ตอนที่5" เมคะนอไม่กล้าชอบผู้หญิง"ภาค3เรื่องเบลนดิสกี(6000)
แต่ตาของเนฟจ้องอย่างพิศวงวงสสัยว่า เมคะนออเขาดูดกัญชา
อย่างไรกินใบกระท่อมอย่างไร?
เขาดูเหมือนจะมีกระปุกน้ำ
มีฟองนิดๆมมันเป็นน้ำตำและต้มกระท่อมมีสีคล้ายน้ำใบบัวบก
มีในขวดแม่โขงพร้อมดื่ม
มันคงถูกต้มจนดือดกลั่นออกมาเป็นน้ำหรือไม่ต้องตำโขลกกับน้ำ
เนฟไม่สนใจถามจุดนี้
อยากรู้เพียงพฤติกรรมคนเสพส้อง
ไม่ต้องการรู้วิธีทำตามหัวข้อวิจัยที่ขอมา
เนฟพอมองเห็นเขาทำงัยก็พอใจแล้ว เพื่อจะได้รู้ว่าเขาสูบกัญชาเสพใบกระท่อมนั้นที่แท้จริงเขาทำอย่างไร?
เนฟหันมาพูดกัลซูกิว่าวันนี้
"ต้องไปธนาคารเคมีระหว่างประเทศเพื่อไปแลกเช็คเงินทุนที่ได้รับมาจากทุนวิจัยที่นายทุนเสนอให้ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยเบลนดิสกี"
วันอาทิตย์ ธนาคารเปิดทำการมี่เมืองจินี้
และพอดีได้งวดจ่ายค่าล่ามให้ซูกิ
และค่าปรับที่ตรวจคน
ตอนที่5" เมคะนอไม่กล้าชอบผู้หญิง"ภาค3เรื่องเบลนดิสกี(8978)
แต่ตาของเนฟจ้องอย่างพิศวงวงสงสัยว่า เมคะนออเขาดูดกัญชา
อย่างไรกินใบกระท่อมอย่างไร?
เขาดูเหมือนจะมีกระปุกน้ำ
มีฟองนิดๆมมันเป็นน้ำตำและต้มกระท่อมมีสีคล้ายน้ำใบบัวบก
มีในขวดแม่โขงพร้อมดื่ม
มันคงถูกต้มจนดือดกลั่นออกมาเป็นน้ำหรือไม่ต้องตำโขลกกับน้ำ
เนฟไม่สนใจถามจุดนี้
อยากรู้เพียงพฤติกรรมคนเสพส้อง
ไม่ต้องการรู้วิธีทำตามหัวข้อวิจัยที่ขอมา
เนฟพอมองเห็นเขาทำงัยก็พอใจแล้ว เพื่อจะได้รู้ว่าเขาสูบกัญชาเสพใบกระท่อมนั้นที่แท้จริงเขาทำอย่างไร?
