วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2566

ตอนที8 "ตอนมาหลบซ่อน"ภาค3(5703)ตอนที่8ภาค3


Attention :เหตุผลมิใช่"สีเทา"ที่นำมาผนวกลงที่นี่เพราะการนำเรื่องขึ้นแท่นมีปัญหาเทคนิคแต่ที่บล็อกไม่
มีปัญหาเพื่อประโยชน์ผู้ติดตาม
งานนี้มีประมาณ1320ท่านได้พบทางเลือก "ขอขอบคุณและขอประทานอภัยในความไม่สะดวกด้วยในทุกรณีที่เป็นจริง"

ตอนที8 "ตอนมาหลบซ่อน"ภาค3(5703)ตอนที่8ภาค3
และกัญชาเป็นได้เป็นกระโถนท้องพระโรงให้คนพวกที่คิดมากและสับสนได้มาที่"เมืองจิ"มาหลบซ่อน
แต่ไม่เปิดเผยความจริงว่าสาเหตุหลักๆคืออะไร แต่เมืองจิก็ปฏิเสธว่าไม่ต้อนรับคนมาหาสูบกัญชาที่เมืองจิ
และมาหลบซ่อน แต่เป็นที่แอบตายแอบสงบเห็นจะได้ "และเมืองจิไม่รับนักท่องเที่ยว เพราะกำลังตำรวจไม่เพียงพอและกลัวลัทธิสีเทาและลัทธิฟอกเงิน
    
         แต่ในโลกความจริงกฎสากล"ลักของ" การละเมิด นั้นมันผิดจับหมดมันมีมาแล้วตั้งแค่ยุคสมัยฮัมมูรามี
อาหรับเข้าเมืองๆจินี้
นี่ด้วยเพราะเนฟติดวีซ่าที่ประทับในหนังสือเดินทางเข้ามาพักอยู่เมืองจินี่นานเกินกำหนด
"ซูกิอมยยิ้มตอบรับ"
เนฟสนใจที่จะฟัง"เมคะนอพูดพร่ำเพ้อไปพลางดูดกัญชาไปพลางกินใบกระท่อมไปพลาง
และเมคะนอเขาสารภาพว่า
     เขาไม่ต้องกินข้าวตามเวลาทั้งวันๆนี้เพราะ2สิ่งนี้
"เมคะนอ"เล่าต่อว่า
"เขาไม่ชอบผู้หญิง เพราะเขาเคยหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้งเขาอกหัก หตุผลเพราะตนเองเป็นเด็กบ้านนอก พ่อของเธอไม่ชอบ "จบ"
ที่ชอบกันตอนไปตีผึ้งที่คุ้งนางแมว
เอามุ้งไปให้เธอนั่งในแล้วมองดู
ส่วนตนเองใบหรี่มวนเดียว
ได้น้ำผึ้ง5ขวดขายได้ซื้อกะโปรงให้เธอ1ตัวหลังจากนั้นเราก็รักกัน
และแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันที่คุ้งนางแมวนั้นแต่ไม่มีหรือทำอะไรหรือแตะต้องตัวกัน
"เธออมยิ้ม"
แต่แฟนชื่อว่า"สิรา"ฟญิงคนนี้และเธอคนนี้ที่เใตะนอจ้องจดจำ หล่อนเป็นชาวเมืองหลวงของเมืองโหราอิน แต่นั่นมาเมคะนอเขาไม่เคยนึกรักผู้หญิงคนไหนอีกเลย
       และเมคะนอทราบว่าแฟนคนนั้นต่อมาตาย เธอตายขณะไปเล่นปีนเขาสูงผา"กองวาหรือหน้าผาคองวา"นั่นเองกับแฟนใหม่ของเธอ
   "   เมคะนอ"มิได้ไปงานศพเธอแต่ปักดอกธูป2ดอกอาลัยเธอที่บ้านเช่าในเมืองโหราอินนั่นเอง
ทันทีที่ประโยคนี้จบลง
เนฟมองตา"เมคะนอ"และเฉยๆ
เพราะตนเองไม่ใช่กระเทยที่จะชอบผู้ชายที่ใจยังว่าง
          และเนฟไม่สนว่าลูกค้า(ปกติจะถือว่าข้อมูลเป้าหมายคือขะเรียกวาาลูกค้าเป็นโปรสเปกตัส=prospectus ของงาน)เพื่อการวิจัยของเขาจะยืนยันว่าเกลียดเพศหญิง นับจากที่เมคะนออกหักครั้งแรกกับแฟนที่ชื่อดิวเธอคนนั้น
    เมคะนอ  เขาเล่าต่อไปอีกว่าใบกระท่อมนี้เขาเคยถูกตำรวขจับปรับมันที่สถานี"เบลาดอฟ"ขณะเขารอขึ้นรถไฟที่ชานชาลาเปลี่ยวๆชิ่อว่า"เมคาตอฟ"ชื่อทางการ เหตุเกิดที่ ณ.สถานีรถไฟ เมคาตอฟในเช้าตรู่วันหนึ่ง
        เพราะที่เมืองโหราอินพืชกระท่อมและกัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายมีโทษหนัก แต่วันนั้นเขาถูกปรับครอบครองใบกระท่อมที่ห้อมส่ถุงพลาสติกไว้กันแห้งและพกพา
       และเพราะเคี้ยวกินใบกระท่อมสดๆแทนมื้อข้าวเช้าที่สถานีรถไฟ ส่วน ค่าปรับนับตามจำนวนใบที่ครอบครองใบละ100โหรอิน
(สกุลเงินเมืองโหราอิน)
       หลายคนตำกินแบบผงแบบแห้งสำหรับกินมัน ที่ตำเป็นผงเพราะสะดวกพกพาใส่ขวดนำพาไปไหนได้
แบบคนแก่พกขวดยาลม
      แต่แบบผงมิใช่เป็นวัฒนธรรมการกินกระท่อมๆแบบผงๆ
       การกินกระท่อมของชาวโหราอินคือเคี้ยวใบสดแบบวัวเคี้ยวเอื้อง คือเขารูดกินแต่ใบและหวนตามด้วยน้ำดื่มที่เมืองโหราอินเนฟพบว่าสิ่งที่เม
คะนอเล่าแปลกมาก เขาไมพูดเรื่องว่าแก้เบาหวาน แต่แก้หิวแก้เหนื่อยมากกว่า
      ที่โหราอินพอเปลี่ยนรัฐบาลทีก็เปลี่บนกฎหมายยาเสพติดที จนชาวบ้านงงแต่เป็นอย่างนั้น และคนที่โหราอินก็ไม่ต่อต้าน

