วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566

ลอร์ดลิเทล15(7872) "อิดี"

                 
        ลอร์ดลิเทล15(7872)
                  ตอน"อีดี"
                  (7722)
      อีกส่วนหนึ่งของหนังสือปริศนาเล่มนั้นที่ปกมัน!แม้ชิ่อหนังสือ!มันก็ไม่มี หรืออาจจะขาดหายไป " แต่ลอร์ดมิคานก็ไม่สนใจ" เรื่องปกและชื่อของหนังสือมากนัก นอกจากเนื้อหาและสาระสะดุดใจเท่านั้น ที่อยากสะกดตามว่า"มันมีอะไรน่าสนใจ"กับความเป็นไปของโลกภายนอกตัวเองในปัจจุบัน

        เมื่อลอร์ดมิคานพลิกกลับกลับมา  ที่ชิ้นส่วนของหนังสือจากที่ลอร์ดมิคานไปพบมา

มันไม่น่าขะทำตกหล่นในเทือกเขานี้เนื้อที่เทือกเขานี้มีตตั้ง1,000 เอเคอร์ สงสัยว่าจะเป็นงานจารกรรมชีวิตอัปยศของลอร์ดมิคานจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ว่างงานทำก็ได้หรือ ใครบ้านึกสนุกขึ้นมาจึงทำอย่างนั้น เพราะที่เขามีเทศบัญญัติว่า"เทือกเขานี้"ห้ามทิ้งขยะเป็นกฎหมายมีโทษหนัก""

      ที่จริงตาม ประวัติของลอร์มิคาน"ห้ามเปิดเผยคนอ่าน"ที่"หอแอกชีพประชากรศาสตร์"ของเมืองมิคาน"(archivedpopulation house science)อีกด้วย ชีวิตจริงในส่วนตัวมีสถานะมั่นคงมาก  แต่ไม่ยึดติดกับค่านิยมทสงสัตถุเหมือนใครอื่นเช่นใช้บัตรเครดิตธนาคาร เป็นต้น

       ท่านมีปราสาทของตนเอง อยู่คนเดียว เดียวดาย มีมรดกเป็นบุตรคนเดียว มีการศึกษา แต่ชอบใช้ชีวิตในนาม ชอบเป็นคนสามัญวิสัยชอบเป็นลอร์ดนิรนามชนิดนอกทำเนียบลอร์ด และไม่ชอบแสดงตน ชอบแสดงตนเป็นแทรมป์  (tramp)อย่างเจ้าชายกระบี่ไร้เทียมทานงั้น

     มีกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่มไม่เห็นด้วยและค้านต่อสถาลอร์ดแห่งมิคานแต่ถูกปัดตกไป เพราะอีกฝ่ายถือว่า"เป็นปรัชญาชีวิตของปัจเจกชนที่หายาก  และน่าศึกษามากกว่าชณะทีทสัวคมเกิดความเหลื่อมล้ำทสงชนชั้นวูงมากขณะนี้ที่เมืองมิคาน ปู้ที่ไม่เห็นด้วยอาจจะเป็นฝ่สยที่เสียผลประโยชน์อย่สงลับๆหรืออย่างเปิดเผยก็ได้  เพราะลอร์ดมิคานไม่ยอมเซ็นเอกสารใด ให้ใคร อะไรอีกที่เป็นนิติกรรมสัญญาผูกมัด  หลังท่านพ่อของลอร์ดมิคานคือดุกส์เควิน( Duke Kevin) เสียชีวิตลง

          หรือ"หน่วยจารกรรมอาสาพิเศษ" สนใจลอร์ดมิคานด้านพฤติการณ์กรรม มาหากินหยาดน้ำค้างที่เทือกเขาโอเฟตลอด เหตุชวนสงสัย ในเวลานั้นซึ่งมันแปลกมาก (weird)  จึงทำทีทำหนังสือขาดวิ้นหล่นไว้ที่ทางเทือกเขาโอเฟที่ลอร์ดมิคานเดินมาทุกวัน "เมืองโอเฟและเมืองมิคานและเมืองโนวา"มีพรหมแดนใกล้ๆกันแต่ในมุมกว้างและไม่สามารถเดินติดต่อกันได้สะดวกนอกจากเรือเฮลิคอปเตอร์(helicopter )เพราะ แต่ละเมืองมีแต่หุบเขามากมาย

   ฉากทัศน์ต่อไป  มาที่อีดี     อาการของป่ากูดี้มันเป็นเช่นนั้นคือชอบนุ่งผ้าบางๆแนบเนื้อฃอยตัวพลิ้วง่ายแบบปล่อยๆตัว ในบ้านหลังสามีคือพันต่ีมิค็อกตายลง  แกชอบเปลือยกายอยู่คนเดียสเสมอ แต่ปลอดสายตาคน เพราะป้าก๊ดี่มิๆด้เป็นเอกบิขั่นนิสต์(exhibitionist) =คนชอบเปิดเผยแสดงตนองแบบเปลือยๆแต่เป็นศิลปะ)

        ตอนเกิดเหตุ"อิดี"ปล้ำเธอนั้น เพราะ"อีดี"ตายใจ คิดว่าป้ากูดี้รักและชอยต

นในมุมมอง" แฟนซี ยู"(fancy you)

      ป้ากู้มั่นใจว่า "คนหลวไหลเท่านั้น ที่ใครอยากที่จะมีเพศสัมพัทธ์กับคนแปลกหน้า โดยไม่มิได้บอกล่วงหน้ามาก่อน "

      แต่ฉันจะไม่คบชู้กับใครอื่นอีก"ในใจของป้ากู้ดี้กำลังพูดตอบโต้กับอิดี ผ่านทางสายตาอันแข็งกร้าวและมีนัยตา"สีฟ่าหม่นป็นประกาย"อย่างเขียวปั้ด เหมือาตาเทพเจ้ากำลังดุและกำลังตะเพิดพวกพญามารเข้ามารบกวนลักพานางสนมของพระองค์ และกำลังหมมิ่นเหม่ต่อการถูกรุกรานอาณาจักรของพระองค์กระนั้น

         "อิดี"หน้าซีดเผือดสีหน้าฝาดเผือดเป็นสีเหมือน"ถั่วลิสงต้มสุกแกะเปลือก"  ทันทีที่ได้ยินหลายประโยคนั้นๆ

