วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ตอนีที่ 40 เสียงเพลงนี้มันสะเทือนใจฉัน "ขอและฟังเพลงเดี๋ยวที่รัก"




ตอนีที่ 40  เสียงเพลงนี้มันสะเทือนใจฉัน "ขอแวะฟังเพลงเดี๋ยวที่รัก"



เนื้อร้องที่ชาร์กำหนดแต่งขึ้นเองเพืาอไว้ทุกข์ให้ยอดรักคือวิเวียนน์ขบองชาร์ผู้ที่ตายไปแล้ว
"เสียงรัก"

นี่หรือเสียงแห่งรัก
นี่หรือคือความจริง
แน่หรือว่าไม่หลอกลวง

แน่หรือว่าไม่เพ้อเจ้อ
แน่หรือมิใช่แค่รำพัน

มันคือเสียงเพงลง
มันคือเสียงเพลง
มันคือเสียงเพลง


มันคือความรัก
มันคือความ ฝัน
มันคือดวงใจ
มันคือความจริง

แน่นอน ...มันคือดวงใจ

ฉันไม่เข้าใจว่ามันเป็นงี้ๆ...ได้งัย
มันเป็นงี้ได้งัย

ทันทีที่โทรมือถือวางลง
ฉันรู้สึกว่าใจของฉันมันถูกขโมยไป


ทำงัยดี
ทำงัยดี
ทำงัยดี


ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ

แต่ว่าเธอซิ
แต่ว่าเธอซิ
แต่ว่าเธอซิิ


พอดี ฝนมา
พอดี ฝนมา

โอ้ฝน !ฝนจ๋า  !ฝน!

คืนนี้ขอฉัน ขอฉันนอนกอดเธอน่ะ..นะ่..น่ะ..ฝน
แม้เธอจะเปียกฉันก็จะเปียก ..ฉันก็ยอม..ฉันก็ยอม


แม้ฉันจะหนาว.. ฉันจะหนาว
ฉันก็ช่างหัวมัน..ๆๆๆ


แต่ตอนนี้ที้ฉันรู้ ฉันมีเธอ
แต่ตอนนี้ฉันรู้. ฉันมี..เธอแล้ว
ฉันพอใจ
ฉันพอใจนะที่รัก..จะจ๋า

น้องฝนคนดี
น้องฝนคนดี
ขออย่าจากพี่ไป.

จบ


พอเสียงเพลงงจบลประตูแง้ม
"ใครนะ"ชาร์คิด

ปรากฏว่า "เป็นผู้หญิง"ถ้าสายตา ของชาร์
ไม่มั่วนิ่ม แม้จอประสาทตาของขาร์บางครั้งไม่น่าไว้ใจ มันสั้นบ้างยาวบ้าง แล้วแต่อารมณ์

พร้อมเสียงตามมาอีก
"วิเวียนน์งัย"

โอ้ยผีหลอกกูอีกแล้ว "ชาร์ตวาด"

ก็วิเวียนน์ตายไ ปตั้ง10ปีแล้ว แล้วจะมาวิเวียนน์อะไรอีก
ไม่เข้าใจ

ชาร์ทบทวนความคิดสักนิด
ลำดับไปจากวินาทีที่ได้ยินเสียงว่า"ก็วิเวียนน์งัย"

จนวินาทีนี้
มีแต่ความว่างเปล่ากับความมืดผสมด้วยไฟน้อยแรงเทียนสีโคซี่(Cozy อบอุ่นสบาย)ที่ติดอยู่

เมื่อตะกี้ชาร์แต่งเพลงพึ่งจบลง
จบลงด้วยเสียงตอบรับแบบละเมอออกไป
"ก็นั่นงัย"-"ความรักที่มีต่อเธอ"

แต่นั่นมันเป็นอดีต
"ชาร์มั่นใจ"
นั่นมันเป็นอดีต"ชาร์ย้ำ

เราไม่ใช่เด็กอมมือ"ชาร์ปรามตนเอง"
"จะมาคิดเรื่องรักๆ
ใคร่ๆอะไ่รอีกป่านนี้แล้ว"
ชาร์ลั่นวาจาอยู่ในใจ


แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่จบแค่นี้ 
ชาร์คิดว่าจำเป็นต้องคิดต่อไปเพราะสมองมีไว้เพื่อคิด
"อะไรก็ได้ แม้จะคิดมากหรือมากคิด"


ชาร์จึงคิดต่อไปทันทีที่ชาร์บอกใจด้วยประโยคนี้จบลง

คือทบทวนความคิดเสียใหม่

"แต่เสียงแว่วๆ ที่ได้ยินไปสักครู่เมื่อตะกี้ คือสงสัยว่า
มีใครจริงๆไม่รู้มากระซิบเบาๆว่า

"วิเวียนน์งัย"


ชาร์รู้ว่า"เจน"ไม่กล้ามาดอดทะเล้นกับเจ้านายของเธอแม้เจ้านายของเธออย่างชาร์เองจะดู "บ๋องๆ"ซักหน่อยก็จริง

"ผีแน่" ชาร์คิดอย่างสงบและสงสัยขึ้นมา
ทันที

จึงหวนคิดถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชาร์เคยอ่านนานมาแล้ว
ที่เกาะสุมาตรา ขณะชาร์โดยสารเรือข้ามไปสุมาตราจากสิงคโปร์มันเป็นฉบับภาษาอังกฤษชาร์จำได้