เนฟหันมาพูดกัลซูกิว่าวันนี้
ต้องไปธนาคารเคมีระหว่างประเทศเพื่อไปแลกเช็คเงินทุนที่ได้รับมาจากทุนวิจัยที่นายทุนเสนอให้ปานมาทางมหาวิทยาลัยเบลนดิสกี วันอาทิตย์
ธนาคารเปิดทำการมี่เมืองจินี้
และพอดีได้งวดจ่ายค่าล่ามให้ซูกิ
และค่าปรับที่ตรวจคนเข้าเมืองๆจินี้
นี่ด้วยเพราะเนฟติดวีซ่าที่ประทับในหนังสือเดินทางเข้ามาพักอยู่เมืองจินี่นานเกินกำหนด
"ซูกิอมยยิ้มตอบรับ"
เนฟสนใจที่จะฟัง"เมคะนอพู
ดที่ทางดูเหมือนคนจะ"เมากัญช
า"พร่ำเพ้อไปพลางดูดกัญชาไปพลางกินใบกระท่อมไปพลาง
และเมคะนอเขาสารภาพว่า
เขาไม่ต้องกินข้าวตามเวลาทั้งวันๆนี้เพราะ2สิ่งนี้
"เมคะนอ"เล่าต่อว่า
"เขาไม่ชอบผู้หญิง เพราะเขาเคยหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้งเขาอกหัก
เพราะตนเองเป็นเด็กบ้านนอก
แต่แฟนคนนี้เป็นชาวเมืองหลวงเมืองโหราอิน แต่นั่นมาเขาไม่เคยนึกรักผู้หญิงคนไหนอีกเลย
และเมคะนอทราบว่าแฟนคนนั้นต่อมาตาย เธอตายขณะไปเล่นปีนเขาสูงผา"คองวา"นั่นเองกับแฟนใหม่ของเธอ
เมคะนอมิได้ไปงานศพเธอแต่ปักดอกธูป2ดอกอาลัยเธอที่บ้านเช่าในเมืองโหราอินนั่นเอง
ทันทีที่ประโยคนี้จบลง
เนฟมองตา"เมคะนอ"และเฉยๆ
เพราะตนเองไม่ใช่กระเทย
และไม่สนว่าลูกค้า(ปกติจะถือว่าข้อมูลเป้าหมายคือลูกค้าของงาน)เพื่อการวิจัยของเขาจะยืนยันว่าเกลียดเพศหญิง นับจากที่เมคะนออกหักครั้งแรกกับแฟนที่ชื่อดิวเธอคนนั้น
เขาเล่าต่อไปอีกว่าใบกระท่อมนี้เขาเคยถูกตำรวขจับปรับมันที่
สถานี"เบลาดอฟ"ขณะเขารอขึ้น
รถไฟ ในเช้าตรู่วันหนึ่ง
เพราะที่เมืองโหราอินพืชกระท่อมและกัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายมีโทษหนัก แต่วันนั้นเขาถูกปรับครอบครองใบดระท่อมและเพราะเคี้ยวกินใบกระท่อมสดที่สถานีรถไฟ ค่าปรับนับตามจำนวนใบที่ครอบครอง
หลายคนตำกินแบบผงแบบแห้งสำหรับกินมัน ที่ตำเป็นผงเพราะสะดวกพกพา
แต่มิใช่เป็นวัฒนธรรมการกินกระท่อมๆแบบผงๆ
การกินกระท่อมของชาวโหราอินคือเคี้ยวใบสดแบบวัวเคี้ยวเอื้อง คือเขารูดกินแต่ใบและหวนตามด้วยน้ำดื่มที่เมืองโหราอินแปลกมาก
พอเปลี่ยนรัฐบาลทีก็เปลี่บนกฎกมายยาเสพติดที จนชาวบ้านงงแต่เป็นอย่างนั้น และคนที่โหราอินไม่ต่อต้าน
หากผิดหวังในการปกครอง แต่เขาสาปแช่งแทน บางกนณีมีการลอบสังหารตัวการแต่น้อยมากเพราะที่โหราอินตำรวจไวเท่ามือถือเป็น
ในสมัยรัฐบาลที่มีกฎกมายตัวนี้เข็มงวด
ทางเมืองโหราอินจะกวาดล้างทำลายเผาหรือตัดทิ้งต้นกระท่อม
มทิ้งหมดที่ปลูกตามบ้านที่มีปลูกทั่ว
ประเทศ
ดีผยาจับำด้เปสดียเป็นพีนๆำร่เลยทีเดียว
คนถูกจับติดคุกกันมากแต่พอเปลี่ยนรัฐบาลทีกฎหมายยาเสพติด
ก็ถูกเปลี่ยนทุกครั้ง คนที่ติดคุกก็ถูกปล่อยออกจากคุก เขาเลือกตั้งกันทุก10ปีที่เมืองโหรนาอิน
"เนฟขัดจังหวะนิดนึง"
แล้วเมือง"เหราอิค"ล่ะ"เนฟถาม"
อ๋อ!
