วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ตอนที่31คำสัตย์จริงนั้นแลที่อมตะเนฟพบ คัดย่อเรื่องเบล็นด์จากเด็กดี.คอมโดยมารต์ตรินิอิ.


(ตอนนี้สับสน)9528
ตอนที่31คำสัตย์จริงนั้นแลที่อมตะเนฟพบ
เนฟเชื่อว่า:=

     แม้ในดงโจรก็มีสัจจะๆมันทำให้เกิดองค์กรที่แข็งแกร่ง เช่น ผัวเมียรักกันต้องมีสัจจะต่อกันมิฉะนั้นความรักจะเกิดขึ้นไม้ได้เลย "เนฟเชื่อ"แม้ตนเองไม่ชอบพวกโจร
     และแล้วเนฟจึงเชื่ออีกต่อไปว่าสัจจะนั้นแลอมตะและสรรพสิ่งที่เป็นสัจนิยมก็คือสัจจะด้วย
    ที่มาของเรื่องราวตอนนี้
ที่ไม่กล้าจะจบลง
     หากมันไม่มีสัจะต่อตนเอง
ในช่วงที่เนฟคิดมากไป เพื่อให้ความรักของเอวเมียรักและตนเอง
ได้ราบรื่นเพราะเนฟตั้งสัจจะที่ศาลพระภูมิที่บ้านเบลนดิสกีและศาลเพียงตาที่ข้างถนน"มิเก"ว่า"
    หลังมีเธอเป็นเมียแล้วจะทำสัจจะหลายอย่างขอสววนว่ามีอะไรบ้างเพราะอายที่จะพูดออกมา
ขอเก็บเป็นความลับ"
     ที่ที่ตนได้ตั้งปณิาณเอาไว้ให้เป็นจริง แต่ไม่ได้บอกให้กับเอวรู้เรื่องนี้เลย
     สัจจนิยมอมตะจึงเกิดขึ้นมนหลายมิติต่อมาที่เนฟจะชงมันต่อๆไปเพื่อให้ตนเองได้ชิลชิลกับชั่วงเวลาที่หงอยเหงาและเดียวดาย
     แต่บางครั้งอารมณ์มันไหลมันโลดทะนงไปเหมือนแรงที่มอวไม่เห็นเช่นดั่งแรงโน้มถ่วงจากหลุมดำทีเดียวของนักวิทย์ทีเดียว

    มิติของสัจจะริยมที่เนฟประสบมานั่นมีรายการดังต่อไปนี้
     
       เนฟพบคำว่า"ยามชิงหมิงฝนพรำ....ที่ข้างฝาไม้สักเรือนบ้านเมืองจิ เอ่ยถึงกวียุคถังเขียนไว้แต่ถูกแปลเป็นภาษาจิ
เพียง1บทนี้ทำให้เนฟนำมาทำเป็นกระทู้ตั้งในการคิดตีวามให้ยาวเพื่อคว้านหาสัจธรรมของกวีบทนี้ตามตัวอักษร

      เนฟถือว่ากวีบทนี้มีความศักดิ์สิทธิ์
มันเกินไปที้จะคิดแบบนี้
แต่มันเป็นเราของความเป็นเรา
เนฟจึงอนุสนธิว่าจะร่ายอธิบายความในใจของตนเอง โดยไม่กลัวคำวิจารณ์
ใดๆหรือแม้เอวเมียรักอาจท้วงติง
จึงแก้กระทู้นี้ต่อไปเพื่อค้นหาคุณค่าทางสัจธรรมนิยมใหม่ความว่า
       ณ โอกาสบัดนี้ เนฟจะได้กล่าวความตามกระทู้สัจธรรมลำนำกวีภาษิตที่ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้นว่า"ยามชิงหมิงฝนพรำ พอเป็นนิเขปบทนี้ เพื่อการมองมโนธรรมจากคุณค่าต่อใจของเนฟขณะเดินทางรอนแรมหนีเมียมาเมืองจินี้ต่อไป
      แต่เนฟจบด้วยบทสรุปว่า
จะคิดอีกถ้ามันคิดได้ว่ามีอะไรมากกว่า"ฝนพรำ" ในโลกนี้ฝนพรำมันคือความสงบมันเป็นคุณค่าของ.    
     ธรรมชาติที่ทำให้ใจคนมีความคิด
อยากพักอยากนอนอยากกิน เหล้าอยากสูบกัญชา อยากเสพกาม
ทำอะไหลายๆอย่างที่เนฟเคยนึกแต่ไม่ออกตอนที่ฝนยังไม่พรำที่"ชิงหมิง"
     
