู่บ้านคะธาและมายตาย
นั่นเองทางสภาเมืองจิรับรองเรื่องนี้
จากอดีตหมู่บ้านนี้ไม่มีชื่อมีแต่ต้นกระท่อมตามริมคลอง และกัญชาตามป่สละเมาะแดดรำไรเรียกได้ว่าเป็นทุ่วเลยทีเดียวส่วนตามไกลเขา
"นับนาน" ใกล้คลองเกชานมีทุ่งฝิ่น
ที่นี่จึงเป็นสวนสมุนไพรตัวสำคัญของเมืองจิในอดีต แต่ต่อมาเมื่อบางเมืองประกาศวมุนไพรชนิดนี้เป็นยาเสพติดให้โทษประเ
ภทหนึ่ง ทุงกัญชาป่ากระท่อม ทุ่งฝิ่น
จึงค่อยๆหมดไปแต่กบับกระจายมาอยู่ตามถนนและตามบ้านใรเมืองจิทั่วไปและคนเมืองคะธาและมายตายถือว่ากัญขากระท่อมฝิ่นนี้เป็นยาของเทพเจ้าพระองค์ที่ประทานให้มนุษย์
เพราะทรงเห็นว่ามนุษย์ที่คะธาและมายตายนั้นลำบากและเป็นคนมีมโนธรรมกว่าสัตว์เดรัจฉาน
       ประวัติโดยย่อของหมู่บ้านทั้งสองนี้มีดังนี้แล


แต่เมคะนอ มาทำชีวิตลี้ภัยแบบ
ลูนาติกไซเลม(lunatic asylem)ที่บ้านคะธานี้มิใช่เพราะเหตุาถรรพณ์ใดๆหรือมีสมุนไะรต้องห้ามในเใทองโหราอินขึ้นอยู่ก็หาไ
ม่
เเต่เขามาอยู่ที่นี้ได้โดยบังเอิญด้วยเงินซื้อสัญชาติของเขาและตอนที่
เมคะนอมาอยู่ที่นี้ทุ่งยาเสพติดทุกอย่างมันไม่มีสภาพเป็นทุ่งไปแล้ว
แต่เป็นสภาพวัขพืชขึ้นทั่วไปหมด
ตามถนนหนทางและหมู่บ้านและในเมือง แทนวัขพืชชนิดอื่นเช่ยหญ้าแพรกหญ้าเกรยและหญ้าปากควาย
เพราะมันจะโดนเหยียบแล้วเหยียบอีกเพื่อคนเข้ามาเด็ดใบกระท่อมมากินและมาเด็ดดอกกัญชาแห้งไปสูบอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
      คนที่นี่ถือว่ากัญชากระท่อมและฝิ่นเป็นอาหารชนิดหนึ่ง และกฎหมายเมืองจิกำหนดให้เสรี ยกเว้นยาบ้ายาม้าที่สกัดจากสารเคมีผสมสูตรถ้าตำรวจพบที่ใครมีโทษหนักมาก
      คือจะเนรเทศไปอยู่เกาะร้างที่มีงู
มีพิษชุมและตายที่นนั่นทุกคน โทษนี้เทียบเท่าโทษประหารชีวิตนั่นเอง
ทางเมืองจิจะประกาศเป็นเสรีทุกอย่าง แต่เคยคือไม่ผ่านสภาเลยสักครั้ง มีการต่อสู้กันมานมนานแล้ว ขณะที่เนฟเดินทางมาถึงเมืองจินี้กฎหมายทุกอย่างยังเหมือนเดิมเว้นกัญชากระท่อมฝิ่นและกาแฟชาที่เสรีสุดขีด
เคยพบว่าคนเสนอสถาให้ยาบ่ายาม้าเป็นสิ่งเสพติดเสรีด้วยแต่ถูกจับเรฝนรเทผสปล่ิยเดาะเพราะพบมีสิางผิดๆเหล่สนี้ไว้ใรครอยครองขณะไแหาเสียงเสนอกฎหมายนี้
ที่สภาและตายที่เกาะร้างดังกล่าว

