วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ตอนที่17คนตายนิรนาม2

ตอนที่17คนตายนิรนาม2ตอนที่34 คนตายนิรนาม
อาจซ้ำ(7158)
         จากวิถีชีวิตบ้านลับที่เมืองดิโบจิ
เป็นมิติพิศวงที่เนพมาพบสิ่งนี้โดยบังเอิญอย่างไม่คาดคิด คิดว่ามันเป็นเพียงนิยายที่เขาแตางให้สนุกอ่านเท่านั้นและ แต่มิได้อยู่ในหัวข้อวิจัย
ไม่เข้าไปไกลและติดตามในร
ายละเอียด
        ที่นี่มือถือใช้ฟรี เนตใช้ฟรีคลื่นฟรีสัญญาณหรืออะไรฟรีหมด
เสรี ไม่มีปิดเข้าถึงไม่มีอะไรเลย
พวกมิจฉาชีพหมดภารกิจมาหลอกคนที่นี่เมืองจินี้ได้
      มันฟรีแต่ไม่มีคนใช้มันสักคน และจนทุกคนไม้รู้ว่ามือถือและเนตคืออะไร?และมีประโยชน์อย่างไรและทำอะไรได้บ้างเนฟงงไปหมด เขาปกครองบริหารทำกันอย่างงี้ได้งัย