"ไม่มั่นใจว่าที่ท่าเรือชื่ออะไร"
ต่อท่าอะไรติดต่อกันไป
ในการเดินทาง "แต่เป็นกลางทะเลระหว่างเกาะ"ที่เรือกำลังแล่นไป
เพราะตอนนั้นเป็นเว
ลากลางคืน " และชาร์ยังจำได้ว่า
ออกมาเดินเล่นที่ท้ายเรือ พบน้ำทะเลและเรือพาเร
าที่กำลังพุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทาง "มันเป็นเรือโดยสาร" เพราะแรงปั่นของเรือแล่นไปข้างหน้าอย่างเร็ว อันนี้มิใช่เรือประมงหาปลา
ที่"เราอาศัยมา'" เพราะเหตุจำเป็น

แต่จำได้ว่าถึงเกาะสุมาตราตอนเช้าอย่างปลอดภัยพร้อมความเหนื่อย

ก็ที่จะบอกคือ
มีหนังสือเล่มหนึ่งที่คาบิน (Cabin)ของเรือ
ที่ชาร์นอน หนังสือเล่มนั้
นดูเหมือนหรือเกี่ยวกับที่มีชื่อว่า Extra sensory perception: transmeditation by Lubsang rampa  
  เป็นหนังสือเกี่ยวกับสมาธิทางจิต และวิญญาณ และตาที่สามและและ ประสาทที่6  แม้จะคาบเกี่ยวยาหรือความจริงที่ทำให้คิดอย่างนั้นนี้โน้น คือมิใช่หนังสือเรื่องยาและผลข้างเคียงขอ
งผู้เสพยาLSD(  Lysergic acid diethylamideสกัดจากราบนข้าวไรย์ สารเสพติดชนิดรุนแรง คนเสพเข้าไปลืมตัวอาจจะกระโดดจากที่สูงเช่นตึกได้ ชาร์จำได้ว่าหมอทางจิต"ทีโมที"ทำให้ยานี้มี
ชื่อเสียงรู้จักปรากฏไปทั่วทั่งเชิงลบเชิงบวก

ต่อมา ชาร์คาดว่าผลจากการทดลองของ หมอทิมอที
แลรี :Timothy Learyผู้ดังกับยาขนานนี้เขาเป็นหมอจิตบำบัดที่เป็นภัยกับประธานาธิบดีนิกสัน)สมัยนั้น ยากล่อนประสาทอะไร
ก็อันนี้ ชาร์เลยมองว่า ระบบESP ตามที่หนังสือนี้กล่าว ถึงมันคือทาวอ้อมใหม่ของคนติดยานี้คิดหรือไม่ คือคิดแบบตาสามคือคิดแบบเสพLSDที่ไม่อาศัยสูตรเคมีทางเชื้อราแต่เป็นการอาศัยสูตรเคมีทางจิตสมาธิแบบที่ปรากฎในหนังสือ เกี่ยวกับที่ชื่อ "ลุบซางรามพา"Lunsan-rampa อันนี้สื่อไปทาง
ทิเบต




และเรื่องฝ่ายจิตที่มีสภาพนามธรรม สัมพันธ์กับเรื่องสมาธิที่ธิเบต สมัยหนึ่ง

sixth sense ที่พบหนังสือเรื่องนั้นเรียกมันว่าคือESP:Extra Sensory Perception(เรื่องนี้ชาร์ไม่นำมาเขียนเป็นประเด็นหลักในนิยายเป็นเพียงแสวงหาเหตุผลมาสนับสนุนเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริงชัดเจน เช่นเสียงเพรียกร้องเรียกที่ชาร์ได้ยินขณะแต่งเพลงอยู่และสดุดลงและเสร็จได้ยินเสียงเพรียก

ดังมา:วิเวียนน์งัย:แม้วิเวียนน์ตายไป เสียงนี้มันเกิดขึ้นได้งัย แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร "ถามซ้ำ": การให้คนนอกและตนเองยอมรับ เช่นเรื่องนี้จึงอ้างเรื่องในหนังสือที่เป็นเรื่องของ"ลุบซางรัมพา": Lunsang Rampaใมโนคติของตาที่สาม
แม้ชาร์เคยเรียนเทววิทยามาบ้างแต่มิใช่ประเด็นจะมาสมอ้างเรื่องลี้ลับนี้ แม้ตอนนี้ชาร์เองก็มี"มิเม
ย์"และ"หิมะ"เป็นตาที่สามของชาร์อยู่ตลอดเวลาว่า 
"วันนี้ควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร" 
"อย่าไปตรงนั้นไปตรงนี้มีงูมีอันตราย" ซึ่งชาร์เองรับรู้จน ชาร์เองไม่มั่นใจว่าอันนี้เป็นตาที่สามที่มิเมย์และหิมะบ่งถึงจริงๆ หรือเพราะความปกติของชาร์ที่ต้อง
คิดเอาเอง 

เพราะมิเมย์และหิมะเป็นสัยว์แม้ขาร์ยกให้เป็นนางเองและนางรองของชาร์คือเป็นเมียหลวงเมียน้อยของตนเองนั่นเอง 


ต่อมาชาร์
ตัดสินสรุปไม้ได้ว่าอะไรคืออะไร แน่

ชาร์ก็รับฟังในข้อเชื่อว่าตาที่สามมีจริงไว้นอกจากหนังสือที่พบในที่เรือข้ามทะเลไปเกาะสุมาตราวันนั้นที่ห้องนอนบนเรือ
ชาร์ได้อ่านและะสนใจและวางไว้ที่เดิม ที่สำคัญเป็นภาษาอังกฤษสื่อและมีข้อน่าอ่านสัมพันธ์กับลัทธิในประเด็นศาสนาและจิตวิญญาณผสมอยู่มากที่เกิดขึ้นในทิเบต