        อนึ่งเกาะร้างนี้เป็นเกาะเล็กๆ
ที่ทางเมืองจิกำกนดให้นักโทษเด็ดขาดและหนักขั้นประหารชีวิตเท่า
นั้นอยู่ได้คนละหนึ่งเกาะเท่านั้น และตามแต่ละเกาะมีทะเลรอบเกา
ะมีปลาฉลามเสือชุกชุมและไม่มีเรือเดินน้อยใหญ่แล่นผ่านเพราะมีหินโสโครกจำนวนมาก มีประภาคารปรากฏอยู่










ตอนที8 "ตอนมาหลบซ่อน"ภาค3(5703)ตอนที่8ภาค3


Attention :เหตุผลมิใช่"สีเทา"ที่นำมาผนวกลงที่นี่เพราะการนำเรื่องขึ้นแท่นมีปัญหาเทคนิคแต่ที่บล็อกไม่
มีปัญหาเพื่อประโยชน์ผู้ติดตาม
งานนี้มีประมาณ1320ท่านได้พบทางเลือก "ขอขอบคุณและขอประทานอภัยในความไม่สะดวกด้วยในทุกรณีที่เป็นจริง"

ตอนที8 "ตอนมาหลบซ่อน"ภาค3(5703)ตอนที่8ภาค3
และกัญชาเป็นได้เป็นกระโถนท้องพระโรงให้คนพวกที่คิดมากและสับสนได้มาที่"เมืองจิ"มาหลบซ่อน
แต่ไม่เปิดเผยความจริงว่าสาเหตุหลักๆคืออะไร แต่เมืองจิก็ปฏิเสธว่าไม่ต้อนรับคนมาหาสูบกัญชาที่เมืองจิ
และมาหลบซ่อน แต่เป็นที่แอบตายแอบสงบเห็นจะได้ "และเมืองจิไม่รับนักท่องเที่ยว เพราะกำลังตำรวจไม่เพียงพอและกลัวลัทธิสีเทาและลัทธิฟอกเงิน
    