       ถ้าหากว่าประชาชนในเมืองนี้ผิดหวังในการปกครอง เพราะเอาเวลาไปทำมาหากินกันส่วนใหญ่
แต่ว่าใรความเงียบเขาสาปแช่งแทน
เพราะเดขาถือว่าคำสาปเป็รแรงเช่นเดียวกับ"หลุมดำและแรงความโน้มถ่วง
       
       บางกรณีมีการลอบสังหา
รนักกกาเมืองตัวการทีาคบชู้กับเทียหัวคะแนน การลอบดักสังหารตัวนัก
การเมืองนี้มีอยู่ แต่น้อยมากเพราะที่โหราอินตำรวจที่นั่น"ไวเท่ามือถือเป็น"  ในสมัยรัฐบาลที่มีกฎกมายตัวนี้เข้มงวด ทางเมืองโหราอินจะกวาดล้างทำลายเผาหรือตัดทิ้งต้นกระท่อมทิ้งให้หมดทุกบ้านที่ปลูกตามบ้านที่มีปลูกทั่วประเทศ
ดีผยาจับำด้เปสดียเป็นพีนๆำร่เลยทีเดียว
       คนถูกจับติดคุกกันมากแต่พอเปลี่ยนรัฐบาลทีกฎหมายยาเสพติด
ก็ถูกเปลี่ยนทุกครั้งคนที่ติดคุกก็ถูกปล่อยออกจากคุก เขาเลือกตั้งทุก10ปี
อาคนหนึ่งของ"เมคะนอ" อดีตคนเลี้ยงควายฝูงประสบความสำเร็จและต่อมาเป็นนักการเมืองและได้เป็นผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีกระทรวงใบยาสูบ
      
