วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2565

"ป่าวโกรธ"อาจหา อ่านที่เด็กดี.คองดโฆษณา

ป่าวโกรธ
ป่าวโกรธ

ก่อนอื่น...มาตกลงกันก่อนดีมั้ย
"ผมพูกกับนางเอก"

นิยายนี้มันคือการโม้นิ่งๆแต่มันเป็นนิยาย
และมันมิใช่อัตชีวประวัติของใครคนหนึ่ง แต่มันเป็นนิยาย
มันเหมือน"ผักข้างเคียง"เมื่อเราจะกินอาหารมื้อที่แสนอร่อยได้และจะได้ลงตัวมันขาดผักข้างเคียงมิได้เพราะมันคือ(Hors d'oeuvres) หรือ แอพพิไทเซอร์ (Appetizer)/ref/ของคนกินอาหารเป็น

โลกนี้แสนจะสมบูรณ์
อาทิตย์และจันทร์ยังอยู่เป็นเพื่อนเราทุกเช้าค่ำ
สายลมทำให้ผมและคุณชัญญา
หายใจได้อื่มอกเสมอ
เจ็บบ้างปวดบ้าง มนุษย์เราเติมแต้มมันเอง"ผมคิดว่า"

ผมหนีพ่อจากนครพุนพินของผม
มิได้โกรธเกลียดพ่อ
แต่ผมคิดถึงแม่มาก ยิ่งเมือโดนพ่อตีผมเลยคิดหนัก

เราจะผิดจะถูกเมื่อพ่อแม่ตีเราๆ
จะไม่วสู่และเถียง "แต่เดินหลีกไปให้พ้น"
ผมเคยคิดทำร้ายคนอื่นเมื่อถูกเย้ยว่า"ลูกไม่มีแม่"ที่นครพุนพิน

ผมจับมีดหั่นกมูได้ไล่ฟาดฟันเขาผู้นั้นทันที
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเขาวิ่งหนี และหนังเหนียวและแรงเงื้อมฟันของผมไม่มี "แต่ผมโกรธมาก"
เมื่อมีคนพูดอย่างนี้กับผม
ให้ผมำด้ยินถนัดๆซึ่งๆหน้า

ผมเสียใจผมถูกพ่อตีว่า"ทำไมทำอย่างนั้น"
ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจึงกลับไปขอโทษเขาในวันรุ่งขึ้น

เขาเห็นหน้าผมอีก"เขากลัวมาก และวิ่งหนี
ไม่ต้องกลัว ผมถูกคีเลือดโซกแล้ว
และพ่อผมสั่งให้มาขอโทษคุณ

เขาคงจะได้ยิน
วันต่อมาเขาโดนแมาเขาตีจนหัวเลือดสาด
เพราะคะนองปากเกินไปกับผม

เตรียมตัวเตรียมใจได้ทุกคน
"ทนายพูด"
ใครบ้างที่มีมูลเบี้ยวทรยศหักหลังพ่อผมและผมที่ขัดกับหลักนิติธรรม

นี่งัย!โลกมีค่าวี ดูสงครามยูเครนเป็นตัวอย่างเขารบกันเหมือน
สนามโรงหมูหั่นในภาวะสงคราม
แต่พอมาในวาระจะขนย้ายธัญญพืชสู่ตลาดโลก
เขางดโจมตีธัญญพืชและเรือที่พ
าธัญพืชไปเลี้ยงคนอดอยากหิวโหย
และครไม่มีอาหารธัญพืชนั้นๆเพียงพอที่จะกินกัน

แสดงว่าสงครามยูเครนก็มีค่าวีเช่นกัน
ฉะนั้นสิ่งที่ผมกล่าวถึงมีมูล
ก็จะมีเทพเจ้าแห่ง"ค่าวี"มาจัดให้
เติมเต็มให้ผใแน่นอน
ผมไม่คิดฆ่าตัวตาย ถ้าผมผิดหวัง!

แต่ที่แน่นอนดอกทบต้นๆทบดอกเป็นค่าของแรงงานที่เกิดจากทุนคือแรงงาน แม้มองไม่ออก
แต่มันมีสัจธรรมอีนศักดิ์สิทธิ์
แม้ผมจะตายไปความศักเสิทธิ์นี้คงตราตรึง และค่าชองมันยังคงติดไปเป็นอนันต์จนกว่า
วันสิ้นสุดแห่งศาลท่านตัดสินให้แล้ว"ความไพเราะก็จะตามมา"