         บัดนี้เมื่อฝนพรำแล้ว เนฟคิดได้คิดและคิดออก และตีความลำนำกวีบทนี้เพื่อความหมายอีนเจิดจ้าและแท้จริงที่กวีบทนี้ซ่อนเร้นหรือที่จะสื่ออย่างแท้จริง นอกจากตามตัวอักขระและตัวอักษรที่สื่อความหมายตามที่อ้างไว้ ณ เบื้องต้น

     " ใจคนเริ่มรวนเร พอคนพบฝนพรำ" เมืองกวีถังท่านนี้ร่าย 
      ขณะฝนพรำใจคนเริ่มรวนเรคิดไขว่คว้าเพื่อหาที่พักหรือ"เพิงพัก"เพื่อหลบฝนหนัก
      จิตคิดว่า โรงเหล้าที่ขายแบบร้านขายเหล้าที่นิยามว่า"โรงเตี้ยม" คงเหมาะยิ่งจะจะแวะเข้าไปหาเพิงพักและดื่มเหล้าสักเป็กนึงเพื่อกันหนาว ที่จะตามมา และเพื่อย้อมใจตนเองให้หายและอบได้ไออุ่นจากใจและเหล้าที่กระดกเข้าลำคอไป เพื่อทดเทิดตนเองที่เพลียอย่างระเหี่ยมา
        ให้มันได้พักมัน เมื่อยามฝนพรำนี้ 

คำถามต่อไป:



        และไม่รู้ว่ามันอยู่หนใด "โรงเตี้ยมนั่น"
       ใจและตาเหลือบไปเห็น เด็กเลี้ยงวัว(เนฟนิยามว่าวัวและควายในจินตนาการนี้เป็นสิ่งเดียวกัน)
       "จึงถามเด็กผูเดียงสา ว่า
"ไปทางไหนโรงเตี้ยม"
' น้อง'
        เราไม่รู้จึงถาม
น้องคนเลี้ยววัวเห็นแล้วนึกสงสาร
คนถาม
    'เจ้าเด็กนั่น'
เขาพลันจึงตอบด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้หวังอามิสสินจ้างอะไร
เป็นค่าชี้ช่องทางไปที่โรงเตี่ยมใดๆ แด่ชายผู้นิรนามนั่นว่า
ว่า "มันไปทางโน้น"
      จากไม่รู้ว่าไปยังงัยในมืดมิดมนสมอง
      เพราะเด็กเลี้ยงวัวบอกเท่านั้น
สิ่งที่ตนจะเดินทางเข้าไปจิบเหล้า
ที่โรงเตี้ยมนั่น
      จึงสำเร็จตามมาถ้าไม่ได้เธอบอก "ฉันคงไมได้รู้สิ่งนี้"
      ที่เนฟคาดว่าตอนนี้ที่บ้าน"คิชาน"
ที่เมืองจิในบรรยากาศเดียวกัน
กับที่"ชิงหมิง"ฝนพรำ
มันเคยเป็นเมื่อเวลานับได้จนวันนี้
1,170 ปี ผ่านพ้นไป
      จนวันนี้มันพันกว่าปีมาแล้วน่ะ!
วันนี้ที่"คิชาน"ที่เนฟมาทำวิจัยที่"เมืองจิ"นี้
    เมืองชิงหมิงและเมืองซินหวามันอยู่ในเมืองจีนเมืองในจินตยคติของจินตกวียุคราชวงศ์ถัง
    แต่เมือง"คิชาน"นี้มันเป็นหมู่บ้านลับๆล่อๆตั้งอยู่ในเมืองจิ เมืองในอุดมคติของเนฟ
     

      ตอนฝนพรำแบบนี้
เนฟไม่คิดหาเหล้าหรอกดอกน่ะ!    
   "  ความจริง"
      
