ลิเทลตอน2
ลิเทลตอน2
วันนั้นเป็นฤดูหนาว คิมานเดินด้วยเท้าบูทหนังสัตว์แต่งตัวดี รูปสมาร์ทใครเห็นจะอดมองไม่ได้ ไปบนเส้นทางไปสวรรค์ บนเส้นทางสายนี้มีรถมากมาย ในจำนนนั้นมีรถของลอร์ลิเทลด้วยกำลังวิ่งไปงานรังสรรค์ราตรีวิทวัสที่ปราสาทเบตา
สำหรับคิมานกำลังเดินทางไกลบังเอิญบนเส้นทางเดียวกัน โดยมิได้นัดหมาย จุดประสงค์ของคิมานกำลังเดินทางเพื่อไปหาคลำหยาดน้ำค้างบนยอดหญ้าที่ทุ่งโอเฟ ๆ ติดกับเส้นทางสวรรค์สายนี้พอดี
คิมานชอบกินน้ำค้างจากหยอดหญ้าเพราะเทพวิเกสอนมาตอนที่คิมานไปพักผ่อนกับ
ท่านเพื่อเรียนศาสตร์วิเศษหายตัวได้และอยู่ยงคงกระพันในสมัยวัยเยาว์
"ท่านวิเก"เป็นสามัญชนและเป็นลูกทาสในครอบครัวที่ดูแลคอกควายเผือกแห่งฟาร์มใหญ่ที่ชื่อว่า"มอนเน"
มีท่านเทพ"มอนเน"เป็นเจ้าของ
หลายคนรู้จักพฤติกรรมประหลาดๆของคิมานและลอร์ดลิเทลดี
และก็ตำกนิว่าขุนนางเดิดมาดีแค่ทำไมชอบทำชีวิตติดดินที่จริงควรอยู่บนท้องฟ้าและอยู่แต่ในประสาท
บนโลกแห่งแผ่นดินใต้สวรรค์ที่ท่านจุติเดิดมาเป็นเจ้าในร่างมนุษย์
หลายคนไม่รู้ความเป็นมาแต่มีปราชญ์แสนรู้เรียนสูงบางคนเท่านั้นบางคนเท่านั้นที่รู้ความจริงนี้ โดยเฉพาะคนที่เคยเรียนวิชาเทววิทยา
คำอธิบายมีอยู่ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แห่ง"ศาสนามิลานา"อันศักดิ์สิทธิ์และสุดขมังเวทย์ในอวกาศและโลกมนุษย์น้อยคนนักมีความสามารถที่จะนับถือศาสนานี้
กล่าวคือทั้งลอร์ดลิเทลและลอร์ดคิมานนั่นถูกอาญาสิทธิ์ให้แปลงร่าง
มาในรูปมนุษย์เพื่อตรวจตรา ความลำบากของทาสและขุนนาง
ในการดำรงชีวิตและการสูญเสียแรงงานเพื่อทำกินและมีชีวิตรอด
และลอร์ดลิเทลเองนั้นในพระคัมภีร์ของศาสนามิลานาบอกว่าในชาติก่อนเคยเกิดเป็นกบทองคำอยู่รวมกันในบึงมิเชอันเงียบเหงา
และต่อมาหลังจาก กบทองคำเพืาอนกันทั้งสองถูกพรานล่าเนื้อจับไปทอดกินแกล้มในฤูกาลฤดูที่ฝนตกหนัก เพราะเสียงร้องอันเพราะพริ้งสะเทือนฟ้ายามฝนมาตอนนั้นกำลังผสมพันธุ์โดยลอร์ดคิมานเป็นกบตัวผู้ส่วนลอร์ดลิเทลเป็นกบทองคำสาวตัวเมีย
เมื่อกบทองคำทั้งสองถูกพรานล่าเนื้อพาไปย่างและทอดกินแกล้มเหล้าฤทธิ์แรงเสร็จ ขณะตายกบทั่งสองได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ขณะเกิดได้รับโองการจากเทพอสูรผู้คุมขะตากรรทสัตว์โลกบนพื้นปฐพีให้เป็นไปได้