         แต่ในโลกความจริงกฎสากล"ลักของ" การละเมิด นั้นมันผิดจับหมดมันมีมาแล้วตั้งแค่ยุคสมัยฮัมมูรามี
อาหรับเข้าเมืองๆจินี้
นี่ด้วยเพราะเนฟติดวีซ่าที่ประทับในหนังสือเดินทางเข้ามาพักอยู่เมืองจินี่นานเกินกำหนด
"ซูกิอมยยิ้มตอบรับ"
เนฟสนใจที่จะฟัง"เมคะนอพูดพร่ำเพ้อไปพลางดูดกัญชาไปพลางกินใบกระท่อมไปพลาง
และเมคะนอเขาสารภาพว่า
     เขาไม่ต้องกินข้าวตามเวลาทั้งวันๆนี้เพราะ2สิ่งนี้
"เมคะนอ"เล่าต่อว่า
"เขาไม่ชอบผู้หญิง เพราะเขาเคยหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้งเขาอกหัก หตุผลเพราะตนเองเป็นเด็กบ้านนอก พ่อของเธอไม่ชอบ "จบ"
ที่ชอบกันตอนไปตีผึ้งที่คุ้งนางแมว
เอามุ้งไปให้เธอนั่งในแล้วมองดู
ส่วนตนเองใบหรี่มวนเดียว
ได้น้ำผึ้ง5ขวดขายได้ซื้อกะโปรงให้เธอ1ตัวหลังจากนั้นเราก็รักกัน
และแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันที่คุ้งนางแมวนั้นแต่ไม่มีหรือทำอะไรหรือแตะต้องตัวกัน
"เธออมยิ้ม"
แต่แฟนชื่อว่า"สิรา"ฟญิงคนนี้และเธอคนนี้ที่เใตะนอจ้องจดจำ หล่อนเป็นชาวเมืองหลวงของเมืองโหราอิน แต่นั่นมาเมคะนอเขาไม่เคยนึกรักผู้หญิงคนไหนอีกเลย
       และเมคะนอทราบว่าแฟนคนนั้นต่อมาตาย เธอตายขณะไปเล่นปีนเขาสูงผา"กองวาหรือหน้าผาคองวา"นั่นเองกับแฟนใหม่ของเธอ
   "   เมคะนอ"มิได้ไปงานศพเธอแต่ปักดอกธูป2ดอกอาลัยเธอที่บ้านเช่าในเมืองโหราอินนั่นเอง
ทันทีที่ประโยคนี้จบลง
เนฟมองตา"เมคะนอ"และเฉยๆ
เพราะตนเองไม่ใช่กระเทยที่จะชอบผู้ชายที่ใจยังว่าง
          และเนฟไม่สนว่าลูกค้า(ปกติจะถือว่าข้อมูลเป้าหมายคือขะเรียกวาาลูกค้าเป็นโปรสเปกตัส=prospectus ของงาน)เพื่อการวิจัยของเขาจะยืนยันว่าเกลียดเพศหญิง นับจากที่เมคะนออกหักครั้งแรกกับแฟนที่ชื่อดิวเธอคนนั้น
    เมคะนอ  เขาเล่าต่อไปอีกว่าใบกระท่อมนี้เขาเคยถูกตำรวขจับปรับมันที่สถานี"เบลาดอฟ"ขณะเขารอขึ้นรถไฟที่ชานชาลาเปลี่ยวๆชิ่อว่า"เมคาตอฟ"ชื่อทางการ เหตุเกิดที่ ณ.สถานีรถไฟ เมคาตอฟในเช้าตรู่วันหนึ่ง
        เพราะที่เมืองโหราอินพืชกระท่อมและกัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายมีโทษหนัก แต่วันนั้นเขาถูกปรับครอบครองใบกระท่อมที่ห้อมส่ถุงพลาสติกไว้กันแห้งและพกพา
       และเพราะเคี้ยวกินใบกระท่อมสดๆแทนมื้อข้าวเช้าที่สถานีรถไฟ ส่วน ค่าปรับนับตามจำนวนใบที่ครอบครองใบละ100โหรอิน
(สกุลเงินเมืองโหราอิน)
       หลายคนตำกินแบบผงแบบแห้งสำหรับกินมัน ที่ตำเป็นผงเพราะสะดวกพกพาใส่ขวดนำพาไปไหนได้
แบบคนแก่พกขวดยาลม
      แต่แบบผงมิใช่เป็นวัฒนธรรมการกินกระท่อมๆแบบผงๆ
       การกินกระท่อมของชาวโหราอินคือเคี้ยวใบสดแบบวัวเคี้ยวเอื้อง คือเขารูดกินแต่ใบและหวนตามด้วยน้ำดื่มที่เมืองโหราอินเนฟพบว่าสิ่งที่เม
คะนอเล่าแปลกมาก เขาไมพูดเรื่องว่าแก้เบาหวาน แต่แก้หิวแก้เหนื่อยมากกว่า
      ที่โหราอินพอเปลี่ยนรัฐบาลทีก็เปลี่บนกฎหมายยาเสพติดที จนชาวบ้านงงแต่เป็นอย่างนั้น และคนที่โหราอินก็ไม่ต่อต้าน

       ถ้าหากว่าประชาชนในเมืองนี้ผิดหวังในการปกครอง เพราะเอาเวลาไปทำมาหากินกันส่วนใหญ่
แต่ว่าใรความเงียบเขาสาปแช่งแทน
เพราะเดขาถือว่าคำสาปเป็รแรงเช่นเดียวกับ"หลุมดำและแรงความโน้มถ่วง
       
       บางกรณีมีการลอบสังหา
รนักกกาเมืองตัวการทีาคบชู้กับเทียหัวคะแนน การลอบดักสังหารตัวนัก
การเมืองนี้มีอยู่ แต่น้อยมากเพราะที่โหราอินตำรวจที่นั่น"ไวเท่ามือถือเป็น"  ในสมัยรัฐบาลที่มีกฎกมายตัวนี้เข้มงวด ทางเมืองโหราอินจะกวาดล้างทำลายเผาหรือตัดทิ้งต้นกระท่อมทิ้งให้หมดทุกบ้านที่ปลูกตามบ้านที่มีปลูกทั่วประเทศ
ดีผยาจับำด้เปสดียเป็นพีนๆำร่เลยทีเดียว
       คนถูกจับติดคุกกันมากแต่พอเปลี่ยนรัฐบาลทีกฎหมายยาเสพติด
ก็ถูกเปลี่ยนทุกครั้งคนที่ติดคุกก็ถูกปล่อยออกจากคุก เขาเลือกตั้งทุก10ปี
อาคนหนึ่งของ"เมคะนอ" อดีตคนเลี้ยงควายฝูงประสบความสำเร็จและต่อมาเป็นนักการเมืองและได้เป็นผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีกระทรวงใบยาสูบ
      