         และ"อิดี"ก้อไม่กล้าสบสายตากกับป้ากูดี้อีกเลย ถ้าจอนนั้นป้ากู้ดี  มีปืนอย่ในมือ  เธอคงยิงไหล่หนือบ่าของอิดีให้บาดเจ็บล้มลงแน่นอน (ปกติปืนอสตร้า.22(Astra. 22)ของป้ากูดี้มีจำนวน 1 กระบอกบรรจุกระสุนเต็มแมกาซิน(magazine) ตลอดเวลาพร้อมปลดล็อกเพื่อยิงป้องกันตนเอง

         ปืนนี้มันเป็นมรดกตกทอดจาก พันตรีมิค็อก แต่บังเอิญวันนั้นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นห่างจากห้องนอนที่ชำรุด)สำหรับป้องกันตัวยามมีภัย อิดีจึงโชคดีไป

       " อิดี"ตอนนั้น แทบจะเอาหัวมุลงดิน  ตรงที่เกิดเหตุนั้น!  "แม้ผัวฉันจะตายไปแล้ว"

ป้าจูดี้ยืนกรานในความคิดที่ค้านอย่างแรงกับการกระทำของอีดีแบบนี้"การปล้ำและโอบกอดผู้หญิงด้านหลังแบบนี้แล้วใช้นิ้วมือ  จับผู้หญิงอย่างฉันขยี้บี้นมฉัน "เธอคิดว่าฉันจะเงี่ยนกนะสันต์นะ!"
เธอฝันไปหรือเปล่า