      แต่เนฟอยากมองหากัญชามาสูบมาดูด หรือมองคนทำ
เพื่อทดสอบว่ารสชาติแหางการได่ดูดหรือการได้เห็นคนอื่นทำนั้น
    มันเป็นเช่นไรในช่วงฝนพรำที่คิชานแบบนี้
    หรือใบกระท่อมสดๆสักใบมาเคี้ยว
เพื่อให้จิตของตนเองมันจรรโลงไป
กับสายฝนพรำแล้ว จึงมีแรงขยับเดินได้และขยันเดินต่อไป
เพื่อกลับไปที่โรงพักฟื้นที่ตนเองเช่าไว้ตอนเข้ามาในหมู่บ้านลับ"คิชาน"แห่งนี้กับซูกิ
     เพื่อทำวิจัยฝิ่นกัญชากระท่อมพืชต้องห้ามของโลกยาเสพติดให้โทษในอดีต ที่เพิ่งจะผ่านเลยไป
     กัญชามีชนิดอัดแท่งชนิดอย่างผงอย่างน้ำชนิดอย่างอัดแท่งสำหรับมวนสูบเป็นสีทอง และชนิดอัดใส่ซองมวนแบบบุหรี่สูบ หลายคนนิยมมัน
แต่อีกหลายคนเลิกเพราะตำรวจจับ
     เนฟพบว่ากัญชาและกระท่อมทำให้เบาหวานที่ตนเองเป็นหายไป
     ส่วนฝิ่นนั้นเนฟยังไม่ทราบ เพราะยังไม่สะดวกถ้าจะหาความจริงก็ดูในเทกซ์ต่างประเทศเขียนเอาไว้มาก
ฝิ่นเยเป็นชนวนเหตุมีสงครามคือสงครามฝิ่นเช่นสงครามฝิ่นในจีนในอดีตแต่กัญชาและกระท่อมมีแต่สงครามระหว่างคนเสพกับตำรวจเท่าที่เนฟพบในเขตประเทศที่หวงห้ามเด็ดขาดโทษจากการประหารชีวิตถึงการริบกระท่อมและกัญชาและเผาทิ้งถอนทิ้งเป็นต้น
      แต่ในบางประเทศฟรีเสรีสุดขีด
จึงเกิดลัทธิการเมืองเรื่องกัญชาและกระท่อมและฝิ่นขึ้นมา เป็นระดับอิสซิว(Issue) ขึ้นไป มีพืชเสพติดเหล่งนี้เป็นมูลฐานจนมีหน่วยสากลดูแล
ป้องกันติดตามทำลายล้าง สอดแนมและจับกุมร่วมกันตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ

     กระท่อมมีอย่างชนิดผงที่ตำ
และอย่างน้ำต้มกระท่อมและกระท่อมชนิดสดทั้งชนิดหางกั้งและที่ไม้กั้งและชนิดที่นักชีวะต้นไม้สายพันธุ์ประดิษฐพืชจีโนม(G M O  )ประดิษฐ์พบไหม่ๆอีกต่อๆมา
      ส่วนฝิ่นเนฟของดกล่าวถึง เพราะ
มีภัยกับข้อมูลและตำรวจ แม้ที่เมืองจินี่จะเสรีหมดตอนนี้


     แต่เนฟก็พบว่า
อนิจจา!
สามสิ่งที่กล่าวมา
"มันไม่มีที่โรงเตี้ยมที่-คิชาน-แห่งนี้""
แต่สิ่งที่กลับมีคือ
"เหล้า"เท่านั้น
     เท่านั้นที่มีและเตาผิงมือ
และไออุ่นไว้บริการคนที่ซมซานเร่หรือไม่เร่ร่อนเข้ามา และมันเปิดโต้รุ่ง
ชนิด24ชั่วโมงปีละ365วัน
มีกาแฟทำเองบริการที่"คาเฟคิชานและโรงเตี้ยม"
มีหมอนวดไว้เสิร์ฟและโสเภณีเร่ร่อนอาจมีแต่ปกปิดและไม่เปิดเผยเพราะโรคหยองในระบาดและรักษาหาย
ที่เมืองจินี้คนจึงไม่นิยมเที่ยวและใช้บริการ
       ถุงยางอนามัยที่เมืองจิหาซื้อยาก
เพราะเมืองจิเป็นเมืองปิด การส่งออกและสั่งสินค้าเข้าถูกควบคุม
โรงงานอุตสาหกรรมเมืองจิไม่ส่งเสริมนโยบายเมืองจิคือ"ทำเท่าที่มีเป็นเท่าที่ได้"
ทั้งนี้ท่านบอกว่ากันเป็นหนี้สินนานาชาติและถูกยึดเมืองเป็นเมืองขึ้น