มันเป็นพี่เมืองน้องกัน มีแระวัติศาสตร์อันยาวนานก่อนสมัยถังของจีนเสียอีก "ถ้าจะขุด""
"ไช่" แต่ว่ามันไม่ถูีกกันมี
สงครามตลอดเวลา มันเหมือนหมากับแมวฟัดกัน "ผมไม่อยากจะพูดถึงเมืองนี้
เพราะน้องชายผมคนหนึ่งตายที่นั่นตอนคนที่นั่นเขาเดินขบวน การ"เดินขบวนเป็นประเพณีที่นั่น"
น้องผมโดนลูกหลงคือโดนกระสุนฝ่ายปฏิวัติปราบปรามตาย. เพราะน้องมีนิสัย"ไทมุง"นั่นเอง"เมคะนอพูดที่สุด"
อาคนหนึ่งของ"เมคะนอ" อดีตคนเลี้ยงควายฝูงที่ประสบความสำเร็จและต่อมาเป็นนักการเมืองและได้เป็นผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีในกระทรวงใบยาสูบ และลูกพี่ลูกน้องของท่านผู้นี้เคยค้ากัญชาเถื่อนจนรวยเลยสละเงินทำบบุญแบบเล่นการเมือง
ต่อมาชนะเลือกตั้งแต่ทว่าถูกหัวบฎลอบสังหารตายคาที่ด้วยปืนลูกดรด"เหตุผลสาเหตุการตายขิงท่านไม่ชัด" ว่าทำไมเป็นอย่างงั้น
ถ้าเขารอดเขาจะได้เป็นถึงรองนายกแห่งเมือง"เหราอิค"=(Heraik)ทีเดียว
เนฟพบว่า หลังเขาหืดควันกัญชาเข้าปอด เขาจะแสดงอาการได้ผ่อนคลาย แทนการมวนดูด คือเอาแต่ควันและรสกลิ่นกัญชามันส์ๆนั่นเอง เขาพูดออกมาด้วยเสียงกึ่งหัวเราะว่า"มันเป็นยาครับท่าน"
ทีนี้"เมคะนอ" จะทาบทามให้เนฟ
เล่นกัญชาบ้าง เพืาอให้การสนทนามีราชาติ ชนิดดูดเอาแต่ลมและควันกัญชาในกระปุก "กัญชาหลอดฟันแก้ว""
ทำทีเล่นควันไฟจุดเล่นแล้ว สูบควันใช้ปอดหืดขึ้นสมอง
เซียนกัญชาที่มีเวลาว่างชอบวิธีนี้เพราะได้อารมณ์ดี โดยเฉพาะหลังเก็บองุ่นในไร่องุ่นของเมืองจิ
คุณท่านจะลองดูบ้างมั้ย! "if you like to try s ir""เมคะนอเสนอ""
เขาชวนเนฟผู้เดียงสา ตาสีฟ้าผมสีทองปากแดดแจ้ดเหมือนตูดกัง
"อ๋อ!ไม่ๆครับ"
เนฟพลันตอบรับทันทีว่า"ผมแพ้มันครับคุณ" แต่ชอบดูมันสนุกดี
แต่"เนฟกล่าวต่อ"
ผมชอบควันมันเพราะควันมันเหมือนตอนหอมกลิ่นธูปกัญชาตอนเข้าโบสถ์
ที่มีในโบสถ์จะที่จะมีควันกัญชาแทนกลิ่นธูปที่เขาใช้ทำพลีกรรมเทพเจ้าครับ!ที่เมืองเบล็นด์ของผม"เนฟกล่าวในที่สุด""
เมคะนอพูดต่อว่า"ตัวเขาเองไม่ชอบผู้หญิง"" มิใช่สันดานแต่มีปมครับและเมคะนอเพ้อต่อไปว่า
อันนี้รวมถึงหมายถึงผู้หญิงที่ปกติไม่ชอบกินใบกระท่อมแต่ผู้หญิงชอบดูดกัญชานะจะมีประปราย
คือมีเรื่องหนึ่ง เพศผู้หญิงทำให้ผมเสียใจเว่อร์ในอดีต
ผมไม่ชอบผู้หญิงเพศทั้งแบบเอกซ์และแบบวายๆน่ะ!