และตอนนี้
จึงเอาหนังสือเล่มนี้มาเปรียบเทียบความคิด
หาข้อสรุปจากการได้ยินเสียงคนตายไปแล้ว
ว่าจริงเท็จหรือประสาทหลอนที่ไม่ได้เสพLSDกันแน่ ไปเท่านั้
นเองอันเป็นประเด็นสำคัญ
)



เอาละทันทีหนังสือเล่มนี้วางลง ชาร์หลับสนิทเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง

หลังชาร์นอนหบับไปงีบใหญ่
พอลุกขึ้นมาอีกครั้งจึงได้ความคิดว่า

"ในสังคมมนุษย์
มีอะไีรอีกหลายอย่างที่เรายังไม้รู้กันคือ เช่น
เรื่องวันนั้น มีเสียงดังกล่าว

"ก็วิเวียนน์งัยละ"นั่นเป็นเสียงของเมียตนเองที่ตายไปนานแล้ว

เพราะฉะนั่นเสียงนั้นคือ


ผี หรือคน 
เป็นหนึ่งคำถาม

หรือโจร หรือเสียงใครอำพรางล้อเล่น

หรือผู้ร้ายหรือ"ดามุก"แอบมาทำหลอนประสาทให้สติอ่อนไปรึป่าว

ที่ชาร์คิดว่าทั้งหมดนั้น"เราประสบมาตลอดทุก
วินาทีที่เราอยู่ที่คฤหาสน์เขร์นัวร์"
และอีกต่างหากคือ
รวมทั่งเวทย์มนต์

ที่มีอันตรายบ้างไม่จริงบ้าง จริงบ้าง สงสัยบ้าง การเมืองบ้าง
แต่ขาร์ไม่เคยใช้สารเสพติดทุกชนิดแม้ระดับยาหลอนประสาทLSD

นอกจากกาแฟและชา


เมื่อหวนกลับมาคิดถึงเรื่องเมื่อวานนี้

เป็นเสียงว่า"วิเวียนน์งัย" ทันทีที่เสียงนี้หยุดสงบลง
และเงียบไป

ชาร์มั่นใจว่านี่คือ"คุณ"วิ "นิ"

แต่คุณวิตายไปแล้วเกือบ10ปี แล้วจะมาทำ

อะไรอีกล่ะ"ที่รัก"
ชาร์โพล้งตอบทันควัน

ผีกับคนรักกันไม้ได้ตามสูตรของคนและมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน "ชาร์ย้ำ"
แต่ถ้าบังเอิญวิเวียนน์ฟื้นคืนชีพขึ้นมา โอ้ย!ชาร์ชอบถ้าจริง



"เจน"นั่นไม่มายุ่งกับเรา

เมื่อชาร์มาวิเคราะห์แล้ว
อาจจะเป็นเสียงวิญญาณของ"คุณวิ"ก็ได้

เพียงการคิดการนึก จิตสัมผัสแนวใหม่ของคนอาจจะมีการสื่อทางวิญญาณ มันอา
จจะมีได้
เพราะบางอย่างมีวิชาการยอมรับอยูแม้แบบ
คลับคล้ายคลับคลาแต่ก็มีเหตุผลหนุนรอ เหมือน
ในหนังสือตาที่สามมี
หนังสือนั้นกล่าว

รองรับอยู่พอฟังได้บ้าง
เพราะฉะนั้น

ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะปฏิเสธว่า
"ผีไม่มีจริง"
หรือว่าวิเวียนน์ฟื้นคืนชีพ
มาจริงๆ
ถ้าจริงพรุ่งนี้ไปหลุมฝังศพคุณวิ ศพคุณวิต้องหายไป

ชาร์หยุดคิดไว้เท่านี้
แล้วไปฟังเสียงเพลงจากมือถือต่อ เพราะนั่นคือ
"ความสุข"

ต่อไปคือเสียงของสุภาพสตรีผู้นี้ที่เคยฟังมากในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
แต่ก็อยากจะฟังอีก..มันไม่เบื่อนั่นคือเสียงของ










ของ
Connie Francis

มี
เนื้อ
เพลงด้วย
เนื้อร้อวดังต่อไปนี้ สมัยก่อนฟังไม่มีเนื้อร้องให้ได้ดู


"Women in Love 
  by
Barbra Streisend

Life is a moment in space
When the dream is gone
It's a lonelier place
I kiss the morning goodbye
But down inside you know
We never know why
The road is narrow and long
When eyes meet eyes
And the feeling is strong
I turn away from the wall
I stumble and fall
But I give you it all


I am a woman in love
And I do anything
To get you into my world
And hold you within
It's a right I defend
Over and over again
What do I do?

With you eternally mine
In love there is
No measure of time
We planned it all at the start
That you and I
Live in each other's hearts
We may be oceans away
You feel my love
I hear what you say
No truth is ever a lie
I stumble and fall
But I give you it all

I am a woman in love
And I do anything
To get you into my world
And hold you within
It's a right I defend
Over and over again
What do I do?