   ใช่!   และเนื้อย่างรมควันรสโปรตีน
ย่างไฟจากถ่านรมควันสดกรุ่นๆ โขมงๆอ่อนๆ กรุ่นจมูกดีเมื่อโชยมาสัมผัสจมูก แถมยังหัวมันสำปะหลังปิ้งและกล้วยจี่ไว้บริการอยู่ที่หน้าร้านอีกด้วย รวมทั้งงหอยย่าง กุ้งมังกรย่าง ปลาซาบะย่างอีกด้วย ปลาเมคคารอลอินทรีย์ทองย่างและมีลูกเกาลัคคั่วและแคชชิวนัท(มะม่วงหิมพานต์ผลสีแเดง)เมล็ดแห้งคั่วสด และลูกเกาลัก ตลอดถึงกาแฟขี้ชะมด และอื่นๆอีกมากมายล้วนเอกโซติก(exotic) และแปลกแต่ไปรเวท(private  )
        เคยมีนายทุนสากลจะมาลงทุนสร้างสนามบินและการนำทัวร์มาเที่ยวและทำโรงแรมห้าดาว
ให้เมืองจินี้
และเปิดเป็นตลาดระหว่างประเทศสากลให้ ชนิดไม่ต้องกู้ยืม
แต่เมืองจิไม่รับข้อเสนอนี้ เพราะกลัวจะมีมลทิลพิษชนิดใหม่เกิดขึ้นและแก้ยาก

    
      ที่คิชานโรงเตี้ยมและคาเฟ
มีไว้เสนอให้บริการกับคนเร่ร่อนสัญจรมา

      เนฟไม่ด่วนปฏิเสธหรือด่วนรับ
ทันที่เห็นเห็นตามที่ซูกิพามาแม้ปากชองตนจะหิว

       แต่พลันควักเงินที่มีติดตัวมาจ่ายไปตามธรรมเนียมเมื่ออยากได้อะไร
ส่วนซูกิห้ามดื่มเหล้าขณะทำหน้าที่มัคคุเทศก์กับแขก
       เพราะที่"คิชาน"แห่งนี้เงินเท่านั้นเป็นเพื่อนและเงินเท่านั้นที่พูดได้อย่างสมศักศรีที่เป็นมนุษย์
       พูดคุยกันได้อะไรก็ได้ลงตัวหมดด้วยเงินทำกันอย่างสมภูมิธรรมที่นี่ที่"คิชาน""
      ที่คิชานคนที่ไม่มีเงินซื้อเหล้าและเนื้อแพะแกะกระต่าย เนื้อวัวและปลาทะเลและหอยย่างกิน คนที่คิชานเขาถือว่าคนๆนั้นเป็นสัตว์เดรัจฉานชนิดหนึ่ง "ซูกิยืนยัน"

      ก็สิ่งที่มิได้คาดคิดก็เกิดขึ้นและตามมา นั่น!มิใช่เหล้าวิสกีรสแรงหรอก!
     แต่ตอนนี้ ที่แก้เหงาและความหนาวได้และเป็นรสใหม่ของสังคมแห่งเมือง"คิชาน"คือ สิ่งที่เนฟตาโพลงทันทีเมื่อเห็น

    และนั่น! มันคือกัญชาและกระท่อมดูเหมือนว่ามีดอกฝิ่นมาด้วย
    และในจำนวนนั้นทั้งหมด เขานำมามิใช่เพื่อขายแต่เขาพาเข้ามาโรงเตี้ยมเพียงติดเข้ามาเพื่อพักแรมกินเหล้าแก้หนาวและกันลืมก่อนออกจากโรงเตี้ยมไป เท่านั้นหรอกจึงแบกทั้งหมดมาด้วย เพื่อพากลับบ้าน
ไปเลี้งแพะแกะและตนเอง
         
         และที่นี่คิชานไม่มีขโมยสำหรับใคร ไ ม่มีอาญากรรมใดๆเกิดขึ้นเพราะสาเหตุจากสามสิ่ง(กัญชากระท่อม ฝิ่น)นี้เพราะ มันที่นี่หาง่ายและเสรีเต็มพิกัด

    สำหรับ   เหล้า และกาแฟดำร้อนต่างหากที่เขาเขาเข้ามาที่โรงเตี้ยมนี้ตอนนี้ แฃะเหล้าและกาแฟดำนี้ยังมีอาญาข้ามชาติเสมอเพราะการลักลอบ นำกาแฟและเหล้าเถื่อนรสดีเข้ามาเมืองจินั่นเอง

      ตอนนี้แม้ว่ามันจะดึกมากแล้ว

      (คำว่าเมืองในนิยายนี้สื่ออะไรก็ได้ที่เป็นที่พักอาศัยของคนมิจำเป็นจะต้องเป็นเมืองตามพิกัดภูมิศาสตร์เสมอไปแต่อย่างใด)