     วันๆหนึ่งเขาพอใจกับธรรมชาติของลำธารห้วยละหานและนกกา
     ในที่มีสายน้ำใส่มีปลาว่ายน้ำเล่นอย่างพอใจ  "เนฟพลันเหลือบสายตาไปมอง"
     มองเห็นตัวปลาแหวกว่ายปทุมมาอยู่ไหวๆเหมือนเห็นแม่นางขาอ่อ
น สีขาวเนื้อผัดแป้งฝุ่นดูอุ่นตาและทำให้จิตนี้คิดได้ชุ่มฉ่ำละไม
เกมือนกวีนิพนธ์ของถังท่านหนึ่ง
เขียนว่าด้วยอารมณ์จินตกวีอันเลิศเลอว่าเป็นนัยะว่า:- 
เมื่อ"ชินหวา"ยามมีฝนตกพรำ 
ดั่งใจรวนเรที่เร่ร่อนไป...
จึ่งถามเด็กเลี้ยงควายว่า
โรงเตี้ยมแห่งเมืองนี้อยู่หนใด
พลันรู้แจ้งว่า
นั่นงัย มันไม่ไกลตรงโพ้น"(ถอดความเข้าใจาของเนฟ)
     แม้บัดนี้เนฟยังไม่เข้าใจเลยว่าท่านสื่อเพื่อให้เห็นความหมาบว่าอะไรคือเพราพลำพัง "ฝนตกปรอยๆคนมีจิตหงอยเหงาอยากกินเหล้า พบเด็กเลี้ยงควาย จึงบอกว่านั่นคือทางตรงไปโรงเตี้ยม"เพียงข้อความเท่านี้มันธรรมดา มันเป็นกวีนิพนธ์ของยุคราชสำนักถังได้อย่างไร" เนฟอ่านอยู่หลายวันหลายครั้งหลายหนก็พบความหมายตามตัวอักษร แต่เพราะ
อ่านหลายครั้ง"เนื่องนี้"จากการจีความว่าในลำนำกวีนิพนธ์บทนี้ ต้องมี
ปรัชญาวิเศษแบแฝงอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ดั่งเห็นลูกตาลอ่อนหล่น เนฟเห็นแล้วอยากกินจาวตาลและน้ำในจาวตาลนั้น เห็นซูกิบอกว่า"มันหวานอร่อยลื่นคอหอมชื่นน่ากินและดมมันยิ่งนัก" เนฟจึงพลันเก็บมันมา แฃะพยายามจะเจาะกินจะเจาะก็แสนยาก ใช้มีดเฉาะก็กลัวมีดบาดมือเลือดออกหรือเฉาะสับโดนมือขาด
จะไหว้วานคนอื่นทำ ก็ไม่พอส่วนแบ่ง
ค่าแรงเฉาะลูกตาลให้ตามที่เราวาน
เพราะดนฟเชื่อว่าทุกอย่างในโลกนี้มีค่าแรง การใช้เขาฟรีเป็นบาป ฉะนั้น"
     ทันทีที่อุปนัยลำนำกวีนิพนธ์นี้ได้
แล้วเนฟจึง หาเศษนิพนธ์ที่เหลือ
ของถัวมาอ่านอีก แต่ยากนักจะหาเจอที่เบลนดิสกีเพราะคนที่เบลนดิสกกีและที่เมืองจิไม่ชอบคนจีน ทุกคนที่นั่นจึงไม่สะสมงานนิพนธ์ของจีน แต่เมื่อเนฟอ่านพบกวีบทนี้ขิง"ถัง" เนฟเแลี่ยนใจทันทีว่า"คนจีนนั่นต้องมีดีมีอะไรอีกต้องสนใจและแอบรักติดใจเขาขึ้นมาทันทีไม่คำนึงลัทธิธการเมืองชาติเผ่าพันธุกรรมที่ทุกคนที่นี่ปักใจว่า"จีนนั่นช่างน่าเกลียดน่ากลัว เหมือนคนที่เคยเหยียดผิว
ระหว่างผิวดำผิวขาวหรือระหว่างชาติอารยันของแนวคิดทางการเมืองของนาซีกับชาวยิวผู้ถูกหาว่าเป็นอนารยันชนนั่นสดุดหยุดอยู่ทันทีในใจของเนฟ ต่อความคิดว่าจีนน่าเกลียดน่สกลัวกลับกลายมาเป็นมิตรรักเพราะจินตกวีสองสามประโยคนี้ตอนฝนตกพรำที่"ชินหวา" เท่านั้น
เนฟจึงเปล่งอุทานว่า
โอ้หนอ!
    กวีนิพนธ์นี่หนอมันคือสะพา
นสันติภาพและมิตรภาพและมวลมนุษย์ชาติอย่างแท้จริง คือมันไม่มีแดนแห่งความล้าหลังอีกต่อไปให้
คนรุ่นใหม่เหล่านี้มา"ไฝ่คิดกันอีกเลย" ชาติวรรณะยศศักดิ์ฐานะและศริงคารเป็นของนอกกาย
ไฉนเล่าพวกเราตาบอดหมดมองว่า
มันคือ"รั้วเหล็กหนามคมกั้นมิให้เรารู้อะไรอีกที่ดีและดีกว่าและ'เอนจอย'(enjoys )กว่าไปได้"
จิตของเนฟตอนนี้ทเหมือนเบอร์ลินเลิกมีคำว่า"เบอร์ลินตะวันออกเบอร์ลินจงตะวันตกขึ้นมาพลันทันที"
"โธ่เอ๋ยสันติภาพเนฟคิดว่ามันหาได้ยากเย็น"
ที่จริงสันตติภาพหาพบได้เพียงทกวีนิพนธ์ประโยคเดียวแท้ๆสันติภาพมิได้หาได้จาก"อำนาจ-หรือความชิงชัง-หรือจากสงครามหรือด้วยร
ระเบิดไฮโดรเจนนิวเคลียร์ที่เขย่าขวัญเท่านั้น"
 ถ้าเช่นนั้น เนฟคิดว่าตนเอง
จงเขียนบทกวีเถอะ
แต่อนืจจาเนฟชอบกวีนิพนธ์มาก
ชอบกวีนิพนธ์ยิ่งกว่าชีวิตแม้ก่อนวินาทีสุดท้ายได้อ่านกวีนิพนธ์สักบทที่ดีมีความมันไพเราะกินใจจนสามารถทำให้
ขึ้นสวรรค์ในทันที ที่จิตของตนเองดับลง แต่ว่าเนฟเขียนกวีไม่เป็นและคิดกวีไม่เป็นเนฟชอบแต่เสียงเพลงเพราะเนฟเชื่อว่าเสียงเพลงมันสามารถกล่อมเกลาจิตใจตนเอง และมอมเมาสังคมที่เบลนดิสกีและเมืองจินี้ให้หลับสนิทลงได้
        ขอให้ตนเองได้พบและอ่านบทกวีเป็นนิจ!
      เนฟอยากเห็นกวีนิพนธ์ผ่านหูประสาทและได้ยินนกร้องเพลง
อยากเห็นผีเสื้อบินว่อนไปม
าอยู่ต่อหน้าต่อตา
ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้บุพชาติอันสง่างาม

