วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ตอนที่34 คนตายนิรนาม(งานร่าง)นิยายเรื่องยาว"เบล็นด์-เบลนดิสกี( The Blend-blendisKY)

ตอนที่34 คนตายนิรนาม
ข้อความซ้า5800
จากวิถีชีวิตบ้านลับที่เมืองดิโบจิ
เป็นมิติพิศวงที่เนพมาพบสิ่งนี้โดยบังเอิญอย่างไม่คาดคิด คิดว่ามันเป็นเพียงนิยายที่เขาแตางให้สนุกอ่านเท่านั้น
และ
แต่มิได้อยู่ในหัวข้อวิจัย
ไม่เข้าไปไกลและติดตามในรายละเอียด
ที่นี่มือถือใช้ฟรีเนตใช้ฟรีคลื่นฟรีสัญญาณหรือฟรีหมด
เสรี ไม่มีปิดเข้าถึงไม่มีอะไรเลย
พวกมิจฉาชีพหมดภารกิจมาหลอกคนที่นี่ได้
มันฟรีแต่ไม่มีคนใช้มันสักคน และจนทุกคนไม้รู้ว่ามือถือและเนตคืออะไร

วันๆหนึ่งเขาพอใจกับธรรมชาติของลำธารห้วยละหานและนกกา
สายน้ำใส่มีปลาว่ายน้ำเล่นอย่างพอใจ
อาหารทุกอย่างมีผักผลไม้เพียบเกินความต้องการ ดอกทิตทูกิยอร่อยมากมันมีโปรตีนและคาโบไฮเดรตแต่เนพไม่รู้ว่า ดอกทิตทูคืออะไรและไม่ติดตามมัน
ทุกคนดูมีความสุขที่นี่ไม่มีหน้
าคนกินวิตามิน ถึงจะมีก็คือหน้า
เนื้อแห่งธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างงัยอย่างงั่น
มาอีกมิติหนนึ่งก็คือคือ
คนตายนิรนามหมายถึงตายแต่
ชื่อแต่ตัวยัง คือเวลาตายเขาเอาคนปลอมมาทำผีแทน แต่มิใช่ทีทบ้านลับนี้มันอีกแห่งที่มีคนตายนิรนามมาหลบซ่อนถาวรอยู่ใกล้บบ้านลับ
อมตายนี่เอง แต่คนในบ้านลับไม่ร๊เรื่องนี้เลยและเขาไม่สนใจมัน

ที่นี่นี่มีอีกหมู่บ้านหนึ่งมีคนแอบซ่อนเขามาจากโลกแห่งความจริงสู่โลกซ่อนเร้นและสมณะหัวโล้นธุเงค์มาปลีกวิเวกตลอดกาลในป่าใหญ่และปิดตนเอง แต่ทั้งหมดนี่อยู่ที่ดิโบจิ

เขาตายแต่ชื่อแต่ตัวจริงแบบซ่อนอยู่ที่นี่หมู่บ้านนี้ๆชื่อว่า"หมู่บ้านไม่มีชื่อ"เนพจึงให้ชื่อว่าบ้านใกล้
หมู่บ้านลับอมตาเพื่อไว้อ้าง
อิง เพราะสรรพสิ่งต้องมีชื่อ เหมื
อนคนเกิดมาต้องมีทั้งชื่อและนามสกุลทุกคนนี้นแล
ที่หมู่บ้านใกล้หมู่บ้านลับอมตานี้
โลกภายนอกเขาหมดสิทธิ
วันๆหนึ่งๆเขามีแค่ฟืนและหม้อข้าวหุงและสาวงามสายพันธุ์นางไม้คอยดูแล
เนพไม่กล้าเข้าไปวิจัยอีก งัยอาจารบ์ผู้ควลคุมงานนวิจัยของเนพคงไม่ต้องการเพราะไม่ตรงประเด็นในหัวข้อวิจัยที่เสนอไปและได้รับอนุมัติมา
กล่าวคือเพราะมันอยู่นอกขอบเขตการทำงานตามจุดหมาย
ที่หนีเมียมาทำแบบนี่ที่ดิโบจิ
ไวน์เหล้าที่หมมู่บ้านลับมีกินเพียบฟรีแต่กินแต่ไม่เมาเพราะเขามีเลือดเมา
สำหรับกัญขามีเป็นกะตั้กทุกแห่งขึ้นเหมือนดอกหญ้าเพตจารีกา
ที่ในตะวันตก
แต่ไม่มีใครสนใจมัน
นอกจากไว้บูขาเทพเจ้าและผสมในมื้ออาหาร
กระท่อมพืชกินแล้วขยันทำงาน
ที่นี่ที่นี่มีแต่เขาไม่รู้จักกินบางครั้
งเขานำมาเคี้ยวเล่นแก้หิวข้าวแบบคนเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเพลินลิ้นดีกระนั้น