        "ที่ฉันไว้ใจอกเพราะเห็นว่าแกเป็นคณะของคนรับใช้ฉันนะ!  แม้วันนี้ ฉันจะนุ่งผ้าหลุดลุ่ย  กางเกงลิฉันก็ไม่ใส่นั่น! มืใช่ยั่วแกน่ะบอกก่อนนะอ้ายอิดี!  อ้ายพ่อหนุ่ม
          "ป้ากูดี้ สำทับตนเองว่า" ทำแบบนี้นั่น!มันเป็นวิสันของพวกโรคจิต หรือพวกกามวิปริตมีรสนิยมทางเพศแบบชุ่ยๆ น่ะ" ถ้าเธอเงี่ยนเพราะเหนื่อยมาก แกก็น่าจะบอกฉันตรงๆ !ฉันจะได้ให้เงินแกไปเที่ยวปล่อยอารมณ์ให้พอใจ ในที่เขามีผู้หฐหญิงแบบนั้น  แต่ในการทำแบบนี้มันไม่เหมาะ ทุเรศมากน่ะ!  เธอน่าจะสุภาพและเป็นคนกว่านี้
          ตอนนั้นพอเวลา เมื่ออิดีได้โอกาส อีดีจึงโอบกอดปล้าป้ากูดี้ ซึ่งป้สกูดี้ เธอนั่นสวยขาวนมยังเต่งตึ่ง อายุก็ยัวน้อย ไม่สมชิ่อที่คนทั่วไปเรียกสมญานามว่า"ป้ากูดี้" และสามีเธอตายไป5ปีแล้ว ใครเห็นาภาพนี้ ก็นึกว่าเธอนั้นเหงาอารมณ์ทางเพศเต็มที่แล้ว
         "ฉันไม่ใช่คนแบบนี้น่ะ" อนึ่งฉันมีเพื่นรู้จักเป็นท่านลอร์ดท่านหญิงก็หลายคนในชีวิตฉันๆจะไม่ให้ท่านเหล่านั้นเสียเกียรติท่านเพราะการกระทำขอวฉันเป็นหญับอกกอก
"อ้ายบ้า" ป้ากูดี้ด่ามันอยู่ในใจว่า:-
       "ฉันเสียใจมาก  ที่ไว้ใจมันเข้ามาทำหลังคารั่ววที่ชำรุดคาราคาซัง เพราะกิ่งไม้แห้งหล่นทับเมื่อคืนวาน  มันก็ใกล้จะเสร็จ มันป็นที่ห้องนอนหลังคาบ้านในยามวิกาลแบบนี้ และเห็นว่ามากัย"คนเดียว"ถ้ามากันหลายคนฉันก็คงไม่อนุญาตเธอเข้ามาทำแบบนี้หรอก
        วินาทีนั้น  ผลปรากฎว่าป้ากูดี้ได้ต่อสู้ขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าอิดีนายช่างจำเแนเฉพาะกิจเล็กน้อยนี้
       " มันทำให้เธอตกใจมาก""
        จากมือกำยำสกปรกปูนซิเมนต์  ที่เอื้อมเชิงกอดปล้ำ ลวนลาม โดยมาบีบคลำหัวนมเธอแบบนี้ ที่ เธอไม่ได้สติและไม่ได้ตั้งตัวทัน และเตรียมตัวเตรียมใจมาแบบนี้" เธอคิดต่อไปอีก แบบพูดเองตอบเอง" นี่ดีน่ะฉันรูปร่างสูงสะโอดสะอง
         ฉันเป็นคนมีเนื้อมีแรงเพื่อเล่นยูโด(yod o =สำเนียงญี่ปุ่น) ได้ การต่อสู้ถ้ามีฉันป้องกันคนเองได้
         ยิ่งเจ้าอีดีนี้ตัวเตี้ยอย่างนี้  ยูโดสายดำอย่างฉันนี่"เธอหลังหักแน่ ถ้าฉันทำ"" อนึ่ง ถ้ามีเหตุร้ายแบยนี้เกิดขึ้นมา ถ้าเป็นข่าวไม่ว่าคนฝ่ายใดจะได้เปรียบเสียเปรียบ  "มันก็ขายขี้หน้าเค้าทั้งเมือง"เมื่อพากข่าวหน้าแรกในหนังสือพิมพ์ปรากฏขึ้นมา"ฉันไม่ชอบตกเป็นข่าวแบบนี้ นอกจากคำประกาศของศาล"
         และนมเธอก็แข็งตลอดไม่หย่อนยานนับแต่แต่งงานมาเ ป้ากูดี้จึงมีร่างทรงเซกซี่(sex s y )ไม่เหมือนคนทั่วไปหลังแต่งงานแล้ว  ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร  และสาเหตุหนึ่งคือคงจะ เพราะพันตรีมิค็อกไม่เคยจับนมเธอบีบคลึงขณะร่วมเพศกับเธอสักครั้งเดียว จะมีก็เพียงดูดอย่างเด็กทารกทำ
          อันนี้แม้จะแต่งงานและร่วมเพศเปิดพรหมจรรบ์แรกแห่งชีวิตของททั้งสองมา  ที่มีอะไรกันตลอเวลากันอย่างผัวเมียตามปกติ
           ถามเรื่องนี้ว่าใครบอกรู้ได้งัย! หรือนิยายเอาเองแบบมีอคติและมีการเมืองลี้ลับอะไรแอบแฝง.
            คำตอบคือ""ความลับจากบันทึกในมือถือที่เธอคุยสารภาพกับเพื่อนเก่าๆของเธอเอง
            หลังแต่งงานที่ป้ากูดี้พรรณนาเปิดใจออกมาหมด  เและเธอก็ไม่คิดว่าเพื่อนเหล่านั้นจะกดบันทึกการสนทนาทั้งหมดเอาไว้ (เพื่อนสนิทกลุ่มเธอสมัยโรงเรียนคือ"เคล-เดซี่-อีลา" จากโรงเรียนมัทธยม"สโนลา"เฉพาะเพศหญิงเท่านั้น(single sex school))เมื่อป้ากูดี้ถูกเพื่อนเก่าสมัยโรงเรียนถามมา เพราะป้ากูดี้เป็นสมาชิกเพื่อนในเซตรายแรกที่แต่งงาน  ก่อนเพื่อนทั้งหมดในเซตเดียวกันนี้ของโรงเรียนนั่นเอง
            บันทึกนั้นเมื่อถึงจุดพีค(peak) คือเมื่อตอนถึงจุดพีคที่เพื่อนเก่าที่อ่อนโลกมากถามมาคือ
           "คืนแรกที่แต่งงานทำงัยบ้าง "ต้องคลุมโปงแก้ผ้าเปลือยเปล่า และปล่อยเนื้อหนังมังสาสู้แสงไฟห้องนอน และฟังวิทยุไปพลาง ทำงัยบ้าง!บอกหน่อยได้ไหม! กูดี้  ? 
เจ็บไหม!สนุกไหม!  และป้ากูดี้เธอก็บอกเท่าที่เธอมีประสบการณ์  กับพันตรีมิค็อกผัวหล่อน ว่ามันเป็นอย่สงางนั้น  มันเป็นอย่างนี้ " อย่าครางให้มากหนวกหู"  ว่ามันเป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนี้ แต่ไปๆมาๆเธอมาดันไม่มีลูก
          ไม่รู้จะทำงัยแบบธรรมชาติ  ประกันขีวิตอนาคตของม่หรทอ้าเงินในที่สุดป้ากูดี้ยืนยัน  ตอนมาพอมาถึงประโยค"ดันไม่มีลูก คือถ้าท้องจะได้  มรดกใช้เงินลูกได้ตามประเพณี" เพื่อนทุกคนกลับอึ้งกับประโยคนี้   และทุกคนกลับเงียบกริบกันหมด"เพราะต่างก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
"เอากันอย่างงัย จึงจะมีลูกท้อวป่องออกมา"โดยคิดว่าไม่มีแผนเอาลูก  เป็นตัวประกันสักขีพยานรัก กันผัวมีชู้ง่าย และเอาสิทธิมรดกลูที่เกิดมารอดอบู่ มาเล่นได้ในอนาคต หรือรัย!
        "ป้ากูดี้ไม่คิดเป็นสีเทาแบบนั้นในเรื่องนี้""
           ตอนนั่นและตอนนี้เพร่ะป้ากูดี้แกก็แนโลกหเหมือนกันตอนก่ินแต่วงาน