I am a woman in love
And I'm talking to you
You know, I know, how it feels?
What a woman can do
It's a right
I defend over and over again

I am a woman in love
And I do anything
To get you into my world
And hold you within
It's a right I defend
Over and over again


อ้างซ้ำจากGoogle.com
07/08/21







ตอนวิเวียนน์ยังไม่ตายเธอชอบกิน
น้ำปลาญี่ปุ่นชนิดเหยา
ะๆสายพันธุ์ซอสถั่วเหลืองโชยุญี่ปุ่น คล้ายตราตราทาคูมิ-อายิปัจจุบันเธอชอบ
มากกับไข่ดาว
อันนี้อันเดียวของ
สำนักผงชูรส
"อายิโนะโมะโต๊ะ" 



ต่อไปอีก

เพลงที่ชื่นชอบที่ทำให้ชาร์มกำลังใจทบทวน
ตรวจทานและเพิ่มเติมงานวรรณกรรมของคุณวิ
ผู้เป็นเมียและนางเอกผู้อาภัพของชาร์ใน
เรื่องนี้ที่ตายไปแล้ว 
แต่ศพยังไม่เผาโดยฝั
งไว้ตามสูตร จนกว่างานวรรณกรรมคฤหาสน์เชร์นัวร์นี้เสร็จสิ้นลงสมบูรณ์


เพลง
ืคือเพลงในอดีต ยุค -50 -60 -70 (นับแบบจากปีคริสต์ศักราช)มีเพลงเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ ที่ชาร์โปรดปรานเป็นพิเศษ

Kiss Me Good Bye
by
Petula Clark และ
Kelvin Williams

"We choose it, win or lose it
Love is never quite the same
I love you, now I've lost you
Don't feel bad, you're not to blame


So kiss me goodbye and I'll try not to cry
All the tears in the world won't change your mind
There's someone new and she's waiting for you
Soon your heart will be leaving me behind
Linger awhile, then I'll go with a smile
Like a friend who just happened to call
For the last time pretend you are mine
My darling, kiss me goodbye

I know now I must go now
Though my heart wants me to stay
That girl is your tomorrow
I belong to yesterday

So kiss me goodbye and I'll try not to cry
All the tears in the world won't change your mind
There's someone new and she's waiting for you
Soon your heart will be leaving me behind
Linger awhile, then I'll go with a smile
Like a friend who just happened to call
For the last time pretend your are mine
My darling, kiss me goodbye
My darling, kiss me goodbye"

 พบเพลงนี้ในช่วงโควิด-19ระบาดและอ้างเชื่อมโยงและอ้างซ้ำจากGoogle.com
07/08/21







ประเด็นเขียนและการอ้างเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิ์ในเอกสารที่เรียกว่าลิขสิทธ์นี้
ชาร์ยอมรับเรื่อง



Economic value fair use in copyrights

ในการอ้างอิงและเวอชั่นส์ของชาร์คือจะไม่เว่อร์ เช่นการนำเนื้อร้องมาผนวกในงานเขียนแม้อันนี้วิเวียนน์เขียนไว้ทั้งหมดแต่ตอนนี้ชาร์รับผิดชอบและกำหนดว่าอะไรควรไม่ควร ลิขสิทธ์หมดอายุหรือยังไม่หมดอายุรวมทั้งการขออนุญาต
ชาร์มั่นใจว่าต้องให้ถูกต้องเสมอ ถ้าไม่ถูกทำเสียให้ถูกอันนี้เป็นมอราลเลี

ก่อนเราจะได้พบกันอีกกับตัวหนังสืออันมากมายนี้ รวมทั้งข้อกำหนดของสังคมที่ชาร์ไม่ชอบละเมิด

ในสิทธิของผู้อื่นในการธำรงตนที่คฤหาสน์เชร์นัวร์และที่อื่นใดอย่างเป็น
สุ
ขและนอนได้ตาหลับเ
มื่อ"ชาร์"ได้ตายลงอย่างสมบูรณ์พร้อมใบมรณะบัตรอันทรงเกียรติแด่ผี
ผู้วายชมน์ต่อไป

แต่ช่วงก่อนตายและหลังตาย" ดามุก"ต้องมารับผิดชอบในการกระทำทุกเรื่องที่ที่มันทูตกันด้วยเพราะพบว่าดามุกชอบมากวนสมาธิชาร์และคณะทำให้เรือของ
ชาร์เสียหลัก อันนี้เป็นคำสาปจากเทพเจ้าแห่งความจริง

ตอนที่41 "ส่วนเกิน"

"ส่วนเกิน"

ลัทธิอรรถประโยชน์

สำนักปรัชญา

Imprest  ออกเสียง แต่มันimpressนะที่ชาร์หมายถึง

หนังสือcounter point ของAldoux Huxley

ทำไปทำมาชาร์ได้เจน
เป็นคู้คิดคู่ขา แต่เราไม่มีอะไรกัน"
พวกทาสที่เขนัวร์และพวกดามุกคิดว่าเตนเป็นเทียลับของชาร์แต่เจนทำทีว่าเป็นคนใช้มีเงินปีจากคฤหาสน์ แต่ชาร์กัยเจนไม่ทีอะไรกันท้ามห้พวกดามุกเชิงลบมาตั้งวงตรปิดแอบดูได้เพราะเดี๋ยวนี้มีกล้องวจรปิดชนิดละเอียดสุดขีดแล้วเฉียดคาร์บอนส์14 และดีเอ็นเอ

ขาดไปคือกลิ่นคือส่งกลิ่นทางมือถือ ทำได้ "เพราะเจนเชื่อว่า มรุษย์ทำได้ทุกอย่าง"วันหนึ่งเจนาารภาพกับชาร์" ชาร์หัวเราะเมื่อได้ยินคำนี้แต่คล้อยตา
มเจน เพราะเตรเป็นคนใ
ช้ แต่เจนก็เป็นปัญญาชน

"ชาร์ไม่สะอึกในคำพูดของเจน"