นอกจากนั้นก็จะมีก็นกชนิดหนึ่งชอบกินๆเสร็จมันจะร้องเพลงแห่งความสุขเป็นภาษามนุษย์ได้
ควายมหิสาที่นี่สัตว์ตัวนี้ที่นี่มีตัวใหญ่อ้วนพีเพราะกินแต่พืชกกระท่อม
กัญชาและกระท่อมเป็นพืขเสพติ
ดให้โทษผิดกฎหมายที่เบลนดิสกี

เนพก็ไม่ติดตามคือว่าเพราะลำพังมาวิจัยสืบเสาะข้อมูลเชิงลึก
เอาส่วน
คุณค่าของพืชกัญชาในเบื้องต้
นเท่านั้น
เพราะลำพังมาติดตามกัญาชาหัวข้อนี้เนพก็เต็มอ่วมแล้ว

สรุปไม่มีอะไรที่นี่ ในเรื่องคุณภาพชีวิต
และที่นี่เนพขอยืนยันว่าไม่ใช่ถิ่นมนุษย์กินคนของโลก
วันๆคนที่บ้านลับเขาเติมเต็มๆเสพความสุขเท่าที่เลือกได้ เท่าที่เนพเห็นคืออากาศบริสุทธิ์เท่านั้นที่เป็นจุดเด่น ส่วนกัญชาคือหญ้าเหมือนหญ้าแพรกเหมือนหญ้าแะจจารีกาและดงแห่งดอกดัฟฟาดิล 

ที่นี่จึงเหมาะสำหรับคนมีปรัช
ญาและผู้พลัดหลงเข้ามาจะพึงไ
ด้มันโดยบังเอิญเท่านั้นและเขาก็ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยว
และรับคนติดกัญชาหรือจะสร้าง
รายได้กับกัญชาเขาไม่สนใจเรื่องเงินๆทองๆ
นอกรนั้นคนที่นี่ไม่มีความคิดใฝ่ฝันมันที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลไปที่อื่น
ชนิดที่มีปรัขญาว่าเกิดที่นี่ตายที่นี่จบสำหรับชีวิตคนๆหนึ่ง

ที่นี่ไม่ใช้ลัทธิยูโทเปียที่นี่ไม่มีข้
อกติกาสังคมไม่ทีอำนาตนิยมและ
หลักภาราดรภาพ
แต่เป็นอีกแบบหนึ่ง
ที่เนพๆไม่รู้จะนิยามมันอย่างงัย

ที่บ้านลับอมตา
มีหุบเขามีหมอกดูเหมือนสวรรค์ในเทพนิยายและหนังโกหก
เนพชอบมากจนเกือบลืมหัวข้อวิจัยเมื่อมาพบหุบเขา"เนพอุทานค้านกาลเวลาที่ไม่ถามตนเองก่อนว่าทำไมถึงชอบ"
ก่อนพูดออกไปกับตนเอง
ของเช้าวันหนึ่งที่หุบเขาดอยเคธา
ที่หีบเขานี้ไม่มีแม้วมีกะเหรี่ยงจะมีก็แต่นางไม้และนกสมิหลาดงและนกคีรีบูน

แต่ก็จะพบรอยยิ้มทและรอยแห่งความความรัก
พบรอยคุณธรรมประจำตัวประจำใจทุกคนที่นี่
ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง
แต่มิได้หมายความว่าที่บ้านอมตานี้จะเป็นบ้านแห่งสันติภาพ เพราะนิยามคำว่าสันติภาพมันยังกว้าง

ไกลเหลือเกินที่เนพจะใช้มันในตอนนี้
แต่สำหนรับที่ที่ตอนนี้นี่มีแต่สันติภาพนั่นคือสันติภาพแบบของเนพไปพลางก่อนนั่นเอง
เพราะคนอย่างเนพไม่เชื่อใครง่ายๆ
นอกจากเอว