           แกรู้อย่สวเดียวว่ผีวคือผู้เปิดพรหมจรรย์เธอเป็นแรกแบดห้ามมีชู้กีบใครเด็ดเจาดทุกกรณีมิฉเนั้นชีวิตสมราจะพีวทะลาและยอมเป=นข้าวเท้าหลังกับสาทีเสมอนี่คือตำราทฤษฎีที่เธอท่อวจำไว้ตงอดหบัวแต่งงารและรับสินสอดทอวหมง
           จากประโยคอุบาทว์ที่อิดีคิดว่า ตนเอง ไม่น่าจะได้ยิน และกล่าวกับตนเองว่า "จะมีอะไรสนุกๆกับป้ากูดี้สักหน่อย "ดันเป็นงั่นไป""ประโยคที่อิดีคิดว่าเป็นประโยคอุบาทว์สำหรับอิดี"นั่นก็คือ""
          "เธอจะทำอะไรฉัน ๆไม่เห็นด้วย
ทันใดนนั้นสิ่งนี้ก็ตามมาคือ
          ด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างแรงองป้ากูดี้แล้วจึงซ็นเข็คมอบเงิน "ค่าแรงและไล่อิดีออกจากบ้านไปพร้มกับกล่าวว่า
         "นับจากนี้ไป"ยายเมทิลนางคนใช้ ที่นำเธอมาทำงานชิ้นนี้,"เขาด้วย"
        "ไม่ต้องกลับมาทำงานกับแกพร้อมนี่นะ่เงินค่าจ้าง"
          เอารับไปขอบใจมาก เดี่ยวฉันจะจัดการเองได้ในส่วนที่การซ่อมหลังคารั่วในห้องนอนของฉันนี่
          "ที่เหลือนั่นน่ะ""
           ฉันจะช่วยตนเองน่ะ
            หลังจากที่ป้ากูดี้ได้เขียนเช็คเงินเดือนล่วงหน้าให้อีก3เดือน"กับยายเอธิล
         มีความลลับลมคมในนิดนึตรงนี้
         ยาย"เอธิล"คนใช้เก่าของป้ากูดี้  ยายเอทิลแกฉลาดคือแกวางแผนให้"อิดี"มายั่วป้ากูดี้ โดยยายเอทิลหาเด็กและได้สั่งให้"อิดี" หนุ่มหล่อร่างเตี้ยมารับงานซ่อมหลังคารั่วนิดนึง  ที่ห้องนอนของป้ากูดี้ ตามที่ป้ากูดี้วานสั่งมาแบบมีให้สินจ้า
งและค่านายหน้าอย่างงามมาคือ
          "ให้หาเด็กมาทำหลังคาทีารั่วให้ปกติ มันรั่วนิดเดียว  "แกจงหามาให้"เพื่อแทนช่างก่อสร้างเฉพาะที่"
        เมื่อยายเอทิลนำเด็กมาให้ป้ากู้ดี้ ก็ทำเฉ
ย แสดงว่าป้สกูดี้พอใจ ฉะนั้นยายเอทิลผู้รับปากจัดหา  ยายเอทิลจึงปล่อยให้อิดีและป้ากูดี้อยู่กันสองต่อสอง ทำหลังคารั่วให้เสร็จก่อนพายุจะเข้าคืนนี้
และเพราะป้ากูดี้ผัวตาย
ตั้งแต่แกยังสาว  แต่"อิดีพอมาเห็นเนือนร่สงของป้ากกูดี้เท่านั้น อิดีดันทนไม่ได้ในเรือนร่างอันสวยสดของป้ากูดี้ อิดีจึงวางแผนหาจังหวะลวนลาม  แต่พอทำแล้วป้ากูดี้แกไม่เห็นด้วย  แผนการของยายเอทิลให้ป้ากูดี้เอาอิดีมาทำผัวจึงแตก ซึ่งอิดีไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน   รู้แต่ว่าให้มาทำซ่อมหลังคมืเป็นรู ด่วนกันน้ำฝรจากพายุฝนที่จะมาคืนนั้น
         อย่างไรก็ตามทั่งป้ากูดี้และอิดีไม่รู้แผนของยายเอทิลเลย  
       จนบัดนี้ และป้ากูดี้ยังไม่รู้ว่าเป็นแผนชั่วจากยายเอทิลคนใช้ของแกมีการวางแผนนำอิดีช่าง
จำเป็นนั้นมา เมื่อไม่สบอารมณ์ในการจ้างงาน และท้ายสุดทั้งยายเอทิล(คนใช้เก่า แม่ชักสื่อหาคนงานมาทำงานเบ็ดเตล็ด)และอิดี(ช่างจำเป็น)จึงถูกไล่ออกจากงานและบ้านพักทั้งสองคนพร้อมกันในวันนั้นพร้อมเช็คเงินค่าจ้างที่พึงได้ของอิดีและเงินเดือนของยายเอทิลจ่ายล่วงหน้าชดใช้ให้สามเดือนละเลิกกันเท่านั่นนับแต่วันนั้นเแนต้นมา
        เรื่องยาย"เอทิล"และแผนการชั่วของยายเอทิลจึงจบลงเท่านั้นในข้อหาคือความ "ทะลึ่งและยายเอทิลนำคนมาทำ"ทะลึ่ง"กับแก"เป็ยสาเหตุให้ยายเอทิลคนใช้ถูกไล่ออกจากงานและอิดีคนรับจ้างจำเป็นถูกไล่ออกจากบ้านก่อนงานแก้รูหลังคารั่วนิดเดียวนั้นเสร็จลง
"จริงๆนะเรื่องของเธอเนี่ยน่ะ" ป้ากูดี้บ่นพึมพำ
            "ส่วนหลังคาที่จะซ่อมในห้องนอนของฉันก็ไม่เสร็จ "นี่ถ้าฝนดันตก  เพราะมันมีพายุ"เอลนีโญ"(e l n e n o =ภาษาสเปน)เข้ามาแบบฉุกเฉิน "ฉันคงแย่""ฉันต้องขับรถออกไปนอกบ้านนอนโรงรอนเเรมที่"เบดแอนด์แบรกฟาส์"(b e d & breakfast )ที่ในหมู่บ้านชนบททสงทิศใต้จากที่
         นี่ใกลๆกันห่างออกไปเป็นระยะทาง 20 กิโลเมตรห่างจากหมู่บ้าน"ดาร์ก-มอร์"(dark - moor)ของฉัน" ถ้าพายุมาจริง" ฉันต้องขับรถไปแน่นอนป้ากูดี้คิดวิตกต่างๆนานา ตอนนั้นหลังจากที่"อีดี"รับเช็ค(cheque )และเดินออกจากบ้านแกไปแล้ว
            ถ้าฝนตกในคืนนี้ที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก 
สำหรับ ป้ากูดี้ที่ต้องดี้นรนช่วยตัวเอง  อย่างสุดเหวี่ยงแน่นอน กับงานที่ซ่อมหลังคากันน้ำฝนรั่วรดห้องนอนแสนรักของตนเอง 
        พอดีตอนนั้นจังหวะฝนด่วน นอกฤดูกาลจะมาพอดีอีกด้วย " ที่ช่างระยำทำแล้วต้องค้างคา เอาไว้นี่  "เธอต้องลำบากมาก จะฝืนนอนในรถยนต์ทีจอดพักทีทการาจ(garage) ก็มันเว่อร์แน่ !จะนอนนอกห้นอนอื่น  ก็กลัวจะผิดคำสาบาที่ให้กับสามีเธอไป ที่ว่าไม่ได้นอนในห่องนอนที่เคยนอยอบู่ด้วยกันในช่วงไว้ทุกข์นี้ 
        คือต้องนอนในห้องนอนที่เคยนอนด่วยกันก่อนตายนอนที่ไหน  หลังตายแล้วก็นอนที่นั่น   ถ้าฝนเสือกมาเปียกจริง เพรทะเจ้าพยากรณ์อากาศบางครรั้งก็เชื่อไม้ได้  เพราะอากาศศ มันก็ผีชนิดหนึ่งที่ตนเองเชื่อ
       ก็หรือไม่!ใช้ที่นอนมุมอื่นแทนในบ้านนี้แทนหรือในรถยนต์  "ก็เป็นความคิดที่ดี"  ป้ากูดี้แกกลับคิดว่า  แต่ถ้า"ผี" อันเป็น"สปิริต"(spirit )ที่ทั้งสองเชื่อว่า"มีอยู่จริง" ผีแฟนลอยวนมาาเห็นเข้า "เชื่อว่าผีพันตรีมิค็อกคงจะต้องร้องให้แน่นอน""
             อย่างไรก็ตาม ป้ากูดี้และจิตใจของแกตอนนี้ได้เก็บโกรธอิดีไว้อย่างชนิดเข้ากระดูกดำทีเดียว


