วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เองได้

"เองได้" ผมอาจจะโม้มากไปสักหน่อย แต่มันเป็นนิยายมันธรรมดาอยู่เอง เมื่อพบคลื่นลมหวิว ถ้าในความหวิวแห่งลมพัดมีตัวหิ่งห้อยตัวหนึ่งบินผ่านมาด้วยความเร็ว"แวบ"หนึ่ง. เพราะว่าสายลมหวิวมันมีตลอดเวลาเมื่อสังเกตมันเห็นกันทุกคน ไม่จำเป็นต้องบอก เหมือนตอนผมแวะไปริมฝั่ งแม่น้ำบางปะกงตอนใกล้มืดที่พิกัด บางคล้า ผมพบเห็นหิ่งห้อยมากมายที่พุ่มไม้ชื่อว่า"ต้นลำพู"ริมฝั่งบางปะกง ผมรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสไปที่นั้น แ ม้หิ่งห้อยมันเหมือนกระสือ"ผมคิด" ผมจึงแปลกมากและนึกกลัวมัน แต่มันไม่มีอะไร มันเป็นธรรมชาติจริงๆ มันประดับริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงให้สวยงามในยามใกล้มืด หรือเหมือนถ้าเราจะกินอาหารซีฟู้ดม้นต้องมีน้ำจิ้มรสเด็ด อาหารซีฟู้ดจานนั้นมันจึงจะอร่อยมาก กว่าเท่าตัวนอกจากปลาหรือหอยมีชื่อที่ดูน่ากินกว่าคือน้ำจิ้มเป็นตัวเน้นความอร่อย ด้วยเหตุนี้การยูฟิว(euphues )"โม้"ไปบ้างในนิยา ยนี้จึงจำเป็นเพื่อนิยายจะได้มีสื่อแปลกๆและมีรสชาติที่ดีขึ้น"ผมว่า" ผมได้กลิ่นกระดังงา ผมพบว่าชีวิตเป็นทั้งอุปนัยและนิรนัยๆ(deductive&inductive) ถามว่า 2คำนนี้มันคืออะไร"นั่นมันคืออะไรกัน" ช่วยบอกกน่อยได้ไหมว่า"มันคืออะไรกัน"ที่แท้จริง คำตอบมีว่าในมุมมองของผมคือ มันก็เป็นเพียงมุมมองชนิดหนึ่งของคนจาก"การมองอะไรแบบกว้างๆสู่จุดโฟกัดอันยิ่งใหญ่" (จากน้อยไปมากและจากมากไปน้อย) และในทางกลับกันอีกอันหนึ่งตรงกันข้ามกัน"จากการมองอะไรในจุดโฟกัส(focus) เล็กสู่การมองออกไปแบบกว้างๆ" เพื่อนนักศึกษาหลายคนเคยถามผมคำ2คำนี้ ผมย้ำเตือนเพื่อนทุกคนว่าภาาษาอังกฤษมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้ไปอยู่ร่วมกินหลับนอนกับภาษามัน แล้วมันจึงจะเข้าใจดีจำดี นอกนั้นถ้าไม่มีตัวนี้ คือต้องกำหนดจำาสถานเดียวถ้าจำไม่ได้อีกกินพริกขี้หนูเข้าไปหนึ่งเม็ด เพื่อนผมเป็นผู้พิพากษาท่า นหนึ่ง ท่านเคยบอกผมตอนเรียนหนังสือที่อังกฤษพบกันที่ลอนดอน(London) ท่าน ว่า"ทุกๆมาตรากฎหมาย ผมจำได้หมดด้วยพริกขึ้หนู"และท่านเคยเข้าสำนักบัณฑิตยสภา"เกรอินน"(Gray's