เพราะกลิ้ยผู้หญิงมันเคยทำให้ผมเป็นไข้และผมเคยมีสภาพเหมือนคนติดคุกเมื่อติดและหลงรักผู้หญิง
ผม"เมคะนอ" ผู้พบาดพลั้งผมเคยอกหัก2ครั้งครับในชีวิต
ผมจึงตัดสินใจทำตามสิ่งที่ผมสัญญากับตนเองและเคยพูดมาบ้างเมื่อตะกี้
"ทันทีที่ฉากสนทนาฉากนี้เขากล่าวจบเนฟอมยิ้ม เพราะเนฟเคยมี
ปมความรักที่ซ้อนเร้นอยู่ในใจเช่นกัน
" เมคะนอ"เขาจะพักการกล่าวต่อเพื่ออยากให้เนฟคุยบ้าง
แต่เนฟก็ไม่รู้จะคุยอะไร นอกจากปริบทที่สันติบาลสัญญาเมือวจิทำสัญญามาว่าห้ามเวอร์คุย" (ที่เมืองจิเขามีอะไรที่ไนอย่างไร กะใครคอนเทนจ์อะไรดรามาอะไร แม้เข้ากินกาแฟที่ร้านโรงเตี้ยมกาแฟเขาต้อง
เซ็นชื่อสัญญาก่อนจึงจะกินกสแฟที่ร้านได้ สรุปไม่ว่าอะไร
เขาจะทำเป็นหนังสือสัญญาหมด)
เนฟรู้จักดีแต่อมยิ้มรับอย่างเดียว
เนฟเมื่อคิดอยู่ต่อมาพบว่าเมคะนอคนนี้ว่า"ผู้ชายคนนี้แปลก"เท่าที่เข้ามาที่จิเพื่อการวิจัย
จากจุดสนทนาจุดนี้
ทำให้เนฟคิดว่าอยากจะเปลี่ยนหัว
ข้อวิจัยจากเรื่องกัญ
ชาเป็น"เรื่องแนวสังคมวิกฤต"
เพราะเนฟสนใจอ่าน"เเอมิล-เดอไคม์(Emile Derkeim)นักปรัชญาสังคมชาวฝรั่งเศ สตอนเรียนในมหาวิทยาลัยระดับปริญญาชั้นสูงที่มหาวิทยาลัยเบล็นดิสกี
และเนฟพบว่าตนเอง
คิดว่าปรัชญาที่เป็นแม่แบบของศาสตร์ทั้งปวงตามแผนคลาสสิคกรีซเก่า
แต่มาพบว่าสีงคมต่างหากเป็นแบบแผนใหม่แทนที่ระบบคลาสสิค
ที่ตนเองเห็นจะเป็น
ก็!สังคมมนุษย์เกิดจากคนสองคนคุยกันสรรพสิ่งจึงเกิดม นี่คือการเริ่มต้นของปัญญา
"การตบมือแบบมือข้างเดียวตบไม่ดังถ้าตบสองข้างตบดังฉันใด"
ฉันนั้นแนวคิดของเนฟจึงได้กระนั้น
แต่ต้องยื่นเรื่องขอเปลี่ยนหัวข้อที่ต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะผ่านการอนุมัติหรือไม่อนุมัตินี้ได้ในภาวะเศรษฐกิจสังคมและการเมืองเฉกเช่นปัจจุบันนี้เมื่อจะทำอะไรสักอย่าง