         

ลอร์ดลิเทลตอนที่14"พันตรีมิค็อกผู้อาภัพ""

  
        ตอนที่14
"พันตรีมิค็อกผู้อาภัพ""(9264))
         และเพื่ออยากรู้ว่ามันมีอะไรอีกมากมายนักต่อนัก  ที่เขาผู้อำนวยการสร้าง  นำมาเสนอขายเรียกคนดูเพื่อให้ดูกันสนุกอุราเท่านั้น 
         แต่ถ้ามีฉากขุดผีดิบมาชำแหละศพแล่เนื้อขายส่งหรือทำพิธีลงคาถาอาคมผี หรือมนต์ดำชนิดเอาน้ำมันไปทำเสน่ห์ยาแฝด ในทำนอง
นี้ ด้วยวิธีเวทย์มนต์หรือแบบแม่มดหมอผี ตนเองนั้นขอสารภาพว่า ไม่อยากดูหนังประเภทนี้ เพราะมันแปลกเกินและไม่ค่อยจะสมจริงและมันจะ"เอกเซเจอเรต"(exaggerated )เกินที่ตนเองจะรับได้
         เรื่องผีลอร์ดมิคานนะกลัว !  เพราะถ้าลอร์ดมิคาน ทำเป็นคนไม่กลัวผี  มันดูเป็นการทำตนคือทำตนเองให้เห็นเป็นคน"แข็งในบุคลิก"เกินไป  ลอร์ดจึงจึงบอกว่า"กลัวผีดีกว่า" แล้วสบายใจดี  เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่เป็นคือใครๆก็กลัวยิ่งคนประสาทอ่อนยิ่งกลัว
          แต่กระนั้น" ฟรอม-ไทม์-ทู-ไทม์"คือตลอดเวลา(from time to time)  เช่น  การฉีดยาแบบกระทำ"โอตอปซี่"(auto psy=ทำแบบการฉีดยาให้ศพอย่าให้มีกลิ่นเหม็นเหมือนการทำมัมมี่ของอียิปต์ ( mummy Egypt)ให้เพื่อนรักของตนเอง หรือกับศพอนาถาที่ถูกร้องขอมา
         ลอร์ดมิคานเคยทำด้วนมือ ฉีดยาฟอร์มาลีน(formalin=ยาขนานที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อศพ) คือมีตอนเพื่อนตกยาก"คนหนึ่งชื่อว่า"เอวอน"( Avon) "ตายลงอย่างอนาถ
        ในวันหนึ่ง คือ"เอวอน" ตกหน้าผาตายเพราะไปเล่น"กีฬาปีนผา"ที่ผา"คลิมองต์" คลิฟฟ์=(cli m o n t cliff ) เชิงสะพาน"สุสังชัน"=s u s u n g -s i o n) ของลอร์ดแบจา(lord Baja)     ท่านลอร์ดผู้นี้เป็นผู้คิดทำสะพานข้ามแม่น้ำคลิมองต์นี้และท่านเป็นวิศวกรและออกแบบสร้างและท่านบริจาคทรัพย์ให้ทำให้เพื่อสาธารณะเปล่าๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากมรดกที่ไม่มีสิ่งสีเทาเคลือบแฝง "ท่านทำได้สำเร็จ" ชาวประชาได้ใข้  ระเบิดสงครามหลายครั้งผ่านมา สะพานนี้รอดไปได้มันนานมากแล้ว สะพานนี้เลยกลายเป็นสะพานศักดิ์สิทธิ์สืบต่อมา
         