Inn) หลังจากจบกฎหมายชนิดท็อบเทน(Top ten)จากไทยมาและเรียนเป็นสืบๆ ต่อมา พ่อและคุณชัญญาของผมสั่งผมมาก่อนท่านทั้งสองตายลง ว่าให้ "ลูกไปตามเอาทั้งหมด"ที่พ่อและคุณชัญญทำอะไรไป เช่นเงินยืม คือเป็นเพราะเหตุที่ว่าที่พ่อและคุณชัญญาทำไปแล้วนั้น คือทุกคน คิดว่า"ลูก"คือตัวผมได้หายสาบสูญไปแล้ว ตายไปเพราะความที่ครอยครัวตายึดหลัก"ค่าวี"อย่างแม่นมั่น จึงไม่ทำสัญญาแต่ทำเผื่อบอกล้าง ได้ทางเพ่งพิสดาร"ว่างั้น" พ่อเขาดีนะ่ "ผมว่าแม้พ่อจะขึ้ตีลูกขึ้หึงแม่ก็จริง" เขาดูแลแม่ด้วยตนเอง หอบแม่ไปโรงพยาบาลเปาโล หอบไปวิรัช ศิลป์ สองคนตายาย ไม่ให้ผมมาลำบากแต่ปล่อยให้ผมอิสระในการเรียนและอีกหลายอย่าง จนพ่อเองนต้องเป็นไข้ ยังบอกผมอีกว่า"จะทำอะไรให้ไปทำอะไรให้ไปทำที่บ้านพ่อดูได้" "ลื้อไม่ต้องเป็นห่วง" ผมจึงได้โอกาสเรียนสถานเดียว ผมโชคดีเทวดากับสายลมหวนช่วยพัดกระพือจน ใด้รับทุนเรียนสูงๆชนิดไม่มี เงื่อนไขบัวคับก่อน ต่อมาระยะใกล้จะตายของพ่อแลคุณชัญญาๆ ของผมเค้าก็มาคืน ดีกัน มันน่าเสียดายที่หนังชีวิตของผมคือพ่อและคุณชัญญาเค้ามาคืนดีกันอีกเมื่อหนังชีวิตสมรสอันพิสดารนี้ใกล้จะจบม้วน" "ผมนึกเสียดายว่าท่านทั้งสอวน่าจะอยู่ด้วยกันตลอด" จากพุนพินเมืองริมฝั่งแม่น้ำตาปี ที่มีเมืองท่าอันสมบูรณ์ด้วยผลหมากรากไม้และเรือแลผู้คนและวัฒนธรรมเรือแข่งและตัดสินใจเลิกขายก่วยเตี๋ยวถ้วยกลับมาอยู่เฉยๆที่วังเวงมีรายได้จากสวนมะพร้าวมรดกเดิมของคุณชัญญาๆลูกสาวคนโตของอดีตเศรษฐีในชุมชนวังเวง ส่วนผมตอนนั้นกำลังเดินทางออกจากอังกฤษเข้าฝรั่งเศส และก็เข้ามาผ่านเมืองบ้านเกิดเมือง นอนเก่าของ"กีย์ เดอ มองปัสซังก์"นักเขียนดังของโลก ตอนผมไปเยี่ยมโลกปู่ผมที่เมืองจีน ลิโอว โผวเล้ง กวางตุ้ง (Canton province) ผมนั่งเรือบินไปลงฮ่องกง Kaitak airport, Kowloon territory) ผมพักที่โรงแรมห้าดาวMirama hotel แล้วย้ายมาพักที่YMCA ก่อนจะเข้าจีน ต่อจากนั้น คือผมพบสถานบริการทัวร์จีน(China travel service) ที่นั่น ผมติดต่อไปเยี่ยมปู่ทันที ผมที่หน่วยบริการนี้ ถูกยึดหนังสิอเดินทางไว้และได้ หนังสือเดินทางใหม่ เข้าจีนวีซ่าเสร๊จแล้วเดินโดยสารเรือจากฝั่งฮ่องกงด้วยไฮโดรฟอยด์(Hydrofoid) แล้วไปถึงมาเก๊าเมืองท่าของปอร์ตุเกศ(Portigal)ติดชายแดนจีนแดง ผมเที่ยวที่มาเก๊าเที่ยวคาสิโนมาก็าสองคืนมิได่เล่นการพนัน จากมาเก็า(Macau)ผมพบอนุสาวรีย์ของมาร์โคโปโลนักสำรวจยุคแรกของโลกที่นี่(Marco Polo) ผมเดินทางโดยสารรถยนต์เข้ามณฑลกวางตุ้งพักโรงแรมประจำมณฑลนี้1คืนจึงเข้าบ้านปู่โดยขึ้น รถมานั่งมาโดยรถยนต์คล้าย (บขส)ของไทย ไปไผวเล้ง ลิโอว เผาเล้ง ถึงบ้านก่อนเข้าบ้าน ผมต้องรอจนกว่า อาน้องชายพ่อผมปั่นจักยานมารับ ทางเข้า หมู่บ้านปู่คือ"แพแจ้-ซงแปะอุ้ย" บ้านปู่คือบ้านที่พ่อมส่งเงินาทำให้ พ่อเอาเงินส่งมาให้ปู่ใช้ประจำตลอดเวลา จากเมือวไทยและ ต่อมามีปมสงสัยเกิดขึ้นหลังผมรับมรดกซึ่งอยู่มนระหว่างการสอบสวน เงินพ่อนี้หายไปมาก อันนี้อาจถูกโกงจรืงหรือเปล่าหรื ว่าพ่อแอบส่งไปให้ปู่ที่เมืองจีน เพราะช่วงนั้นจีนกับไทยมีสัมพันธ์ทางการฑูตไม่ราบรื่นและสืบๆมาจนรายรื่น ผมกำลังสอบสวน เพราะหลังพ่อตายไม่มีเงินเหลือ ให้ผมเลยนอกจากบ้านและรถจักรยานและมอร์และนาฬิกา1เรือนและมือถือโนเกีย(Nokia )1เครื่อง ค่าโลงหัวหมูผมออกเองยืมเงินเพื่อนมา ที่เมืองจีนผมอยู่กับปู่และย่า ที่บ้ำนท่าน ผมจับนมย่าเล่นเล่นกับ ย่าเล่นนมย่าใหญ่มาก ย่าไม่ถือตัวเพราะย่ารักผม ผมดึงหนวดปู่ๆก็ยาวและขาวผมลูบหนวดปู่เล่น รูปหนวดปู่เหมือนหนวดคนแก่จีนถือลูกท้อและไม้เท้าในปฏิทินจีนในไทย "ผมจำได้" ย่าและปู้รักผม ท่านไม่ว่าอะไร ขออย่าออกนอกตัวเมืองอย่างเดียว ที่เมืองจีนมียุงเหมือนเมืองไทยที่บ้านวังเวง ผมอยู่1เดือนมิได้ไปไหน ผมจะแวะเข้าพยท่านประธานเหมา"เหมา" ผมถือหนังสทอเดินทางไทยอาชีพนักหนังสือพิมพ์ แต่ไม้ไดรับอนุญาต คงปัญหาการเงินและค่าใช้จ่ายไปปักกิ่งและผมไม่มีญาติที่ปักกิ่งเป็นเหตุผล ทีแรกผมคิดว่าที่จีนแดง ท อะไรก็ฟรีหมด เพราะจีนเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ที่"ผมเข้าใจตอนนั้น" ผมเห็นรถไถเฟอกุสัน(Ferguson)กำลัง พรวนดินในชนบท กำลังทำพรวนดิน ที่จีนแดงตแนผมเข้าไปตอนนั้น ผมเห็น ไม่มีป้ายโฆษณาเลยสักอย่างเดียว จะมี ก็แต่ป้ายภาพผู้นำ และภาพผู้นำลัทธิเรื่องลัทธิคอมมิวนิสต์เช่นคาร์มากร์ เองเจิล...