หมู่บ้านลับแห่งนี้เนพจึงให้ชื่อมันคือหมู้ย้าน"คายา"
เนพคิดว่าใครน้อยคนได้มีโอกาส
มาที่หมู่บ้านคายานี้

และที่นี่มีผีเสื้อสมิงอยู่หนึ่งคู่
ผีเสื้อสมิงคืออะไร
มันคือผีเสื้อยักษ์มตาที่ปีก
ที่เราเห็นมันในจินตนิยาย
มันมีจริงเนพยืนยัน

ดอกไม้ที่ขื่อว่าคาวอน
เป็นดอกไม้ทีกลอ่นหอมคล้ายดอกราตรี
ที่เบลนดิสกี
มันหอมมากตอนดอกเควอนหอมมากมากในตอนเที่ยงวัน
แฃะหอมน้อยหน่อยตอนเชเยและเย็นและตอนค้ำคืน
แต่ในคืนเดือนหงายมันจะหอมเพียงนิดๆ เนพเคยเรียนชีววิทยาดอกไม้มากลับไม่สนใจว่าที่มันเป็นเช้นนี้เพราะเหตุอะไร
เวลาลมพายุโหดร้ายบัดโบกโชยมาทุกคนที่หมู่บ้านคาธานี้จะได้กลิ่นเควอน
แต่ว่า
มันมีแต่ที่นี่เท่านั้น
ส่วนตัวผีเสื้อสมิงนั้นมันตัวใหญ่ และกลิ่นดอกไมนี่คืออาหารของมัน
กลางคืนมันนอนพักผ่อนอยู่ในถ้ำแบบค้างคาวที่ที่หมู่บ้านไม่ทีค้างคาวถ้ำจึงสะอาดด้วยกลิ่นเว้นกลิ่นของดินแล
ะหินและกลอ่นของน้ำตกสายย่อยๆ
มันไม่กินอะไรมันกินกลิ่น
มันกินความมืดและความสงบ
ตาของมันเป็นสีเขียวสีดำมืดมรกต
คนเห็นแล้วจะกลัว เพราะนึกว่าผี
ซูกิเล่าให้เนพฟังฝ้ายเนพฟังเพลิน
จนเกือบโงกหลับ เยพๆม่ตื่นเต้นสักนิดเดียวและอยากจะรู้มันไปกว่าที่ซูกิเล่าและเนพไท่สนใจมัน
ที่จะมาทำวิจัย และเนพพบว่ามีกัญชาอยู่ประปรายที่นี่แม้อากาศเย็นกัญชาก็ขึ้น เพราะปกติกีญขามันชอบอากาศร้อนแสงสลัวฝนตก
มาบ้างหรือพายุต้นกัญชาชอบขึ้น
ส่วนอากาศเย็นเสียเรไรที่ดาษดื่นที่นี่เป็นข้อบ่งชี้ว่าเงียบสงัดเย็นกัญชาจะไม่ชอบ ใช่ที่นี่เป็นถ้ไที่ผีเสื้อสมิงมาพักอาศัยนอนแฃะทีดกาะใกลมันจะบินไปมาพักร้อนพักเย็นท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ของคลื่นลมทะเลสีคราม น้อยคนนักจะ
ได้ผ่านมานอกจากเรือบินบินผ่านบ้างนานๆครั้ง

เนพมีโอกาสได้เห็นมันเวบหนึ่งรู้สึกพองขน แต่ไม่สนใจอะไรเพราะที่มหาวิยลัยเบลนดิสกีมีปรัชญาสอนให้คนไม่ตื่นตระหนกเมื่อพบของ
แปลก

เพราะกลัวมันจะมาทำร้าย
แล้วเนพก็ถอยบกบัจออกไปห่าง
เพราะไม่อยากจะรู้สิ่งแปลกๆเหล่านี้ มันรกสมองเปล่าๆสำหรับเนพ
สิ่งประหลาดเหล่านี้หลายอย่างเกิดขึ้นขณะเนพมาทำวิจัยเรื่องของกัญชา

สิ่งเหล่านี้เนพถือว่ามันคือความฝันและมันคือนิยายคือนิยายที่ๆม่มช่ตวามจริงอะไร
ตอนเนพมีชีวิตที่เบลนดิสกีเท่านั้น
ก็เพียงพอแล้วที่เกิดมาทีเรื่องรกสมองจนบางครั้งถือว่ามันสรรพสิ่งที่นี่รกเกินจนทำลายสมาธิของตนเอง