          และด้วยเหตุที่ลอร์ดมิคานเป็นคนกล้าทำหน้าที่(ช่วยผู้มีทุกข์)นี้  เพราะตอนลอร์ดมิคานเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยตอนปีสาม"จูเนียร์เนียร์"(junior year )ตนเองเคยเรียนวิชาศพวิทยามา3หน่วยกิต (unit)ด้วยนั้นเองและสอบผ่าน
          ลอร์ดมิคานจึงกล้าทำและฉีดยาศพให้เพื่อนผู้วายชมน์ แต่มิทำอาชีพ หรือเป็นสับปะเหร่อ หรือหมอดอย หรืออะไรเทือกนั้น
        แต่ธาตุแท้นแล้วตัวลอร์ดมิคานเองนั้น  เรื่อง
ผี ๆ เรื่องการสู้รบอย่างของชาติชายทหาร  เรื่องการตายในสนามรบ  สมรภูมิรบเพื่อมาตุภูมิ เรื่อง
"มโนธรรม"นั่น  ลอร์ดมิคานไม่เคยกลัวและต้องไม่กลัว เพราะเมื่อสถานการณ์จรืงมาถึง ที่อาจจะมาประสบพบเจอกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ที่อาจจะมี
      และลอร์ดมิคานต้องยอมรับความจริง ในฐานะเป็นชายชาตรีให้จงได้  กรณีเช่นนี้เพื่อปกป้องมาตุภูมิ ไม่ว่าจะเป็นขุนางหรือเป็นทาสเป็นกรรมกรชาวไร่ชาวนาอะไรก็ ต้องทำหน้าที่นี้เมื่อชาติต้องการ
       เพราะตามหลักยึดติดในเกณฑ์นี้ เพราะมันเป็นไพล์(p l i g h t= การยอมตายเพื่อมาตุภูมิและเพื่อนร่วมชาติในสมรภูมิ) มิใข่คลั่งชาติหรือบ้าอุดมการณ์อะไร 
       ที่บางจุดเป็นสิ่งดีงามสากล คนทุกคนต้องมีครอบครอง  เพื่อชาติและอุดมการณ์เพื่อขาติและประชาชนตามปกติที่ต้องมีกันอยู่แล้ว  แต่ลอร์ดมิคานมิได้ภาวนาให้เกิดสงคราม เพราะคันมืออยากจับอาวุธเข้าประหัตประหารกัน แบบเด็กซนใช้หนังสติ๊กยิงนกสวย"ก็หาไม่"
       มิติที่เคยกล่าวมา  ในตอนต้นๆ ในประเด็นเรื่องราวนี้ลอร์ดมิคานคิดว่า  "มันอาจจะเป็นจินตนิยายทางลัมธิการเมืองเพื่มาตอบรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่มีคติว่า"เมื่เกิดมาใหม่ก็ต้องมีสิ่งใหม่ลัทธิใหม่ๆขึ้นมารองรับความใหม่" แม้จดไม่ถูกเสมอไป แต่มันก็เกิดมีขึ้น ด้วยการพิสูจน์ว่า 
     ตือการค้นหาตนเองว่า   ตนเองด้วยเพื่แตอบคำตอบโจทย์แห่งการชำระปัญหาอย่างสันติวิธี.  
      แต่ก็พบว่าปัญหา "เรื่องปากท้องและความไม่อมตะของชีวิตของคนส่วนมากยังคงมีต่อไป ฉะนั่นอะไรต่อมิอะไรเกิดมามากมายอย่างท้าทายประวัติศาสตร์ของอดีต ก็จะมาท้าทายกัลปัญหา"ปากท้องและความอดอยาก"ของเพื่อนมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ตามภาพที่สังคมปรากฏ
          มันก็คงเหมือนเหมือนเรื่องของ(ป้ากูดี้= a u  n t y  go d y) คือป้ากูดี้ ชื่อหน้าคือ"อ้านตี้ส่วนกูดี้เป็นชื่อนามสกุล จากนิยายชิ้นส่วนที่ขาดเหลือที่ตกหล่นที่เทือกเขาโอเฟ  ที่ลอร์ดมิคานพบและสนใจหยิบมาอ่านและติดใจ กล่าวคือ:-
      ป้าคนนี้  "ลอร์ดมิคานพูดขึ้น"
     " ก่อนที่บ้านแกก่อนแกตายลง แกเคยมี หมาแมว ไก่ กระรอก กระแต และหนูและแกะ แพะและวัว ค้างคาวนกฮูก เป็นเพื่อนชีวิต ก่อนตาบแกตั้วใจมิได้เลี้ยงไว้ขายฆ่ากิน หรือส่งตลากสด หรือเสนอขายเป็นอุตสาหกรรม  คือแกได้ปล่อยและอนุรัษ์มามันทั้งหมด คล้ายแม่พระผู้มีเมตตาเพื่ออยู่อาศัยเป็นเพื่อนสหชาติของแก ก่อนตาย
      ใครมาถามแกว่า"เลี้ยงไว้ทำไม"มากมายหลายอย่าง อยู่ตัวคนคนเดียว มีเพียงหมากับแมวก็พอ เพื่อให้ช่วยเฝ้าบ้านก้อพอ หมาเฝ้าคนแปลกหน้า และงูและสัตวว์ร้าย แมวเฝ้าหนู
       แกตอบเพื่อนบ้านที่ชื่อว่ามิเกลที่ถามแกอย่างนั้นว่า:
     " มันคือเพื่อนตายและเป็นสหขาติของฉัน ใครจะทำไม "  มันเป็นเรื่องอะไรของแก
ที่แกมาถาม  มันเดือดร้อนมึงหนรืองัย มิเกล"
        ทันทีที่ประโยคนี้จบลง