เพื่อลิขิตให้กบทองคำทั้งสอง ไปเกิดเป็นมนุษย์ และไปสืบห่ความสุขทุกช์ของมนุษย์ทุกคน ว่าใครมีความลำบากอะไรและจะให้เทพอสูรช่วยแก้ไขอย่างไร เพื่อให้มนุษยชาติทุกๆคนได้มีความสุขสุนทรีย์ทุกถ้วนหน้ากัน
เหตุที่อสูรมองไม่เห็นด้วยตาตนเองเพราะแกก้ววิเศษของเทพอสูรถูกยิปซีคนหนึ่งบนสวรรค์และจอมซนขโมยไป ด้วยเหตุนี้ เทพอสูรจึงมองอะไรด้วยตาญาณหยั่งรู้เห็นอะไรได้
ตามใจนึก
จึงใช้อำนาจที่ตนมีดลบันดาล
ให้ตนเองสามารถลิขิตชีวิตชะตากรรมของมนุษย์และสัตว์ทุกชนิดทั้งมวลได้ตามใจชอบ
เทพอสูรจึงลิขิตให้ลิเทลและคิมานมาเป็นมนุษย์ แต่เป็นขุนนางและเลิกใช้ความเป็นขุนนางที่ตนเป็นแต่ให้ไปคลุกคลีสังคมกับพวกทาสและประชาชนธรรมดาเพื่อแสวงหาสัจจะและความจริงแท้ในสรรพสิ่ง
ลอร์ดลิเทลจึงกลายเป็นคนอย่างทาสแต่มีใจเป็นมโนธรรมสูงสุด
ลอร์ดคิมานก็เช่นกัน
สนุปง่าบๆคือ ลิเทลและคิมานเกิดเป็นขุนนางแต่ประสบภับปัญหาชีวิตวิบัติจนตกไปอยู่ในกำมือของ
จารชนและพวกทาสที่ขาดมโนธรรม
ในขั้นตอนต่อๆมา
จากปรัชญามนุษน์มีมโนธรรมแห่งความดีเป็นสมบัติฉะนั่นคำว่ารวยจนยากไร้เข็ญใจและพรมแดนที่อยู่ไม่มี
อะไรมาขวางกั้นมโนธรรมแห่งควสมดีนี้ได้ แต่บางคนที่เป็นมนุษย์เลวไม่เชื่อว่า"มโนธรรมแห่งความดีไม่มีอยู่จริง "เป็นผลให้เกิดความริษยาหึงหวงเกิดสงครามจลาจลเกิดมีผู้แพ้ผู้ชนะ เกิดการต่อสู้กันระหว่างความดีกับความชั่วเป็นฐาน
สรุปอีกครั้งในชาติก่อน ลิเทลและคิมานเป็นคู่รักกันในชาติที่เกิดเป็นกบทอคำ และเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์
ทั้งสองได้มาเกิดเป็นขุนนางตกยาก
แต่มิได้เป็นพี่น้องกัน แต่ลิเทลมาพบ
คิมานตอนเดินทางไปงานวิทวัสราตรี
บนเส้นทางสวรรค์และได้พบกับคิมานโดยลังเอิญ
ขณะที่คิมานไปหาเก็บยอดน้ำค้างที่ทุ่งโอเฟรนั่นเองได่พบกับลอร์ดลิเทล
ที่กำลังขับรถมา ทันทีที่ลิเทลเห็น
คิมานก็นึกชอบคิมานอยากเป็นกัลยาณมิตรด้วยคืออยากเป็นเพื่อนด้วย ลิเทลจึงออกปากชวนคิมานไปงานราตรีวิทวัสด้วยกัน
โดยลิเทลเสนอให้คิมานนั่งรถยนต์ไปด้วนกัน รถยนต์ของลิเทลนั่น
เป็นรถฟอร์ดอัสตินคันสีเขียว
ไม่กินน้ำมัน
คิมานหลังจากเหนื่อยมาจากเดินวนหา เที่ยวเร่ร่อนไปเพื่อหากินดอกน้ำค้างบริสุทธิ์น้ำใสบนยอดหญ้า ที่ผุดปรากฏคล้ายใยแมงมุมตามทุ่งโอเฟ ในตอนเช้า
จากทุ่งโอเฟและเหนื่อยจึงตอบตกลงกับลิเทลทันที
"ไปก็ไป"" คิมานตอบรับ