ที่หมู่บ้านคาธาและอมตานี้ไม่มี
ตำรวจทหารและกฎหมายอะไรนอกจากคสามพอใจของทุกคน
แต่ก็ไม่เคยมีเหตุเจ็บปวดอะไรเกิดขึ้นกับใครๆ
ความไม่มีวามไม่เหมือนกันของ
ที่นี่กับโลกภายยนอก สำหรับเนพ
มันเหมือนกันนั่นแหละแต่เจาไม่มีชื่อจะนิยามมันเท่านั่นเอง
เช่นกฎหมายมันต้องมีถ้าไม่มีสังคมก็คงตั้งอยู่ไม่ได้ คำสั่งแนะให้ลูกทำนั่นมันก็คือกฎหมายชนิดหนึ่งเอง
สำหรับเนพคิดอย่างนั้นเมื่อซูกิกเล่าว่าที่หมู่บ้านคาธาและหมู่บ้านอมตาไม่
มีกฎหมาย

แต่ทุกคนที่นี่เป็นตำรวจทหารและเป็นประชาชนในบุคคลคนเดียวกัน
ที่นี่รู้จักแต่ธรรมชาติดขาไม่รู้จักสสิ่งปรนเปรอความสุขในแง่ของเครื่องแสงเสียงสีเครือข่า
ยแห่งวิทยาศาสตร์ที่เจริญมากในเบลนดิสกีที่เนพเห็นมันไม่มีเสียงเพลงร้องประทับใจให้เนพเห็นก็ธรรมชาติสุดๆของที่นี่นั่นแหละ
คือเสียงเพลงที่สุดประทับใจของ
คนที่นี่ สำหรัยคนที่นี่ไม่รู้แม้คนที่นี่ไม่รู้ว่าคำว่าเพลงนั้นคืออะไร
สำหรับเนพ เพลงที่นี่เสียงนกเสียง
กาจั๊กจั่นตัวจิ้งหรีดเรไรเสียงงูร้องไห้นั่นปหละมันคือเพลงและมันมีคอร์มีคีย์ของมันยู่ใ
นตัว ยิ่งในคืนเดือนหงายน้ำค้างตก
แล้วจะพบสอ่งที่กล่าวมาแล้ว
ทั้งหมดได้ มันเป็นเพลงที่เกิดขึ้นในตัวมันเอง

เขาทุกคนมนคาธาและอมตาจะปิดหูปิดตาปิดจมูกปิดปาก
ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นจากโลก
ภายนอก เขาเห็นคนแปลหหน้าคือสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งเท่านั้นและจะไม่ไว้ใจมันโดยสัญชาตญาณ
ของพวกเขา

พวกเขาเหมือนจะเป็นมนุษย์ไบ้
แต่เขาไม่ใช่มนุษย์เผ่ากินคน
ถ้าเป็นจริงเนพคงไม่ได้กลับเบลนดิสกีแน่ๆ

เขารู้จักกินสเต็กเนื้อแม้นานๆครั้
ง แล้วเขาก็ปล่อยช่วงมังสวิรัตในช่วงที่ยาวนานกว่าจะมาถึงสมัยกินสเต็กเนื้อกัน

โดนทุกคนคำนึงถึงความอบอุ่นที่ได้จากไฟว่าเป็นเทพเจ้าแห่งชีวิต
พวกเขาจะรู้สึกตัวว่าอุ่นๆและร้อนเมื่อเข้าใกล้เตาผิงและฟืนๆควันๆเพราะตัวฟืนๆควันนั่นมันทำให้พวกเขามีสุขภาพที่แข็งแรงและอ่อนโยนอิ่มเอิบและมีแรงดุดันได้ในชีวิตจริงของที่นี่ เขาจึงชอบมัน และบูชามันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งไฟจากเตาผิง


แต่เขาพร้อมที่จะร้องไห้เมื่อเสี
ยใจเขาไม่รู้จักปกปิดมันเขา
จะปล่อยน้ำตาย้อยลงมาเปื้อนแก้มเมื่อเขาร้องไห้ โดยไม่เอาผ้าเช็ดเป็นเหมือนมนุษย์ที่เบลนดิสกีคิดเป็น
ที่เขาทำเช่นนั้นเพราะรอยน้ำตาคือคราบแห่งความจริงที่อมตะมันควรจารึกไว้เหมือนปูนซิเมนต์ผสมน้ำแล้วแข็งตลอดไป