    เนฟพบว่า   หลังเขาหืดเข้าปอด
เขาจะแสดงอาการได้ผ่อนคลาย เหมือนเดินอยู่บนสวรรค์
พอเขาหืดเข้าปอดเสร็จเขาก็ไอและจามมันนิดๆ นั่นแสดงว่ากฃไกชีวิต
สุขภาพของเขาบางครั้งมันไม่ตอบรับควันกัญชามันนั่นเอง
     
     ทีนี้เมคะนอ จะทาบทามให้เนฟ
เล่นกัญชาชนิดดูดลมในกระปุกน้
ำที่มุไฟจุดเลนแล้วใช้หืดขึ้นสมอง
เซียนกัญชาที่มีเวลาว่างชอบงิธีนี้เพราะได้อารมณ์ดี
คุณท่านจะลองดูบ้างมั้ย!
เขาชวนเนฟผู้เดียงสา
เนฟพลันตอบรับทันทีว่า"ผมแพ้มันครับคุณ" แต่ชอบดูมันสนุกดี
"เนฟกล่าวต่อ"
        ผมชอบควันเพราะควันมันเหมือนตอนเข้าโบสถ์
ที่มรโบสถ์มีควันกัญชาแทนกลิ่นธูปที่เขาใช้ทำพลีเทพเจ้าครับที่เมืองเบล็นด์ของผม"เนฟกล่าวในที่สุด""
      เมคะนอพูดต่อว่า"เขาไม่ชอบผู้
หญิง"" มิใช่หมายถึงผู้หญิงที่ปกติไม่ชอบกินใบกระท่อมแต่ดูดกัญชามีประปราย

สสสสสสวส


        ชนิดฝนพรำโจรจะออกหากินยังกะอึ่งปากขวดตื่นขึ้นมาในเวลาฝนตกห่าใหญ่ บนทุ่งนาที่ร้อนจัดมาแรมเดือนและขาดฝนมาหลายเดือน" ร้องระงม" จากความคิดนี้ควสมโง่ของอึ่งเท่ากับความฉลาดของโจร
ความบริสุทธิ์ของอึ่งอาชีพดินไม่เดือดร้อนใครแต่ถูกทารุณกรรมโดนจับกินเพราะความโง่ของตน ที่ดัน
ร้องให้คนมีรสนิยมกินอึ่งและครับฉมวกแทงกบหรืออึ่งไวขงจะรู้ดี เหมือนโจรใจบาปที่มองตัวเองไม่เป็นท้ายสุดคุกและตารางคือแดนสุดท้ายคือสิ่งเชิงลบนี้มาเป็นอมตธรรมของตนเองนั้นเเล
      เช่นการขโมยของเพื่อนมนุษย์มันบั่นทอนจิตใจเพื่อนให้อีกฝ่ายที่โง่และอ่อนแอและอ่อนแอ และคน ที้ปกครองง่าย และยอมทำตามอิทธิพลมืดตลอดก็ยังโดยโจรฉกดดั่งงูพิษกัดคนไม่เว้นจะเป็นคนดีคนชั่วนั่น โจรทำงี้มันไม่ดีเลย"เมคะนอคิด"" แต่เนฟนั่งฟังความในใจของเขา
      และอย่างที่สำคัญ สุดยอดมากเอาตัวรอดด้วยการทำโตรกรรมที่นจับไม่ได้ชนิดมีดแทงบาด
     แต่พบไมมีบาดแผลว่าใครเป็นคนทำ
   