      "ใช่!เนฟเริ่มคิดและเข้าใจสรรพสิ่งได้ดีขึ้น หลังการมาเที่ยวเยือนเมืองจินี้" จึงอุทานว่ส"โลกนี้จริงๆหนอหมดพรมแดน หมดผิวหมดเผ่าพันธุ์
หมดสงคราม หมดลัทธิการเมือง
ด้วยกวีนิพนธ์เพียงบทเดียว
       เนฟย้ำเตือนกับซูกิว่า:ตนเองเขียนกวีนิพนธ์ไม่เป็น และไม่หัดเพราะเนฟเชื่อว่า'กวีมันต้องมีพรสวรรค์
มันจึงทำได้'
     มันต้องเกิดเป็น"ไม้อ้อ"มันจึงจะเป็นปากกาชุบหมึกจารู้กลงบนพระราชลัญจกรประทับเขียนของ
แท่นประทับหมึกที่พระราขอาสน์ของกษัตริย์ฟาโหร์ของชาวไอยคุปต์แห่งอียิปต์ที่พระองค์ทรงทำได้
ขณะลงลายเซ็นต์พระคำสั่งเพื่อ
 ประกาศเป็นรัฐโองการประศาสนรัฐโชบายใดๆได้


    ในตู้กระจกของโรงงานอาบอบนวดเพื่อสุภาพ อันปดปิดมิดชิด
ชนิด เมื่อใครเกิดเห็นจะตาถลน และตอนใครติดมากกว่าได้เห็นอนามัยของมนุษย์ที่ไม่กลัดมันทำกันแบบถูกๆวัฒนธรรมหทัยประจำในทุกวันนี้
ได้อย่างวิเศษยากนักที่ใครจะปฏิเสธ
เพราะมนุษย์มีความเป็นคนขึ้เมื่อยเป็นธรรมชาติทั่งหญิงชายอย่างเนขนบธรรมมดาอันเอกอุนั่นเอง

     อาหารทุกอย่างมีผักผลไม้เพียบเกินความต้องการ "ที่นี่"เมืองลับแห่งจื
     ดอก"ทิตทู"กินอร่อยมากมันมีโปรตีนและคาโบไฮเดรตแต่เนพไม่รู้ว่า ดอก"ทิตทู"คืออะไรและไม่สนติดตามมัน เพราะจะทำให้รกสมอง
  
      ทุกคนดูมีความสุขที่นี่ ไม่มีหน้
าคนกินวิตามินที่นี่
       ถึงจะมีก็คือหน้าเนื้อแห่งธรรมชาติสร้างสรรค์มาอย่างงัยอย่างงั่น
      มาอีกมิติหนนึ่งก็คือคือ
คนตายนิรนามหมายถึงตายแต่
ชื่อแต่ตัวตนจริงยัง!
     คือเวลาตายเขาเอาคนปลอมมาทำผีแทน แต่มิใช่ที่บ้านลับในเมืองจินี้
    มันอีกแห่งหนึ่งชื่อว่า"แคทตาคาม""
ที่มีคนตายนิรนามมาหลบซ่อนถาวรอยู่ใกล้บบ้านลับ
อมตะที่ไม่ตายนี่เอง 
แต่คนในบ้านลับเขาไม่รู้เรื่องนี้เลยและเขาไม่สนใจมันว่ามันคืออะไร

      ที่นี่!นี่มีอีกหมู่บ้านหนึ่งชื่อ"เมโลเน"มีคนแอบซ่อนอบู่ที่นั่น !
เขามาจากโลกแห่งความจริงสู่โลกแห่งความมซ่อนเร้นและปกปิดมิดชิด
ซ่อนเร้นและเป็นสถานที่ที่ราวกะที่สมณะหัวโล้นธุดงค์มาปักกลดเพื่อบำเพ็ญฌานและแอบมีใจรักปลีกวิเวกตลอดกาล
     ในป่าใหญ่และที่ปิดตนเองโดยสิ้
นเชิง แต่ทั้งหมดนี่อยู่ที่เมืองดิโบจิ(เมืองนี้มีชื่อย่อว่าเมืองจิ)