    เนฟพบว่า   หลังเขาหืดเข้าปอด
เขาจะแสดงอาการได้ผ่อนคลาย เหมือนเดินอยู่บนสวรรค์
พอเขาหืดเข้าปอดเสร็จเขาก็ไอและจามมันนิดๆ นั่นแสดงว่ากฃไกชีวิต
สุขภาพของเขาบางครั้งมันไม่ตอบรับควันกัญชามันนั่นเอง
     
     ทีนี้เมคะนอ จะทาบทามให้เนฟ
เล่นกัญชาชนิดดูดลมในกระปุกน้
ำที่มุไฟจุดเลนแล้วใช้หืดขึ้นสมอง
เซียนกัญชาที่มีเวลาว่างชอบงิธีนี้เพราะได้อารมณ์ดี
คุณท่านจะลองดูบ้างมั้ย!
เขาชวนเนฟผู้เดียงสา
เนฟพลันตอบรับทันทีว่า"ผมแพ้มันครับคุณ" แต่ชอบดูมันสนุกดี
"เนฟกล่าวต่อ"
        ผมชอบควันเพราะควันมันเหมือนตอนเข้าโบสถ์
ที่มรโบสถ์มีควันกัญชาแทนกลิ่นธูปที่เขาใช้ทำพลีเทพเจ้าครับที่เมืองเบล็นด์ของผม"เนฟกล่าวในที่สุด""
      เมคะนอพูดต่อว่า"เขาไม่ชอบผู้
หญิง"" มิใช่หมายถึงผู้หญิงที่ปกติไม่ชอบกินใบกระท่อมแต่ดูดกัญชามีประปราย

สสสสสสวส


        ชนิดฝนพรำโจรจะออกหากินยังกะอึ่งปากขวดตื่นขึ้นมาในเวลาฝนตกห่าใหญ่ บนทุ่งนาที่ร้อนจัดมาแรมเดือนและขาดฝนมาหลายเดือน" ร้องระงม" จากความคิดนี้ควสมโง่ของอึ่งเท่ากับความฉลาดของโจร
ความบริสุทธิ์ของอึ่งอาชีพดินไม่เดือดร้อนใครแต่ถูกทารุณกรรมโดนจับกินเพราะความโง่ของตน ที่ดัน
ร้องให้คนมีรสนิยมกินอึ่งและครับฉมวกแทงกบหรืออึ่งไวขงจะรู้ดี เหมือนโจรใจบาปที่มองตัวเองไม่เป็นท้ายสุดคุกและตารางคือแดนสุดท้ายคือสิ่งเชิงลบนี้มาเป็นอมตธรรมของตนเองนั้นเเล
      เช่นการขโมยของเพื่อนมนุษย์มันบั่นทอนจิตใจเพื่อนให้อีกฝ่ายที่โง่และอ่อนแอและอ่อนแอ และคน ที้ปกครองง่าย และยอมทำตามอิทธิพลมืดตลอดก็ยังโดยโจรฉกดดั่งงูพิษกัดคนไม่เว้นจะเป็นคนดีคนชั่วนั่น โจรทำงี้มันไม่ดีเลย"เมคะนอคิด"" แต่เนฟนั่งฟังความในใจของเขา
      และอย่างที่สำคัญ สุดยอดมากเอาตัวรอดด้วยการทำโตรกรรมที่นจับไม่ได้ชนิดมีดแทงบาด
     แต่พบไมมีบาดแผลว่าใครเป็นคนทำ
   