พวกดาทุกคิดว่า ชาร์นี้โง่
บัดซบ เป็นเศรษฐีส่วนเกิน
มีแต่อดีต และดามุกอิจฉาและริษยา
คอยจ้องว่า ชาร์น่าตะโอนส่วนเกินมาให้พวกตน แต่
ดามุกทำไม่ได้ แต่มีทาง
By -passคือทางเบี่ยง
เขากำบัวทำกัน
บองติดคามแนสคิดของดามุก ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป "ชาร์นั่งครุ่นคิดอยู่
อย่างภาพปั้นของ.......ครุ่นคิด :Le Penseur- The Thinker) งโดยโอกุสต์ รอแด็ง
ปฏิมากรชาวฝรั่งเศส ที่ตัวจริงปั้นตอนนี้อยู่ที่ กรุงปารีส ในประเทศฝรั่งเศส รูปชายนั่งคิดเหมือนมีความขัดแย้งภายใน รูปปั้นมักจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของปรัชญา
โดย...Auguste Rodin..(ออกุส โรแดง=ภาษาฝรั่งเศส..สำหรับรูปจำลองมีหลายๆแห่ง ในส่วนที่ปรากฎหลางถนนในในเมือ
งของปารีส(Arrondissement
เขตที่....)เขามีไว้เป็นอนุสรณ์ ที่ชาร์เห็นขณะเดินเชื่อว่ามิใช่ตัวจริงเพราะตัวจริงเป็นบร็อนซ์แบะหินอ่อน
อย่างไรก็ตามชาร์ไม่ชอบเป็นคนอ่อนอ้างอิงหลักฐานคือเมื่อไม่แน่ใจตะไม่นำมาพูดอ้าง
ทุกอย่างในชีวิตชาร์จึง
เน้นการอ้างอิงเหมือนกับการมีโอกาสได้ปรากฏตัวบนที่หน้าบัลลังก์ศาล

ชาร์จำได้ที่เที่ยว และหลงทางไป เลยเหลือบไปเห็นเข้าเป็นอาหารตา (food of visions) อาหารใจ(food of thoughts)
ก็นี้งัย ที่ชาร์ชอบปั้นแกะอย่าง ปฏิมากรทำ

เคยเรียนบ้างเป็นวิชาโท ในระดับอนุปริญญา และสอบได้
!แต่เมินเสียเถอะ'ดามุก' คิดหรือว่าข้าจะทำให้ส่วนเกินที่ข้ามีอยู่นี้นี้หายไปจากตัวข้า !  "ชาร์ทนงใจในตัวเองอยู่ในใจอย่างเงียบ" เพราะมันเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ขาร์เหลือมันพร้อมกับลมหายใจชุดสุดท้ายก่อนตายที่มันดื่มกินได้ "ปณิธานของชาร์"


!โง่บัดซบ!  ดามุกมองชารฺด้วยใจหนยามเหยียดต่อชาร์
และชาร์ก็ยอมรับว่าตนเองนะโง่ในสายตาของพสกดามุก "แต่เดี๋ยวก่อนสหาย
'เราจะขายความโง้นี้แก่เจ้า' เพราะเราไม่คิดคิดคดโกงทรยศต่อคใามรู้สึกของใครๆเหมือนพวกเจ้า"

เราจะทำความโง่ของเราให้ฉลาดให้เป็นสิ่งใช้ได้เหมือน ดังที่าำนักปรัชญา
Unitarian สื่อเอาไว้'ลัทธิอรรถประโยชน์'
ให้ได้เจ้าจงรู้ไว้ ข้ามีส่วนเกินของข้าเป็นเดิมพัน
ก็ดพราะพวกเจ้าคิดลบอย่างที่พวกเจ้ากำลังคิดงัย พวกเจ้าจึวเป็นคนมีบาปในสายตาของสังคมเชรัวร์"
ชาร์กล่าวในมิตินี้ในใจของตนเองที่สุด
ผ่านม่านหน้าต่างเชนัวร์ออกไปที่ที่ทุ่งมีหญ้าป่านาและฟ้ากว้างอย่าง (impress)ประทับใจ
ของช่วงเช้าวันหนึ่ง

คนเขารวยกันตูมตาม
แต่ชาร์ไม่มีวี่แววว่าจะรวยเหมือนเขาบ้าง 'ท่าดีทีเหลว'
'ดามุกเหยียดชาร์กัรถ้วนหน้า"

"อ้าว!ทำไมพวกเธอยังมาคงตามล่าความโง่ของ(ชาร์)เราอีกล่ะ"

ชาร์กล่าวโต้ความรู้สึกของพวกดามุกอยู่เงียบๆ
และ
คิดต่อไปพูดต่อไปในใ
จอันสดใสและปราศจากอคติของตนเองว่า

:
  ก็ถ้าตนเองคิดว่า 'เราโง่ เจ้าจงไปตามคนที่รวย และรีดไถ และจ้องเอาความมั่งมี
และส่วนเกินของคนรวยเหล่านั่นซิ'  "แต่นี่พวกเธอไม่"

แสดงว่าพวกเธอแย่มาก ตามหากินกับคนมีแต่ส่วนเกินเยี่ยงอย่างเรา ส่วนคนที่มีป
มเกินกว่าเรา ทำไมเจ้าไม่ไปจ้องเอาของเข
าเหล่านั้นล่ะ..หรือว่าเขาไม่เปิดทางให้ ไม่ให้ช่อง
โหว่แก่พวกเธอ พวกเจ้าจึงไม่มีปัญญาทำ

พวกเจ้ามีดีแต่จะคอยรังแกคนด้อยกว่า เหมือน

'พรานนฝนตกพรำ'ดักช้อนจับกิน"อึ่งปากขวด"ที่ลอยคอพรอดรักกันในหนองนาแล้วไปทอดหมกเกลือกินซึ่งง่ายกว่าจับกบทำกิน !ใช่มั้ย!