       เขาที่นี่รับเก็บดูแลคนตายแต่ชื่อแต่ตัวจริงแบบแอบซ่อนอยู่ ส่วนใหญ่จะมีเงินมากแอบมาซ่อนไว้ก่อนที่ไม่มีใครจับได้ ด้วยกลวิธีแยบยลสุดขีด
"ซูกิยืนยัน"
       เนฟพึ่งจะรู้ความลับของสิ่งเหล่านี้ว่า"มีอยู่จริง"
      ตอนแรกตนเองคิดว่างเหล่านี้ ถ้าจะมีคงเป็นนิยายเท่านั้น จึงมีได้)
       เนฟจึงคิดต่อไปว่า"ถ้างั้นในโลกนี้ยังมีสรรพสิ่งมหัศจรรย์น่า"ทึ่ง"อีกมากที่ยังไม่ค้นพบ เช่นตามทะเลลึก
ถ้ามีและในใต้ทะเลโลกอื่นที่เราไปไม่ถึง คงต้องมีสิ่งเร้นลับซ่อนเร้นและแอบแฝงยู่เป็นสังกัป
      ฉะนั้นในการทำวิจัยนี้
คือเพราะฉะนั้นการมาวิจัยเรื่อง
กัญชากระท่อมและฝิ่นที่เมืองจิ
นี่มีเหตุผลตรงประเด็นแล้วในภาคสนามที่จะทำต่อไป "เนฟคิดว่า'ผู้ให้ทุนเราคงคุ้ม'
ถ้าไม่เสร็จดีจะได้มีคนนำไปย่ต่อยอดให้เป็นประโยชน์สักอย่างขึ้นมาเป็นรูปธรรมได้กับมนุษยชาติได้
เป็นแน่ เช่น เกิดภาวะอสงคราม
เกิดสันติภาพเกิดมโนธรรมสากล
และอรรถประโยชน์สากลได้เป็นต้น

       กล่าวคือมิใช่เพรสงไปพบเห็น
กวีพขน์ลำนำเช่นอย่างกวี"ถัง"เพียงว่า"ยามเมื่อชิงหมิงฝนพรำ......" แล้วเกิดประทับใจ ที่ทำให้เนฟชอบจนเกือบจะเลิกวิจัยงาน
หลังพบกวีนิพนธ์บทนี้เข้าโอยบังเอิญที่เมืองจิ "กวีมีค่าทางใจต่อเนฟมาก"

      ต่อไป
ที่นี่หมู่บ้านนี้ๆชื่อว่า"หมู่บ้านไม่มีชื่อ"เนพจึงให้ชื่อว่าบ้านใกล้
หมู่บ้านลับว่า"หมู่บ้านอมตา"เผื่อไว้อ้างอิง เพราะสรรพสิ่ง(สรรพสิ่งเนฟ
ชอบใช้คำๆนี้เพราะมันอาจเป็นเหมือนสรรพยามชนิดหนึ่ง แต่มิใช่
จะเป็นคำปรัชญานามเเสมอไปก็ได้จึงขอทำความเข้าใจให้ตรงกัน
)
             "มันต้องมีชื่อ" เหมือนคนเกิดมาต้องมีทั้งชื่อและนามสกุลทุกคนนี้
ที่บ้าน เบลนดิสกี 'หมา แมว กระรอกกระแต ผีเสื้อ นก ไก่ ที่มาพบเห็นกัน
ประจำ เนฟตั่งชื่อให้หมด แม้ปืนและมีดดาบ หนังสะติ๊ก ที่เนฟสะสมก็จะมีชื่อให้มันเสมอ)

      ที่หมู่บ้านใกล้หมู่บ้านลับ"อมตา"นี้
โลกภายนอกเขาหมดสิทธิเข้ามาเห็น
      "ถามว่าทำไมเนฟได้สิทธิเข้ามาเนฟเดาว่าเป็นเพราะว่า "เนฟเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย-รักแม่ เชื่อฟังเพศแม่มาตลอด
จากการตรวจสอบสายตาและบุคลิกภาพและยาชุดทดสอบของตำรวจสันติบาลในเมืองจิที่สอบผ่
านอนุญาตให้เนฟเข้ามาเมืองนี้ได้นั่นเอง