          ประเด็นนี้ต่อมาพวกที่สมญาตนเองว่าเป็นพวกชนอนาคีย์ปลอมๆนี้เเม้"เมคะนอ"พบว่า"สิ่งนี้"เป็นเหตุร้ายที่ทำให้เกิดสงครามทางมหาชนจลาจลขึ้นอันเป็นชนวนก่อเหตุปั่นป่วนต่อรัฐ ถ้ารัฐใดอ่อนแอก็จะล้ม ถ้ามีจลาจลเกิดขึ้น
           เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิด
ว่ามีการใช้อำนาจสีเทาต่อกันจนกลา
ย เป็นดลายเป็นการเดินขบวนและเกิดกบฎรัฐประหารอันรุนแรงของบางรัฐ
      จากชนวนเหตุที่เกิดเชิงสีเทาแบบนี้ในจุดปฐมฐานมาก่อน
      ที่เมืองจินี่จึงมีกฎหมายขี้นมาว่า
การลักขโมยมิใช่การเอาของคนอื่นซึ่งหน้าและจับได้เท่านั้น
        แต่การลักขโมยอาจจะเกิดจากองค์ประกอบอื่นๆที่เป็นการขโมยแบบ"สีเทา" หรือฟอกเงิน" คือมีเจตนาทำ
        แต่ผลคนที่ถูกลักขโมยก็ถูกขโมยของไปหมดอย่างน่าเกลียด
ที่มีฟิเวอร์(fever)คนดีถูกทำที่มีองค์ประกอบในปริบทแบบชิลๆ
คือปริทรรศน์ของวิธีที่การที่คนถูกขโมยสิ่งของ ทั้งที่จับได้แต่คลายไม่ออกและก็ถูกโจษจันว่าเป็นขโมย
       
         และทั้งจริงไม่จริงใกล้เความจริงเช่นกัน จนบางครั้งตำรวจนำไปทำจับเท็จกับเครื่องๆยังเหนียมอายจะจับเท็จก็ยังไม่อยากจะพูดด้วยเลย กัลคนขี้ขโมยททั้งหลายที่แสดงบทเป็นผู้ชำนาญการขโมยในโลกเชิงลบ
แล้วยังมีขโมยชนิด"อนาคิชต์"=(อนาธิปัต์ เป็นปรัชญา อย่าตีความตามตัวอักษรเกินไปแล้วจะเข้าใจดีว่าพวกเขาคืออะไร)เนฟเคยเรียนปรัชญาปรูดอนท่านผู้นี้ ตอนเรียนหน่วยกิตทางรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเบลนดิสกี
ก็มีพวกมั่วนิ่มโมเมใช้ ปรัชญาอนาธิปัตย์เพืนอประโยชน์ส่วนตนที่เขายืมแม่บทปรัชญาอนาคิชต์มาใช้บังหน้าลักสิ่งของไป"เนฟเข้าใจอย่างนั้น"
       ซึ่งเป็นขโมยแบบการเมือง คือคนมีปรัชญาขโมยแบบนี้"เขาถือว่าทรัพบ์สิน เป็นของทุกคน"และลัทธิ อนาธิปไตยตามแนวคิดลัทธิแนวคิดนี้ของ"pr u d o n g" -Pierre-Joseph Proudhon- (1840)  =Ana r c h i s t  นักปรัชญาการเมืองชาวฝรั่งเศส
"จนนิสัยขี้ลักมั่วนิ่ม"ไม่รู้ว่าขโมยจริงหรือขโมยการเมือง ชีวิตสับสน
และกัญชาเป็นได้เป็นกระโถนท้องพระโรงให้คนพวกที่คิดมากและสับสนได้มาที่"เมืองจิ"มาหลบซ่อน
แต่ไม่เปิดเผยความจริงว่าสาเหตุหลักๆคืออะไร แต่เมืองจิก็ปฏิเสธว่าไม่ต้อนรับคนมาหาสูบกัญชาที่เมืองจิ
และมาหลบซ่อน แต่เป็นที่แอบตายแอบสงบเห็นจะได้ "และเมืองจิไม่รับนักท่องเที่ยว เพราะกำลังตำรวจไม่เพียงพอและกลัวลัทธิสีเทาและลัทธิฟอกเงิน
     แต่ในโลกความจริงกฎสากล"ลักของ" การละเมิด นั้นมันผิดจับหมดมันมีมาแล้วตั้งแค่ยุคสมัยฮัมมูรามี
อดีตกษัตริย์โบราณ"อาหรับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น