(Karl Marx- Angle, Engels,Lenin, Stalin ,Mao..) เป็นต้นเท่านั้น ทั่วไปหมด ครบหนึ่งเดือนตามสัญญาวีซ่า ผมเดินทางกลับมาทางมาเก็าตามเดิมถึงฮ่องกงทำงานช่วยทำหลุมสุสานคนตายกับเพื่อนพ่อคนหนึ่ง ที่ฝั่งฮ่องกง ในเจตปกครองใหม่(New Teritory) และผมมาพักที่บ้านเพื่อนพ่อจนวี ซ่าเข้าฮ่องกงของผมหมด ผม เข้าพบท่านกงสุลใหญ่ของไทยประจำฮ่องกงท่านประชาฯ และท่านเมตตาฝากผมลงเรือสินค้ากลับไทยถึงคลองเตย กรุงเทพฯต่อมา เรือทะเลแล่นผ่านเวียดนามขณะผ่านทะลจีนใต้ มีเรือบินตรวจการมาเฉี่ยวดู "ผมตกใจ" เพราะตอนนั้นมีสงครามอินโดจีน เพื่อนผมคุณแสงไทยฯนสพ.เดอะเนชั่น(The Nation) ได้นำข่าวนี้ลงหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง ไทยรัฐและนสพ.ต่างประเทศ ผมถูกเขิญตัวไปปทุมวันที่สันติบาล ผมพบท่านผู้การชัชฯแลพถูกสอบสวน และถูกปล่อยตัวกลับบ้านได้ และผมเดินทางไปเรียนต่ออังกฤษต่อมา ผมจะพบายามระลึกนอนกให้ออกว่าคือคิดความหลังเหล่านี้ให้ออกว่าอย่างไรอีกมันน่าอัศจรรย์มากมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกับตัวผม แต่ในวันต่อๆไปอีกผมจะเล่าต่อถ้าคิดได้ ผมเคยคิดว่า "ผมฝันไปรึเปล่าเนี่ย" แต่ตอนนี้ถ้าให้ผมทำอีกผมเดินไม่ไหวแล้วและผมพิการสายตา ผมคิดว่ามันสนุกและลำบากมาก ทางจิตวิทยา ผมถือว่าผมมีพลังฉุด เกิดขึ้นเพราะผมหนีพ่อจากพุนพิน มาหาแม่ที่กรุงเทพฯและมีอุปสรรค จนกลายเป็นอุปราการและมหากาพย์ชีวิตอันยิ่งใหญ่สำหรับผม ในโอกาสต่อมาที่ผมจะกำหนดวันลืมเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้ลง พอว่ายทที้10(4200ช "คนถางป่า" ภาค4ตอนที่98 "พอว่า" ทันทีที่เข็มนาฬิกาบ่งชี้มีเข็มสั้นบอกว่าตีสี่มาถึง ผมตื่นขี้นมาดูแมลงกินผักที่ผมปลูและเถาตื่นมาดูต้นถั่วฝักยาวผม พบตัวสีส้มมันเกาะอยู่ที่ก้านใบ          ผมจับมันใส่ขวดไว้ดูพฤติกรรมไม่รู้แมงอะไรจะถาม พบว่ามันคือแมงมวนศัตรูตัวร้ายแต่ย่ารักในสวนครัวผม           หนอนทากชอบกินคึ้นช่าย(ผักชีใบใหญ่)มากกินหมดถ้าเผลอ ดอกกระดังงาป่าหอมกรุ่นและอุ่นละไมจริงๆผมชอบมากมันหอมเย็น แม่ผมปลูกไว้ก่อนตาย และบอกผมว่าถ้างูแมวเซากัดได้กลิ่นดอกไม้หอมขนิดนี้ รีบหากาแฟกิน