'อย่างนั้นใช้มั้ย' ชาร์ย้ำ

ก็นี่ละ แววแห่งแรงอิจฉาริษย่ขอวพวกเจ้านี้ละ่
เป็นบาปติดตัวเป็น(Sin)ทำให้พวกเจ้าเกิดมาเป็นทาสทางความคิดของพวกดามุกงัย..

พวกสูเจ้าจงรู้ไว้
'คนเราทำอะไรลงไปมันมีบัญชีทั้งนั้น  ทุกๆอย่างทั้งการกระทำงในที่ลับที่แจ้ง
ที่พวกเจ้าทำมา

!มันเหมือนแผลเป็นจากมัดที่หั่นปลาทำกินแล้วเผลอไปบาดมือเอา
งัย...

และพวกเรา"ที่เป็น"พอตายไปพวกมึงจึงถูก
'ยมพบาล'
เปิดบัญชีกำหนดโทษานุ

โทษ....ดั่งที้มโนคติแห่งความดีความชั่วหรือมโม
คติเชิงบวกและเชิงลบที่เคยทำไว้แสดงไว้ตอนมี
ชีวิตงัย

พวกมึงอยู่กินไปวันๆหนึ่ง
โดยไม่คิดถึวชีวิตหลังความตายแบบคนกินข้าวเสร็จแล้วไม่ล้างหม้องั้นรึ

"ไปเถอะ ..พวกเจ้าจงไปเสียจากมโนคติอันเลวทรามของ
เจ้า"ชาร์กล่าวในที่สุด













ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไ
ม่รอด

39โอเคเมื่อแรงจันทร์บดบังกลีบเมฆา และนกเค้าแมวใต้เงามืวบดพุ่มไม้จามจุรี(ต้นก้ามปู)

39โอเคเมื่อแรงจันทร์บดบังกลีบเมฆา และนกเค้าแมวใต้เงามืวบดพุ่มไม้จามจุรี(ต้นก้ามปู)

39เมื่อแรงจันทร์บดบังกลีบเมฆา และนกเค้าแมวใต้เงามืดพุ่มไม้จามจุรี(ต้นก้ามปู)

        ที่คฤหาสน์เชร์มัวร์ เชร์มัวร์ ชาร์ ตนเองพบว่า
จากข้อสังเกตุด้วยตาเปล่า ด้วยตาเปล่า กล้วยไข่และกล้วยหอมเหลือยาว(กล้วยหอมใหญ่) ในภาวะสุกงอมมีหนอนตัวสีขาวฝังร่างในเนื้อกล้วย
แต่ไม่พบในกล้วยน้ำหว้าและกล้วยตานีและกล้วย"โอชารส"ในภาวะเดียวกัน
ที่จะเม้นต์นิดนึวคือ กล้ายตานีกอมหวานละมุนชื่นหฤทัยเลยเมื่อกินมันตอนเปลือก
เป็นสีเหลือง(beta carotine)ไม่มีขายที่คฤหาสน์มีต้นเดียวปลูกยาก พวกดามุกกลัว
ไม่กล้าขโมยหน่อเพราะผีดุ มันจึงเป็นหุ่นไล่กาให้คฤหาสน์เลยตอนนี้

ขาร์ชอบกล้วยเป็นชีวิตจิตใจ เพราะกินง่ายและกลิ่นดี ตอนคุณ"วิ"มีชีวิตอยู่คุณ วิก็ชอบกินกล้วย

นกกาผี(นกกะปูด)เริ่มมาทำรังมาหางู
หากินเพิ่มมากขึ้น  นกกะปูดมีกลิ่น คนที่เชร์นัวร์ไม่นิยมยิงมากิน แต่นกกวักนี่ไม่เหลือ ถ้าชาร์เห็นใครมายิงนกกวักในเขตคฤหาสน์ ชาร์จะเดินออกไปห้ามทันที เมื่อไปแบก
ปืนยาวยิงกระรอกติดบ่าติดตัวไปเดินไปด้วย
"ชาร์จำได้"


หลังคุณ"วิ"ตายลงที่คฤหาสน์เชร์นัวร์นี้

พบว่าได่แต้มีการฟักไข่ของไก่แจ้เถื่อนตัวหนึ่ง
ชอบไจ่
เรี่ยราดตามซุ้มใบไม้แห้ง ไข่เรี่ยราดไปทั่ว และฟักไปทั่ว ไข่แตกไม่พร้อมกันและออกมาทีละครั้งฟองตัว
ครั้งสองตัว
ด้วยความพายามของมัน คงจะเป็นวิธีเอาชีวิต
รอดแบบ
"Fit to live" ตามที่ Darwinนักชีววิทยาชาวอังกฤษพยากรณ์ในปรากฏการณ์ทางชีว
แน่นอน
เป็นอาหารตาที่ได้มาแยู้รับมรดกจากเมียที่คฤหาสน์เชร์มัวร์นี้
"ทุกครั้งตอนเที่ยง ชาร์ต้อวเอาข้าวเปลือกไปโปรยไว้ให้ เพราะสงสาร






               








พงกดามุกวางแผนกลืนคฤหาสน์เชนัวร์และคณะด้วยวิธีการ
มากมายตามคำนิยามคำนี้ ที่ชาร์จะกล่าวถึง


Absorbingถูกกลืน

เช่นเผ่าชนใหม่เมื่อแรกเข้ามาแล้วถูกชนเผ่าใหญ่กว่ากลืนสัญชาติเผ่านั้นเสียด้วยการสมรสและกลืนด้วยวิธีทาง
วัฒนธรรมและประเพณี
เป็นต้น