   "  ป้ากูดี้"   แกก้อเล่าต่อไปว่า
        " เมื่อตอนฉันเป็นสาวๆ สมัยเรียนหนังสือ ฉันได้พบคนรัก  และก็รักกันมาก แต่ตอนนี้เขาตายไปเขาชื่อ"พันตรีมิค็อก " แกคงจะรู้จักน่ะ!
"ฉันเคยคิดว่า""
"เราตั้งใจว่าจะอยู่กินกันจน"มีมือถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรน่ะ"
        แต่ต่อๆมา" มันหาเป็นเข่นนั้นไม่"" แกหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อไปด้วยน้ำตานิดๆแสดงให้มิเกลเห็น แกมิ ได้บีบน้ำตาด้วยหวังเรียกความเห็นใจจากมิเกลหรือเอาหัวหอมมาเช็ดตาแต่อย่างไร แต่น้ำตามนไหลออกมานิดๆด้วยความเสียใจของป้ากูดี้เอง
" พระเจ้าช่วยฉันด้วย" ท้ายสุดแกอุทานออกมา
         มิเกล (m i g e l) แกรู้ดีมิใช่หรือ?
แล้วมันเรื่องอะไรของแกแกล้งมาเสือกถามฉันะอีก
        "เรื่องราวของชีวิตคนอื่น "ซึ่งไร้สาระของตนเองสิ้นดี" ไม่น่าจะถาม แกก็กล่าวต่อไปอย่างขึงขังว่า
           มันเป็นหน้าที่ของนักสังคมสงเคราะห์เท่านั้นที่จะมีสิทธิที่จะทำ และถามแบบนี้กับฉัน
"หรือว่าแกไปเป็นนักสังคมสงเคราะห์(social service worker) แล้ว""
"เปล่า"ๆ
"ไม่"ๆฉันมิได้เป็นนักสังคมสงเคราะห์""
"มิเกลตอบทันที"
           คนเพื่อนบ้านติดกันกับป้ามิเกลที่มีผัวเป็นคนกวาดขยะเทศบาล คนนี้ที่ชื่อมิเกลรีบตอบอย่างนั้น  เพราะความโง่และความไร้เดียงสา(naive )ขงตน ที่ไม่มีประโยคอะไร
ที่จะเริ่มต้นพูดทักทายกับป้ากูดี้ในวันรนั้น!
         ทันทีที่มิเกลรีบตอบกลับคุณนายป้ากูดี้ทันทีนั้นมันเป็นการสนทนากัน อย่างละล่ำละลัก  อย่างกะนายกับไพร่คุยกัน แสดงอาการออกมา"จนป้ากูดี้เห็นใจ
      คำตอบของมิเกลคือเงียบงำไปเลยละหนาตอนนี้ หลังจากป้ากู้ดีเฉลยเสียยาวเหยียดจนมิเกลยืนฟังแทบเมื่อย " เพียงประโยคเดียวที่มิเกลถามไปเท่านั้น"
        การตอบหลังจากถูกถามกลับจากเพื่อนบ้านที่ชื่อป้ากูดี้"ทำไมแกก็รู้ดี"อย่างนี้
        และพบว่าป้ากูดี้มีท่าทาง"แกก็จะดูโกรธกับมิเกลนับตั้งแต่นั้นมา และ ไม่พูดกันอีกเลย  และมิเกล   ไม่พูดกับป้ากูดี้แต่นั้นมา ทำให้มิตรภาพของเพื่อนบ้านที่ติดกันต้องท"สะบั้น" และมาตัดขาดสะบั้นจริงๆต่อมา  จบ ลงเพียง"ประโยคเดียว"ที่มิเกลนี้แท้ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนนั้น
        ป้ากู้ดีแกมีเมนส์(menstruate) กำลังมาพอดีเพราะ"ประจำเดือน-เมมนส์"ตัวนี้กำลังมามันจะทำให้หญิงอารมณ์เสีย  และเสียงง่ายกว่าอารมณ์เสียที่เกิดจากแดดร้อนจากภัยธรรมชาติของโลกชื่อว่า"แอลนีโญ"(e ln e y o=เปล่งเสียงมาจากภาษาสเปน)เสียอีก
    "   ป้ากูดี้และมิเกล" ในฉากทัศน์อันไม่พึงประสงค์นี้   ทั้งสอง เเม้เป็นเพื่อนบ้านกันมาตลอเชีวิตที่แสนดีเมื่อตอนไม่สนทนากัน  แต่พอสนทนากันกลับเป็นว่า"เลยไม่ถูกกันไปเลย"
         บ้านมันอยู่ติดกันแล้วเสียด้วย "น่าอนาถใจจริง"ลอร์ดมิคานรำพึงถึงฉากทัศน์ในสังคมชนขั้นลักษณะนี้  และยืนกรานถือว่าคือถือเสมิอนหนึ่งว่า"ปกติ" มันเกิดขึ้นตลอดเวลา  แม้กับตนเอง ที่ตนเองไม่อยากจะพูดถึงมัน  แต่ต่างกันที่เมื่อเกิดอะไรขึ้น ตนเองไม่อุทธธรณ์มัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด และต่อมาต่างฝ่ายก็เงียบไปเองเสมือนหนึ่งว่า  ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
      ถ้าเขาดมากเกิน ก็มีกฎหมายรองรับทีทแน่นอนต้องเสียเป็นเงิน และติดคุกเป็นตารางกำหนดโทษ   เมื่อหยุดคิดต่อทุกอย่าวก็สงบไปเองมันเป็นปรัขญาของลอร์ดมิคานยืนยันอีกครั้งในที่สุด