มิฉะนั้นตายทันที ตั้งแต่นั้นมา ผมเข้าสวนครัวแม่ ผมพกกาแฟผงติดตัวไว้ ที่นี่ไกลหมอไกลพยาบาล เป็นอะไรขึ้นมาทำนายไว้เลยว่า ตายสถานเดียวหรือถ้าหายก็คางเหลืองเช่นยายผมตายด้วยงูเห่าดอกจัน งูชุมมากที่นี่งูแมวเซางูกะปะ งูเห่าไฟในเวลาออกนอกบ้าน ผมจึวถือมีดงอเคียวติดตัวไปด้วย ตลอดเวลา ถ้าเจองูสู้เราจะได้แะลองยุทธกัน มัาเหมือนพูดเล่น แต่มีจริง มันเป็นพิษเงียบ คนทั่วไปจึงถามว่าแล้สคนที่วังเวง มันอยู่กันได้งัย คำตอบคือรอยยิ้มคือระวังตัวตลอดเวลาและไม่พูดมาก ทุกคนคิดว่าตายถ้าตายก็เผาที่ๆวัดมีเตาเมรุอย่างสะอาดและระเบียบรออยู่ใกล้ในชุมชนเลย "คนหนึ่งบอกยืนยันกับผม ที่จริงผมก็รู้วัดอยู่หน้าบ้านผมเอง แต่ผมไม่เลยไม่เข้าวัดอีกเลยหลังแม่ ตาย เพราะผมกลัวอันตรายเช่นจากงูและถ้าผมเป็นอะไรไปตัสฝวคนเดียวตอนนี้ มันก็น่าเกลียดไปรบกวนใครหามผี และบ้านมีพิพาทผมจึงเสมือนคนถูกตัดหางปล่อยวัด ทายาทผมคือมูลนิธิ ลองวาภาพดู "มันยังงัย" แม่ผมก็อยู่ได้ด้วยใจเป็นสุข คนเราสุขใจแล้วดีหมด ผมถืออย่างนี้แล้วก็จบกันเท่านั้น ใครจะว่างัยก็ช่างเพราะคนรุ่นใหม่ ที่นี่ที่บ้านผมมีบุญคุณกันมาก แม้ต้นใบมะกรูดยังไม่มีเลยบา งบ้าน "แม่ผมปลูกเก่ง" แม่ผมเลยมีบารมีมากเรื่องปากท้อวคนที่นี่ ผมไม่มีบารมีอะไรเลยเกิดมาที่นี่ มืหน่ำซ้ำไม่เคยอยู่บ้าน ไปแต่เมืองนอก พอปมกลับมามรดกเลือดของแม่ผมๆก็อาศัยบามีแม่ผมทุกวันนี้ ถ้าหมดบารมีแม่ผมก็คง ตายพลันแน่นอน ผมเริ่มเตรียมน้ำมัน(linseed brush pine oil Winsor colors set) และภู่กันและผ้าใบวาด(artist canvas) ภาพสีน้ำมัน ผมเห็นเมื่อ40ปีที่แล้ว ประจำ คนจะเป็นขอทานก็ไม่ใช่ คนพเนจรก็ไม่เชิง โจรดูคล้ายๆกันแต่มือไม่ไวเหมือนโจรและสุภาพ ผมเห็นทุกวันเมื่มองไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วพบว่าะวกเข่เดินเข้าไปวังท่าพระ เขาเข้าไปทำไมในวัง "ผมนึกสงสัย" แต่แล้วต่อมา พบว่านั่นมันเป็นมหาลัย สร้างคนเป็นนักวาด ผมอยากเป็นนักวาดบ้างทำงัย ผมถามตนเอง คำตอบไม่มีตามมาหลังผมถาม วันหนึ่งในทุกปีปีต่อมา ผมพบว่า มีคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งไม่มากนัก แต่งตัวสุภาพ เรียบร้อยอย่างกะผ้าพับไว้ เสิ้อสีขาว กางเกงหลายชนิด ผมไม่อยากจำแนกมัน แต่เขาไม่ใส่รองเท้าแตะ พบว่าพวกนั้นเขามาสอบ สอบอะไร ผมถาม มาสอบเรียนวาดภาพที่มหาลัย ได้บ้างตกบ้างส่วนใหญ่จะสอบตก อีกๆไม่นานในเช้าวันหนึ่ง ผมพบว่ามีเสียงอึกทึก แต่วตัวดีชุดคนเรียนแต่หน้าตาแแต้มเต็มไปหมดด้วย สี แต่ฟันทุกคนสะะอาดขาว ผมงงว่ามันคืออะไร ต่อมาผมจึงรู้ว่าเขากำลังรับน้องใหม่พิธีกัน สำหรัยคนสอบติดเท่านนั้น ผมโง่และบอดเขลา คิดอยากเป็นอยากทำอยากสนุกอย่างเขาแต่ผมเป็นไม่ได้ ตอนนั้นผมยังเด็กจึงนึกๆและหายใจเข้าๆออกแล้วก็กลับไปที่แพเรือริมฝั่งน้ำเอนหัวนอนม่อยหลับบไป 10ปีต่อมาผมได้ตามเก็บภาพวาดที่เขาฝึกและเสียแล้วทิ้ง ผมเห็นแล้ว พึมพำว่า"มันสวยดีไม่น่าทิ้ง" ผมเก็บมาทำฝาผนังเรือนแพของผมและเมื่อว่างผมจะนอนนอนดูมัน อีก5ปีต่อมาผมได้เป็นนักวาด จำไม่ได้ชัดว่าเพราะอะไรจึงเป็น แต่ที่รู้คือได้ทำอะไรตามใจชอบ แต่มีขอบเขตใรคานวาสที่วาด ผมทำอยู่10ปีได้ภาพ3ภาพ และมีฝรั่งที่มาเที่ยววัดพระแก้วเห็นเข้าแล้วซื้อไป ต่อมาผมมาปารีสบินมามิได้เดินมา ผมเห็นเขาสาดภาพกันอีกแล้วสนุกมากที่มองมารต์(Montmartre Paris 7) เป็นเกาะกุ้งใจกลางกรุงปารีส ผมกินไวน์มึน ผมจึงคิดว่า อยากวาดภาพกับเขาบ้าง ผมทำงัย ผมจึงวาดๆและวาดไป ขายได้ฝรั่งซื้อไปอีก จนมีฝรั่งมาบอกผมวาดภาพเหมือน ให้เขาผมทำตาม ทั้งๆที่ผมไม่รู้ว่าไงดีรู้ดพียงว่าให้าเปื้อนบนคานวาส และอย่าให้เลอะออกมานอกกรอบภาพ ผมทำอยู่หลายนาที จนเพลินไปกับภาพน้ำมันลินซีด(linseed liquid) กลิ่นหอมชวนดมแทนกาวได้ ผมทำไปไม่เสร็จดี ฝรั่งคนนั้นเขาบอกว่าดากอ(d'accord)แปลว่าโอเค(OK =all correct or Oklahoma residenceคือผมฟังมาว่ามีที่มาเป็นอื่นอีกเดิดในอเมริกา) เขาควักเงินให้ผม ใใใใใฝฝฝใใใใใใใใใใจบตอนปูจิโอ ผมตอบว่าแทงกิ้ว(Thank you) แปลว่า"โบ กู"(beaucoup) ภาษาฝรั่งเศษเป็นไทยว่า"ขอบคุณ" แต่รอยยิ้มขอบคุณของผมกับยกมือสิบนิ้วไหว้เขามันสนิทกว่า คำพูดหนึ่งแทรกมามันยังไม่สมบูรณ์(not finish not finish) ( pas finis pas finis) อีกเสียงบอกว่า พอๆ(assez ..- assez..