การหาค่าตัวนี้คือ
ค่าprobeคือค่าเป็นไปได้
ที้นักประกันศาสตร์ใข้คำนวณการรับและการรอจ่ายประกันที่นิยมใช้กันงัย
ชาร์คาดว่าการประกันเป็นสิ่งดีและทำไว้
แต่วิเวียนน์ไม่ได้ทำให้ตน มีแต่พินัยกรรม
วิเกลียดการลงทุนด้งยประกันแต่ชาร์ชอบมาก


เจนแจ้งมาว่า
ดามุก ขโมยแม้แต่กระถางรองน้ำยางเพียงใบเดียวสองใบเพื่อไปตั้งตัวมา
ก็หลงมาในรูปมักง่าย วิสาสะกับชีวิตทรัพย์สินที่เชนัวร์

คนรู้จักกันด้วยแต่อันนี้ถือว่าไม่มีมอรัลเลียจึงกลายสภาพจากคนมักคุ้นรู้จักกันมาเป็นดามุกเชิงลบนั่นเอง ยังมีอีกขั้นคือmagna moralia คำว่า
Magna เป็นภาษากรีก
อุปสัคแปลว่ามากกว่าธรรมดา

นิยายคฤหาสน์เชร์นัวร์นี้เขียนไปเขียนมา
จะกลายเป็นนิยายงานเขีบยเรื่อง
Point counter point ของAdous Huxley นั
กเขียนชาวอังกฤษ แค่ชาร์ปฎิเสธว่าไม่ คงเป็นตัวหนังสือและโครงสร้างในนวนิยายนี้
"อาจจะใช่"



Private eyeนิตยสารขำชั้นสูงของอังกฤษ
Punchนิตยสารชั้นสูง
Satirical ชั้นสูงของอังกฤษ

Encouterนิตนสารวิชาการชั้นสูงของสหรัฐ

มีคนคิดๆแต่มีแย้ความรู้ถ่กถางสัวคมยืนยันตนเองและอัตลักษณ์
แต่ไม่ยืนความมั่งคั่งตนเอง
เหมือนคนที่่รวยยุคใหม่
เช่นFacebook Google
Computer ...ก็หาไม่
ท้ายสุด นักเขียนนักปรัชญาเหล่านั้นก็เหลือแต้คสามดีและอนุสาวรีย์หินอ่อนให้คนรุ่นหลังได้เชยชมเล่น
ไม่เหมือนคนคิดหาเงินไว้
หลังตายทิ้งมรดกมหาศาลไว้จากการพัฒนาwealthทรัพย์สิน
ไว้ให้คนรุ่นต่อมาไม่ แม้ยาวคนรวยแบ้วมาตายอย่างเย็นชาอันโลดโผนเพราะคสามมั่งคั่งมั่งมีของตนเป็นปัจจัย เช่นHuge เรือบินตกตายแต่สปิริ
ต (spirit)สูงไกลมอบมีมดกให้คนจนเป็นต้น
อดีตคนีรวยสุดขีดนับหน้าได้คือ
ตระกูลFords andRockyfeller
และเศรษฐีจากกลุ่มเชื้อ
ชาติยิวเช่นตระกูลRotchildeดป็น
ต้นเรามัฝักรู้ตักบริษัทยามหาศาลจากสสิสงัย
ยิสนิยามนี้ที่โลกต้องยอม
คือEinstineนักฟิสิกส์
ที่โลกคงระบือไปด้วยเรื่องระเบิดนิวเคลียร์งัย


ชาร์เคยคอรเด็กเมื่อเรียนๆตอนอยู้ใรตะวะนตกคิดเบียนแบยเชร์ กูวาราคนรักการค่อส๔้ทางก
ารเมืองปฏิรูปแบะถูก
ลอบสัวหารจนกลายมาเป็นเฟชั่นให้กับชนขั้น
ทั่วโลกแต่ไม่ใช่การเมือง
เช่นทำเป็นสื่อโฆษณาข่ยสิ้นค้าไปแทนหลายแนว

เชร์แพ้คาาสโตร์Castro ของคิวบา แม้เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน อ่านนิยานการเมืองเหล่านี้สนุก
เพราะระยะหลังกลายเป็นpopไปไม่เกี่ยวการการเมืองสักหน่อยเดียวเช่น
กรณีชาร์ชอบเชและไฝ่ฝันอนาคตอยากเป็นอย่างเชแต่ไม่ตายอย่างเชตอนเรียนตะวันตก เพราะsex driveตามคติของกามวิมยาทางจิตเช่น Froidนักจิตวิทยาชาวเยอรมันเ
ชื้อสายยิว
กล่าว วฝสาเหตุเกิดเพราะความผลักดันทางเพศเพราะหนุ่มชาร์จึวคิดอน่างนั้น แต่เมื่อโตเต็มวัยก็เปลี่ยนไปกอร์ปกับ"แม่ของของชาร์เองไม่ชอบให้ลูกของตนคิดแปล
กแยก"


ชาร์จึงเป็นคนสงบสมถะ
จนมาพบรักกับนา
งเอกคือ "วิเวียนน์"ที่ตายไปแล้วนี่งัย 
จนท้ายสุดมาท้ายสุดทั่ฝั่ง
ชล(น้ำ)คือเป็นพระเอกของ
นิยายเรื่องคฤหาสน์เชมัวร์นี้นี่เอง