          ประเด็นนี้ต่อมาพวกที่สมญาตนเองว่าเป็นพวกชนอนาคีย์ปลอมๆนี้เเม้"เมคะนอ"พบว่า"สิ่งนี้"เป็นเหตุร้ายที่ทำให้เกิดสงครามทางมหาชนจลาจลขึ้นอันเป็นชนวนก่อเหตุปั่นป่วนต่อรัฐ ถ้ารัฐใดอ่อนแอก็จะล้ม ถ้ามีจลาจลเกิดขึ้น
           เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิด
ว่ามีการใช้อำนาจสีเทาต่อกันจนกลา
ย เป็นดลายเป็นการเดินขบวนและเกิดกบฎรัฐประหารอันรุนแรงของบางรัฐ
      จากชนวนเหตุที่เกิดเชิงสีเทาแบบนี้ในจุดปฐมฐานมาก่อน
      ที่เมืองจินี่จึงมีกฎหมายขี้นมาว่า
การลักขโมยมิใช่การเอาของคนอื่นซึ่งหน้าและจับได้เท่านั้น
        แต่การลักขโมยอาจจะเกิดจากองค์ประกอบอื่นๆที่เป็นการขโมยแบบ"สีเทา" หรือฟอกเงิน" คือมีเจตนาทำ
        แต่ผลคนที่ถูกลักขโมยก็ถูกขโมยของไปหมดอย่างน่าเกลียด
ที่มีฟิเวอร์(fever)คนดีถูกทำที่มีองค์ประกอบในปริบทแบบชิลๆ
คือปริทรรศน์ของวิธีที่การที่คนถูกขโมยสิ่งของ ทั้งที่จับได้แต่คลายไม่ออกและก็ถูกโจษจันว่าเป็นขโมย
       
         และทั้งจริงไม่จริงใกล้เความจริงเช่นกัน จนบางครั้งตำรวจนำไปทำจับเท็จกับเครื่องๆยังเหนียมอายจะจับเท็จก็ยังไม่อยากจะพูดด้วยเลย กัลคนขี้ขโมยททั้งหลายที่แสดงบทเป็นผู้ชำนาญการขโมยในโลกเชิงลบ
แล้วยังมีขโมยชนิด"อนาคิชต์"=(อนาธิปัต์ เป็นปรัชญา อย่าตีความตามตัวอักษรเกินไปแล้วจะเข้าใจดีว่าพวกเขาคืออะไร)เนฟเคยเรียนปรัชญาปรูดอนท่านผู้นี้ ตอนเรียนหน่วยกิตทางรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเบลนดิสกี
ก็มีพวกมั่วนิ่มโมเมใช้ ปรัชญาอนาธิปัตย์เพืนอประโยชน์ส่วนตนที่เขายืมแม่บทปรัชญาอนาคิชต์มาใช้บังหน้าลักสิ่งของไป"เนฟเข้าใจอย่างนั้น"
       ซึ่งเป็นขโมยแบบการเมือง คือคนมีปรัชญาขโมยแบบนี้"เขาถือว่าทรัพบ์สิน เป็นของทุกคน"และลัทธิ อนาธิปไตยตามแนวคิดลัทธิแนวคิดนี้ของ"pr u d o n g" -Pierre-Joseph Proudhon- (1840)  =Ana r c h i s t  นักปรัชญาการเมืองชาวฝรั่งเศส
"จนนิสัยขี้ลักมั่วนิ่ม"ไม่รู้ว่าขโมยจริงหรือขโมยการเมือง ชีวิตสับสน
และกัญชาเป็นได้เป็นกระโถนท้องพระโรงให้คนพวกที่คิดมากและสับสนได้มาที่"เมืองจิ"มาหลบซ่อน
แต่ไม่เปิดเผยความจริงว่าสาเหตุหลักๆคืออะไร แต่เมืองจิก็ปฏิเสธว่าไม่ต้อนรับคนมาหาสูบกัญชาที่เมืองจิ
และมาหลบซ่อน แต่เป็นที่แอบตายแอบสงบเห็นจะได้ "และเมืองจิไม่รับนักท่องเที่ยว เพราะกำลังตำรวจไม่เพียงพอและกลัวลัทธิสีเทาและลัทธิฟอกเงิน
     แต่ในโลกความจริงกฎสากล"ลักของ" การละเมิด นั้นมันผิดจับหมดมันมีมาแล้วตั้งแค่ยุคสมัยฮัมมูรามี
อดีตกษัตริย์โบราณ"อาหรับ"