    ที่บ้านลับ"อมตา" วันๆหนึ่งๆเขามีแค่ฟืนและหม้อข้าวหุงและสาวงามสายพันธุ์นางไม้คอยดูแลคนที่มาหลบซ่อนอยู่เนฟไม่ได
ถามซูกิว่า คนที่มาหลบซ่อนรนั้นเป็นคนดีหรือคนเลว ในวินาทีนั้นที่ไปเห็นด้วยกัน


      เนพไม่กล้าเข้าไปวิจัยนิกเรื่องที่ขออีก งัย เพราะเชื่อว่าอาจารบ์ผู้ควบคุมงานวิจัยของเนฟคงไม่ต้องการ เพราะไม่ตรงประเด็นในหัวข้อวิจัยที่เสนอไปและได้รับอนุมัติมา
      กล่าวคือเพราะมันอยู่นอกขอบเขตการทำงานตามจุดหมาย
ที่หนีเมียมาทำแบบนี่ที่เมืองจืโบติ
ๆ มีไวน์เหล้าที่หมู่บ้านลับมีให้กินเพียบฟรี
       แต่กินกันแต่ไม่เมามายเพราะเขาไม่มีเลือดเมา
       สำหรับกัญชามีเป็นกะตั้กๆ ทุกแห่ง มีขึ้นตามริมฟุดพาท เหมือนดอกหญ้าเพตจารีกา (p a t g a r i g a )และหญ้าเดฟฟาดิล(d i f f a d i l )
ที่มีในตะวันตก แต่ไม่มีใครสนใจมัน
     
      กัญชาที่นี่ นอกจากไว้บูชาเทพเจ้าและผสมในมื้ออาหาร
     เนฟลองกินกัญชาพบว่ามันทำให้กินอาหาจุและนอนหลับขึ้เซาเอาเลยทีเดียว มีกลิ่นตัวกัญชาถ้าเสพมากๆเข้า และยอดกระเต็นที่เป็นขั้น"ช่อดอกอ่อนกะหรี่เมล็ดอ่อนก่อนเป็นกระเต็น"นั้นมันตากแห้งแล้วนำมวนสูบดีหอมมัน"เนฟพบมันที่นี่"
    ส่วนกระท่อมพืชกินแล้วขยันทำงาน ทนแดด ทนฝน มันมีรสขมลิ้น
     ที่นี่ที่นี่มีแต่ภูเขาเนินเป็นทิวสูงต่ำไปหมดเมืองจิ
      คนที่นี่เขาไม่รู้จักกิน
บางครั้งกระท่อมเขานำมาเคี้ยวเล่นแก้หิวข้าว แบบคนเคี้ยวหมากฝรั่
งที่เบลนดิสกีทำแล้วเพลินลิ้นดีกระนั้น

     นอกจากนั้นก็จะมีก็นกชนิดหนึ่งชอบกิน ๆ เสร็จมันจะร้องเพลงแห่งความสุขเป็นภาษามนุษย์ได้
ควายมหิสามีเครายาวเขางอนเผือก
ที่นี่สัตว์ตัวนี้ ที่นี่มีตัวใหญ่อ้วนพีเพราะกินแต่พืชกระท่อมมันชอบมาก
เพราะไม่มีหญ้าอื่นให้กิน
     
         กัญชาและกระท่อมเป็นพืชเสพติดให้โทษผิดกฎหมายที่เบลนดิสกีแต่ผ่อนปรนเพื่อการบำบัด
 แต่ที่นี่ฟรีโลดไปเลยไร้พรมแดนไร้ขีดจำกัด แต้เงื่อนไขห้ามนำเคลื่อนย้ายออกนอกเมืองจิเด็ดขาด"จับได้ใครทำโทษหนัก ปล่อยเกาะงูพิษทันทีถ้าใครฝืนทำ" และห้ามส่งออกนอกเมืองจิเป็นสินค้าอีกด้วย