=enough) ผมชอบยังงี้ อีกคนอุทานว่า ใช่ได้(OK OK excellence excellence) มันเป็นภาพนามธรรมๆ(abstract! abstract art) คนหนึ่งอุทานขึ้น คำนี้ทำให้ผมตอนกลับไทยผมมาเปิดร้านที่จตุจักรโครงการ7และได้พบกับท่านเฉลิมชัยสำนักร่องขุ่นต่อมา หลายรายผ่านไป ผมถูกจับ ตำรวจพาผมไปโรงพัก ผมก็ไปกับเขา ได้เวลานอน เพราะผมถูกจับในเวลากลางคืน ผมนอนหัวเราะ เพราะอยู่ดีๆเจาก็พามานอนห้องนอนอุ่นๆอย่างนี้สบายไปเลย ที่ห้องพัก ผมนอนหนาวจะตายหิมะสาดตกมากับลมผ่านหน้าต่างชำรุดแถมกระเด็นตกใส่ สักครู่ต่อมา มีเสียงตะคอกว่า จับคนนี้มาทำไม อีกคนตอบว่า เขาไม่มีบัตรทำงานวาดภาพ เขาสั่งปล่อยตัวผมไป และกำชับว่า"คุณพรุ่งนี้คุณไปขอบัตรวาดภาพเสียเพียงไม่มีก้าว "คุณแวะไปจากโรงพักนี้ลงเขาน้อยนี้ไปเลี่ยวขวาข้ามถนนตึกข้างหน้าคือสำนักงานจดทะเบียน( (La Maison des Artistes )- Sécurité sociale ) แล้วขอขึ้นทะเบียนเสียภาษีเป็นนักวาดเขา" การสอบถามเกิดขึ้น ต่อมาใบอนุญาตของผมออกมาเป็นแผ่นหนังสือและต้องไปเสียภาษีประจำปีแต่นั่นเป็นต้นมาผมเป็นศิลปินอาชีพไปเลยแม้หลับๆนอนๆ ก็ได้เงินใช้ (Artist) ผมได้รับจดหมายขอบคุณจา กบรรณาธิการนิตยสารVogue สากลชมว่าภาพคุณสวยดีแต่ผมย้ายบ้านตลอ ดเวลาจดหมายนี้หายไปและจึงขาดการติดต่อเพื่อจัดแจงเสนอทำภาพประกอบ แต่นั่นมาหลังรับจดหมาย ผมเริ่มมีสุงสิงกับสาวๆและไวน์มากขึ้นจนสนุกมากจะเล่าทีหลังและ อีก5ปีต่อมาผมบินกลับไทย เพราะได้อารมณ์ลึกลับดี แต่คอยระวังไฟไหม้ เพราะอุปกรณ์นักวาดมันเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับเผาบ้านวังเวงให้หมดได้ในพริบตา ฉะนั้นผมจะวาดภาพสักที มันเรื่อง มาก ผมขาดสแตน (Artist Easel Stand )แต่ถ้าผมอารมณ์ดีๆผมทำมันเองได้ ผมได้กลิ่นกระดังงา ผมพบว่าชีวิตเป็นทั้งอุปนัยและนิรนัยๆ(deductive&inductive) ถามว่า 2คำนนี้มันคืออะไร"นั่นมันคืออะไรกัน" ช่วยบอกกน่อยได้ไหมว่า"มันคืออะไรกัน"ที่แท้จริง คำตอบมีว่าในมุมมองของผมคือ มันก็เป็นเพียงมุมมองชนิดหนึ่งของคนจาก"การมองอะไรแบบกว้างๆสู่จุดโฟกัดอันยิ่งใหญ่" (จากน้อยไปมากและจากมากไปน้อย) และในทางกลับกันอีกอันหนึ่งตรงกันข้ามกัน"จากการมองอะไรในจุดโฟกัส(focus) เล็กสู่การมองออกไปแบบกว้างๆ" เพื่อนนักศึกษาหลายคนเคยถามผมคำ2คำนี้