แฃะผมเองมีพินัยกรรม
อะไเหลืออยู่กลังผมต่ยจะเป็นมูลนิธิให้ทนายผ่านคราสินอำเภอเอาไว้อย่างมั่นคง
เพื่อนางเอกของผมทุกคนและลู
กๆแบบลับๆล่อๆททั้งหลายถ้ามีและเจ้ากรรมนายเวรของผมจะได้พอใจ
แม้ผมจะอยู่หรือตาย ผมทำพินัยกรรมไว้คือไม่มอบมรดกให้ใคร แต่มอบให้ทำมูลนิธิเท่านั้น
บันทึกนางเอกทุกคนของผมล้วนมีปรัชญาไม่พึ่งผัวทุกกรณีและบรรลุนิติภาวะเราอยู่กันพบหน้ากันได้รักกันแต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนอันอมต
ะเท่านั้น "แต่เราก็รักกัน"

ปรัชญานี้ติดเอาไว้
เพื่อมิให้และไม่ให้สังคมเขาพูดได้ว่า"รักกันภาษาบ้าบออะไรว่ะ"
ดูแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่มันก็เป็นไปแล้ว

ผมนับจากวัย9ขวบตื่นนอนพร้อมพ่อทุกเช้าที่นครพุนพิน
เพื่อก่อไฟหุงข้าวและเตรียมโน้นนี่นั่นให้ะพ่อได้หาบคอนสิ่งของไปขายสิ่งนั้นคือก๋วยเตี๋ยว

หลายคนสงสัยว่าพ่อใส่กัญชามอมลูกค้าในน้ำก๋วยเตี๋ยวที่พ่อขาย
เพราะร้านพ่อขายดี
ผมก็จับตาดูพ่อทำจริงหรือป่าว
เพราะกลัวตำรวจจับตอนนนั้นกัญชาผิดกฎหมายจารีตกสรบริโภคที่ร้ายแรง แต่ถ้าจริงถูกจับได้พ่อต้องถูกเนรเทศกลับไปเมืองจีนบ้านเกิด

แต่ผมพบว่าพ่อไม่ได้ทำพ่อไม่ชอบ
สิ่งผิดๆพ่อใช้ เครื่องเทศจีน
ที่ไปชื้อมาจากตลาดบ้านเพื่อนที่
บ้านดอนใกล้ทะเลตะวันออกมานิดนึงและเกาะสมุย

มันเป็นห่อดำๆใส่ในหม้อน้ำลวกเส้นขายก๋วยเตี๋ยว

มันทำให้ก๋วยเตี๋ยวของพ่อรสดี
คนกินติด ชามละบาทเดียวเอง
ใส่ก้ามปูดำ3บาท ผมชอบกินปูแต่ไม่เคยขโมยหยิบใส่เข้าปากตนเอง
ตอนพ่อให้ทำปูดำให้
ก้ามมันใหญ่คีบมือขาดได้

พ่อมีลูกจ้างเดือนหนึ่ง150บาท
ผมไม่ทราบว่าทำไมพ่อชอบขายก๋วยเตี๋ยวแต่พ่อกินข้าวชอบซื้อแกง
หมูผัดถั่วมากินทุกวันมื่อเช้าก่อนหาบของไปขายที่ร้านแผงลอยที่ท่าเรือนครพุนพิน
ก๋วยตี๋ยวเป็นอาหารประชารัฐนิยมสมัยท่านจอมพลแปลกฯเป็นนายกรัฐมนตรีของไทบ

เพราะก๋วยเตี๋ยวพ่อขายดีจึงมี
ลูกจ้างคนหนึ่งเป็นน้าต่างครอกครัวขอผมมารับจ้างและน้าตนนี้เองเป็นกุนซือแนะวิธีผมหนีไปหาแม่จากนครพุนพินถ้าผิดใจกับพ่อเมื่อไหร่?

จนตาส่งน้องแม่คนหนึ่งมาอบู่ด้วยเพื่อดูแลผมและะ่อและขายลอดช่องสิ
งตโปร์ แต่พบว่าไม่ลงตัวพ่อไม่ชอบและน้าสาวคนนี้ก็ไม่ชอบ
สุดท้ายจึงต้องจากกันแบบลบๆ

พ่อเริ่มตั้งตัวติดถูกชม
แม้น้องชายต่างครอกครัวสองคน
ที่กรุงเทพฯก็ถูกตาทีสองคนจีนน่ะ
ถูกส่งๆมาอยู่กับพ่อเพื่อเรียนรู้การตั้งตัวแบบพ่อผมเป็นมีเงินเดือน150บาททุกคน

น้องสาวต่สงครอกครัวพ่อก็มาเยี่ยมพ่ออยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์
เพื่อดูแลงานและตลาดนครพุนพินเพียงมาพัก
ไม่มีเงินเดือนมาจากเมืองนางรองบุรีรัมย์