      ทุกอย่างมันไม่ฟรีในโลกนี้โดยทั่วไป
      มันจึงต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนและสิ่งตอบแทน
       เนฟถือว่าทุกสิ่งนนโลกนี้ไม่ฟรีถ้ามันไม่มีสิ่งต่างตอบแทน
มันคือ"อคุณธรรม คือไม่มีคุณธรรม"
ครครอบครองมันมันคือของ
ของโจรได้มาจากการปล้นจากผู้บริสุทธิ์
        คุณธรรมชองกำไรคุณธรรมของการขาดทุน! เนฟฟบว่าไม่มีใครกล่าวไว้


      ต่อๆมา!
มันโผล่มากับคนหนวดเคราแเดง
     เขาแบกมันมาหลังเลิกงานนับจ้างเก็ยไวน์องุ่นสีแดงจากไร่ แต่พอดีฝนพรำ
      เขาจึงแวะเข้ามาโรงเตี้ยมนี้ด้วย
เนฟสำรวมไม่ถามและสนใจว่ามันคืออะไร
     ชายผู้นี้  เขาชื่อ"นิเช"ผู้มากับสามสิ่งและสายลม คือคำแปลจากชื่อ
ของเขาว่า"นิเช"

      ที่เนฟใฝ่ฝนหามาตอยเช้ามาในบ้านคิชานนี้
ใสแต่มองไม่เห็นอะไรที่นี่ในสิ่งตนต้องการจะเห็น

แต่ตอนนี้เห็นมันแล้ว
เนฟพอใจมาก
ว่าวันนี้การวิจัยของเราไปตามเป้า
คือได้เห็นสิ่งตรง"ปก"ว่าปกของพืขกัญชากระท่อมฝิ่นนั่นวัฎจักรของมันนั้นอย่างไร
แต่ที่เนฟทำสิ่งนี้มิใช่อยากเสพสามสิ่งนี้ไปในตัวเป็นสันดานก็หาไม่
อย่างบทปรัชญาที่ว่า
" ฝนมันตกหรอกถนนมันจึงเปียก"

เนฟเชื่อว่านี่คือ"นิโช"แห่งเมือง"คิชาน"เท่านั้นที่เป็นหรอก หลายคนคงทำอย่างนี้ คือพอเหนื่อยมาก็หาเหล้าย้อมใจเป็นทางออกให้ชีวิตและความเหนื่อยเพราะนี่คือชีวิตของเขา
เหมือนๆเราดุจเราเป็นเช่น
ร่อนเร่รอนแรมมา และถามหาจากเด็กเลี้ยงวัวว่าโรงเตี้ยมอยู่หนใด... จากกวียุคถังเขียนไว้ซึ่งเป็นข้อความธรรมดาของคนธรรมดาๆ
แต่ำเขียนมีค่ามากต่อจิตใบของคนรุ่นหลัง

นั่นเองแม้1,000 กว่าปีผ่านไป
และเนฟอ่านรำลึกถึวความในใจได้
พลันจบลงด้วยบทกวีว่า" ชี้ปลายทาง หมู่บ้านชิงฮวา "(กวีราขวังศ์ถังค.ศ(803-852)

           ในเรื่อง "เบลนดิสกี" เนพพูด
ความจริงสำหรับเนพคือสัจจะ
เนพรักเอวและขอมีเธอคนเดียวในโลกนี้เว้นเธอตายลง เนพคหาใหม่
ถ้าผีของเอวเนพถามใจเธอดูแล้วไม่ขัดข้อง ก็จะแต่งงานใหม่อีกคนหนึ่งถ้าพบว่า"เธอนั่นช่างลงตัว"

       เพราะการมีหญิงเทียเป็นศรีเรือนผู้ชายนั้นจำเป็น สำหรับเนพ เมียคือคู่คิดคู่ผวาคือมีชีวิตรอดอยู่มาด้วยกันและก็ต้องไปด้วยกัน
ความสุขของมนุษย์จึงจะเกิด
สำหรับกามารามณ์อาจมีวัน
เบื่อหน่ายขึ้นได้เมื่อถึงจุดหนึ่ง แต่ความรักมันไม่มีเบื่อและมันก็ไม่มีเก่า