     ลองจิตนนาการดูว่า "อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคนบ้านติดกันแลัวไม่ถูกกันอย่างแรงจากปมเพียงนิดเดียว
"จะมีคือย้ายบ้านไปเสีย" ข้อยุติทั่วไป
        แต่เรื่องนี้มันไม่เป็นเช่นนั้น 
รายนี้ต่างฝ่ายต่างอยู่กันต่อไป และ ยังคงอยู่กันต่อไปเพราะต่างฝ่ายต่างมีปรัชญาชีวิต เหมือนต่างฝ่ายต่างก็ถูกเสี้ยมสอนมาจากชีวิตโรงเรียนอย่างงั้น! คือ  มันตรงกันว่า:=
       คือคนเรา"ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน  "    มันก็คงมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง  เกิดแทรกขึ้นมาแทนที่อยู่ดี 
"มันหลีกเลี่ยงยาก มันเป็นเรื่องเหมือน"ลิ้นกับฟัน
        " ที่ต้องเคี้ยวบดข้าวบาร์เลย์ทุกวันทางปากกินนั่นเอง
         "ใช่"      แต่ทั้งสองคนนี้ก็ไม่พูดกันอีกเลยตลอดชีวิต เพื่อนบ้านอื่นทุกคนยังไม่รู้เรื่องนี้เลย
          จะรู้กันก็เพียงสองคนเท่านั้น  เหตุการณ์วันนั้นที่เกิดและต่างฝ่ายต่างปิดเงียบสนิท
         "มิเกล"จะบอกผัวตน หรือป้ากูดี้จะบอกกับน้องแมวสัตว์สหชาติของตนเองก็ไม่เช่นกัน  กะว่าชาติหน้าเกิดมาพบกันอีกคงจะอโหสิกั
              มาที่นาย"พันตรีมิคอก"=sun -leuterne n t -colonel)อดีตสามีคนรักของป้ากูดี้จบโรงเรียนนายร้อยและเตรียมทหารมาใหม่ๆ และถูกส่งเข้าหน่วยสอดแนมเชิงจารกรรม  ทันทีที่พันตรีมิค็อกออกปฏิบัติงานแต่ถูกฝ่ายศัตรูจับได้  คือฝ่ายศัตรูจับได้ว่า เป็น"สายลับ"และถูกศาลทหารฉุกเฉินของฝ่ายตรงกันข้ามลงโทษให้"ทำหมันนายพีนตรีมิค็อก"คือ"ถูกตอน"ตลอดชีวิต
        ถูกตอนในที่นี้   คือตัดส่วนส่งต่อท่อสเปิร์มชายออกที่ทำให้คนมีลูกได้เป็น บางส่วน แต่ไม่ไตัตัดอวัยวสืบพีนธุ์ของท่านพันตรี มิค็อก ออกเสียเท่านั้น เพราะความลับยังไม่ถูกนำไปใช้เบ็ดเสร็จ มันเป็นข้อหาคือเป็นการเพียง"ละเมิดเข้าเขตหวงห้ามสำคัญของฝ่ายศัตรูทางทหาร เท่านั้น"เป็นข้อหา
        หลักโดนฝ่ายปรปักษ์ฉีดยาทำหมันแล้วก็ถูกปล่อยตัวออกมา  เวลาต่อมาพันตรี"มิค็อก"ก็เป็นหมันตลอดชีวิตจริงสมใจนึกของฝ่ายตรงกันข้าม  คือพันตรีมิค็อกก็ไม่มีลูกกับป้ากูดี้  หรือกับหญิงใดอีก  แต่เรื่องนี้  นายพันตรีมิค็อกกีมิได้บอกให้ป้ากู้ดีรู้  หลังโดนกระทำดังกล่าว บำเหน็จพิเศษของท่านพันนงตรีมิค็อก คือถูกยกจากยศว่าที่ร้อยตรีเป็นยศพันตรีทันที หลังถูกปล่อยตัวออกมาจากฝ่ายศัตรู  และพบรักกับป้ากูดี้ต่อมาที่โรงละครแห่งหนึ่ง(ชื่อโรงละครนี้ขาดหายไปในเศษหนังสือที่ลอร์ดมิคานพบนั้น)
         ป้ากูดี้เคยสงสัยเหมือนกันว่า"ทำไม่มีลูก ทั้งๆที่ป้าดู้ดี้และพันตรีมิค็อก(sub . Lt. Col. Micoc k) นอนด้วยกันกับป้ากู้ดีย่างฉันท์สามีภรรยา  ร่วมเพศกันอย่างสนุก "ลงตัว " และ"มันส์"เกือบทุกคืนหลังแต่งงานกันมา" หลายปีแล้ว
        แต่ป้ากูดี้คิดว่า"ก็ไม่คิดอะไรคือปลงใจคิดเสียว่า "ในเมื่อมันไม่มี ก็ึคือไม่มี"จบ""  ทั้งสองอยู่ร่วมกันมาราบรื่นแสนดีด้วยชีวิตแสนจะดีมากสุดจะราบรื่น จนกระทั่งนานพันตรีมิค็อก ท่านผู้นี้ได้ตายลงในวัยที่ป้ากูดี้ตอนนั่นยังสาวอยู่ด้วย"อายุอันสั้น""ของสามีที่รัก"พันตรีมิค็อก""
              ส่วนนี้ลอร์ดมิคานไม่ติดตามสนใจอะไรต่อไป  เพราะลอร์ดเองมีภารกิจมัดตัวท่วมท้น คือนอกจากต้องออกไปแสวงหา"หยาดน้ำค้างสีฟ้าครามดื่มกิน เพื่อประทังชีวิตที่แแสนดี ที่เทือกเขาโอเฟ(o f e- plateau )
            แต่เรื่องราวของป้ากูดี้นั้นมันเป็นนิยาย  สำหรับลอร์ดมิานเชื่อว่านิยายมันก็ชีวิตจริงของใครบางคนนั่นเอง เศษกระดาษค่อนเล่มขาดๆ  เป็นเพียงส่วนที่เรียกว่าในเศษนิพนธ์ของหนังสือนิยาย ไม่บอกชื่อว่าเรื่องอะไรพิมพ์ที่ไหน มันคงอยู่ในส่วนที่ขาดไป
          ที่ลอร์ดมิคานพบตอนเดินทางไปแสวงหาน้ำค้าง  ที่เทือกเขานั่น   แล้วก็ก้มลงหยิบเอามาอ่านอย่างสงสัย  เพราะแปลกจากปกติคือที่เทือก"เขาโอเฟไม่มีขยะเด็ดขาด""
       และหลังจากอ่านแล้วก็ติดใจ อ่านมันจนหมดกระแสความในส่วนที่ขาดเหลือมานี้ทั้งหมด  ส่วนที่เป็นบทบาทของตัวนิยาย มันมีบริบทที่สะดุดมาก  มันถูกแต่งขึ้นมาได้หลือเชื่อจริงๆ  คือว่ามันทำให้ตนเอง"ทึ่ง"  จนทำให้ลอร์ดมิคานพาไปคิดในวลาต่อมาว่า
       "นี่หรือขีวิตและชะตากรรมของมนุษย์เรา"ยังมีอีกต่ออีกแต่เอาไว้หลังจากสนใจเพียงบางตอย พออ่านเสร็จก็คิดอึ้งอยู่สักครู่
         เพราะที่เทือกเขาเช้านี้ มีหยาดน้ำค้างบนยอดหญ้าตกลวมามาก  สำหรับที่นี่มีป้ายติดไว้ดูจะเก่ามากแล้ว  ป้ายเขียนไว้มีมจความว่าดังนี้"ใครทิ้งขยะไว้ จะถูกลงโทษอย่างหนัก เท่ากับการประหารชีวิตแบบหมาที่เป็นโรคบ้าเลยทีเดียว 
      เพราะฉะนั้นสิ่งนี้  จึงเป็นเศษนิพนธ์ที่ถูกทำหล่นโดยไม่มีเจตนาว่าจะทิ้ง  แต่มันหล่นตกเอาไว้โดยบังเอิญ  
      จากคนบางคนที่มีรสนิยมมาเที่ยวที่เทือกเขานี้ เหมือนกับตนเองนั้นเองแต่ไม่ได้มาหาหยาดน้ำค้างกินประจำวันเท่านั้นองเหมือนตน
        หยาดน้ำค้างที่เทือกเขาโอเฟที่ลอร์ดมิคากินพบว่า"กินเข้าไปแล้วอิ่มเหมือนน้ำทิพย์และอดอาหารได้เป็นเวลาหลายมื้อของวันทีเดียว
        แต่ลอร์ดปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่บอกให้ใครรู้เพราะเป็น"การทำคุณบูชาโทษ มีอันตราย" อันที่จริงปกติน้ำดื่มนั้น"มนุษย์ทุกคนขาดไปหาได้ไม่เกิน3วันถึง7วันก็ตายได้  มันจึงถูกเชื่อโดยลอร์ดมิคานว่าได้มาดื่มหยาดน้ำค้าง ที่นี่  มันรอดตายไปได้วันๆหนึ่งโดยไม่ต้องทำอะไรมันลงตัวกับชีวิตของลอร์ดมิคานยิ่งนัก
       อนึ่ง     เพราะลอร์ดไม่ชอบปรุงอาหารมากรสมากสำรับโดยตนเอง และตนเองมีตัวคนเดียวสันโดษอิสระมั่นคงและปลอดภัยและมีศักดินานิรนามอีกต่างหาก  ตนเองจึงใช้หยาดน้ำค้งวนี่ละ เพื่อดำรงขีวิตลดงบประมาณค่าอาหารไปมากมายต่อวันๆ 
         แม้บางครั้งลอร์ดก็จัดมื้อเต็มบ้าง  อย่างไรก็ตาม  หลังดื่มมันลอร์ดพบว่าชีวิตดีขึ้น พบว่าอิ่มเอืบและมีความสุขใจ  น้ำนี้มันมีรสเหมือนหยาดน้ำตกมากจากสรวงสวรค์  ที่มีเทพเจ้าพระองค์หนึ่งทรงประทานมากับมนุษย์ "ที่คิดได้คิดเป็นและกล้าดื่มกินมัน"


 El n e no