        ความรักนั้นใหม่เสมอ นี่คือปรัช
ญาของเนพในเรื่มไม่มาที่เมืเมืองดิโบจิ ลมมาแทนหนาวสะท้านตื่นขึ้นมาตอนเช้าหายใจออกเป็นหมอกควัน
นั่นคืออานุภาพของความหนาว
แต่ในเขตหมู่บ้านที่เนพเล็ดลอดเข้าไปเป็นแจกไม่ได้รับเชิญของเ
ขา
          พบว่ายังมีฝนบ้างเพราะที่เนพเข้าไปเป็นเขตเงาฝน บรรยากาศนจึงมืดๆ ขวนนอนกอดหมอนยิ่งนัก
คำสัตย์จริงนั้นไม่ตาย
เนพรำพึงถึงคำเพราะๆคำนี้
และรักษามันเคารพมัน
    
         ในชีวิตนี้แม้เบื้องต้นจนวันไปนอนที่หลุมศพเนพจะรักษาคำพูด
เพราะมันเป็นสัญาญาประชาคมทางใจ "แม่และครูของเนพสอนมา
ว่าคำสัตย์นั้นเป็นคุณธรรม
แม้บางครั้งเหล้าอารมณ์และเหล้า
        
          และบุหรี่แบะเงินและสายลมมันจะทำให้สัจจะและคำสัตย์ละลายได้เหมือนความควบแน่นของน้ำแข็งที่ถูกความร้อนแผดเผา แต่เนพมิใช่น้ำแข็ง "น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน"

       แต่ใจเนพไม่เคยกร่อนแม้มีซาตานมาทำให้จิตใจของตนเองแปร
เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นเนพจึงดชื่อว่าคำสัตย์เป็นสิ่งที่ไม่ตาย และเป็นอมตะด้วยประการฉะนี้
นกเค้าแมวหลายตัวจับเกาะที่กิ่งไม้
หว้าในหม๊บ้านกัญชา

        มันเห็นเนพชำเลืองดูมัน ทันทีที่มันสบตากันแล้วมันก็รีบบินไป
      เพราะสำหรับมันชอบจะคุยและชำเลืองตาก็กับหนู
และลูกไก่เท่านั้น กับคนมันไม่ชอบคุยด้วย เพราะคนมีปืนใช้ปืนเป็น และส่วนใหญ่คนจะยิงปืนแม่น

        พบว่าเหยี่ยวนกเขามันจะส่งเสียงร้องเมื่อมันมาเที่ยวในตอนกลางวัน
ในป่าใหญ่ที่ทัหมู่บ้านหลังคาใบไหม้แห้งที่ดิโบจินี้แต่นกเค้าแมว
มันไม่ค่อยส่งเสียงร้องให้ใครได้ยินเหมือนเหยี่ยวนกเขา

        นก"พิทึดพิทือ " เสียงมันร้องเปล่งออกมาเหมือนชื่อมันๆจะมาตอนกลางคืน
      มันจะร้อง"พิ-ทึด-พิ-ทือ"
ฟังเสียงมันแล้วเราจะพองขน โดยเฉพาะในคืนมืดเดือนที่มีคำ่คืน
มีเดือนหงายและเมฆดำทมึนวนเวียนผ่าน เป็นระยะๆและตอนน้ำค้างตกเผาะยามรุ่งเช้ามืด

        มีนกฮูกตาโตนั้นกับนพิทึดพืทือ
ชื่อสองชื่อนี้นี้จะเป็นนกชนิดเดียวกันหรือไม่ เนพไม่คยถามใคร
แต่พิทึดตัวใหญ่สีมืดๆน้ำตาล
นกเค้าตัวเล็ก นกฮูกตัวใหญ่และตาโต ที่เนฟเห็นทุกชนิดจมูกเล็กงอนเข้าหาตัวหมด
        ใครแม้ตนเองจะสงสัย"
แต่มันเป็นนกในสกุลเดียว ที่เชื่อว่าหลายๆอย่างยังรอการแยกแยะที่ถูกที่สุดจากนักวิทย์ผู้พลังนะเออ!
           นิสัยของมันคล้าย ๆ กัน ขนาดต่างกัน เสียงร้องของมันแปลกแตกต่างกันไป
พอสังเกตได้
ทุกหมู่บ้านทที่เนพไปที่เมืองดิโบจินี้เนพจะค้างคืน ส่วนซูกิจะกลับไปนอนบ้านกับเมียของตนเอง ซูกิ
สารภาพว่า"เมียของตนเองทุกคนกลัวผี ถ้าขาดตน(ซูกิ)ไป"