ชาร์ใช้กาแฟเป็นฝิ่นดิ
บและชาเป็นกัญชาแห้งใ
นเรื่องการเสพประจำวัน
แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นนมและข้าวโอ้คร้อนมากกว่า กาแฟใช้เมื่อารมณ์มันติด
เท่านั้น ส่วนฝิ่นและกัญชา ชาร์ชอบแต่เมื่อเป็นอาญาเภสัช " ชาร์จึงเลิกชอบ" 
เพราะในโลกนี้มีสองอย่างคือ เป็นอาหารและไม่เป็
นอาหารของมนุษย์ 
อะไรที่เป็นชาร์"เน้นและชอบ" ส่วนที่ไม่เป็นอาหาร"ชาร์ขอคิดก่อนทำ"
ชาร์





น้ำจิ้ม"พริกเกลือ"ที่ฝืนเรียกมันน่าจะเป็น"น้ำจิ้มพริกมะนาว" แต่เอาเถอะ
ไปตามfolk law ruleแล้วกันยึดติดตามที่เคยใช้มาเนิ่นนานแล้ว "ไม่ขัดใจ"

แม่ของชาร์ชอบน้ " น้ำจิ้มพริกชนิดนี้มากคือน้ำจิ้มพริกเกลือ ขาดเสียได้แทนน้ำจิ้มพริกกะปิที่ชุมชนเชมัวร์ชอบกินทุกวัน
พบว่าแม่ชอบพริกที่สุกแล้วทำตำส่วนหนึ่งกินทันทีส่สนหนึ่งใส่กระปุกสุญญากาศเก็บไว้ค้างคืนหบายวัน ยิางฝากตู้เย็นไว้ยิ่งเก็บได้นาน

ชาร์สัวเกตพบเมื่อมนใช้ชีวิตกับท่านในบางเวลา
และแม่ไม่เคยสอน หรือใช้ให้ตำให้ คือแม่ทำเองทุกอย่าง เห็นแล้วหลังแม่ตำเสร็จน่ากินดูแล้วมันหลั่งน้ำย่อยได้จนน้ำลายไหล
จิ้มกับหมูเค็ม น่ากิน

ต่อมาโตขึ้นหลังรับมรดกเลือดแล้ว
มาที่วิเวียนส์นางเอกของชาร์ผู้ตายไปแล้ว ไม่ขอบน้ำพริกเกลือ แต่กลับชอบ
ปลาซูซิมิจิ้มน้ำปลาคาโยเกะ แต่สำหนับขาร์ขอบปบาซูซิมิเช่นกันแต่จิ้ม กับ"วายาบิ" มันเผ็ดขึ้นจมูกเชื่อว่าแก้หวัดได้

"ชอบกินสิ่งนี้"

แต่มาที่สมัยรับมรเกตกทอดอันเป็นทรัสต์ของ
วิเวียนส์
ชาร์ไม่เคยเนียกเจนมาทำครัวให้แม้เจนจะเป็นคนใช้
ชาร์ทำเองตำเอฝน้ำพริกเกลือพบว่ามช้พริกเกลื
อเป็นพริกแดงสุกแดงสุก
จากพริกจึงกลายเป็น
พริกเกลือสุก
ดูสวย และกินดี เก็บไว้หลายวันได้ แค่ถ้าใช้พริกขึ้หนูเขียวมันเก็บไว้ไอ้ไม่นายคือสองสามวันถ้ามากวันไปเก็บไว้จะมีหนอยพีิกหนอนน้ำส้มเกิดขึ้น
สรุปะริกเขียวใช้ตำเกลือเพื่อกินทันที
ส่วนพริดแดงไว้ใช้ตำเพิ่อกินนานได้
จะอร่อยมากเมืาอเคงราต้องคดข้าวห่อเดินทาง
วงไกล หรือไปลงแขกงานลงแขกแลบนารวม
ชาร์ใช้จิ้มหมูและสารพัดจิ้มเหมือดกับข้าวอร่อยดี
โดยเฉพาะกับปลาเค็มไ
ม่ทรงเครื่อง"กินอิ่มอร่อยและนอนดี"


แม่ไม่เคยสอนบอกชาร์ คงคิดว่า ะอโตขึ้นไป
เมียจะบอกให้หรือเป็นเอง
แต่พอโตขึ้นมา หัดเองรู้เอง เมียไม่บอกเช่ยกัน
แล้วเมียของชาร์กินพริกเกลือไม่เป็นกินเป็นแ
ต่พริกกะปิและพริกวาซาบิ
เน้นน้ำปลาของญี่ปุ่น
ส่วนชาร์ชอบวายาบิ มันคงแก้หวัดไดเเต่แพง
หลับสบาย

ชาร์ชอบเพลง  
Kiss Me Good Bye of Petula Clark  นักร้องยุค 60ตอนต้น

และMary Hopekin  Those Were the Day
มาก

Once upon a time there was a tavern
Where we used to raise a glass or two
Remember how we laughed away the hours
And think of all the great things we would do


Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
For we were young and sure to have our way
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la

Then the busy years went rushing by us
We lost our starry notions on the way
If by chance I'd see you in the tavern
We'd smile at one another and we'd say

Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
Those were the days, oh yes those were the days
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la

Just tonight I stood before the tavern
Nothing seemed the way it used to be
In the glass I saw a strange reflection
Was that lonely woman really me

Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
Those were the days, oh yes those were the days
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la
la la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la

Through the door there came familiar laughter
I saw your face and heard you call my name
Oh my friend we're older but no wiser
For in our hearts the dreams are still the same

Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
Those were the days, oh yes those were the days
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la






อ้างซ้ำจาก
Google.com
07/08/21









และของ
Connie Francisชอบมากเลยฟังแล้วสดุดทุกลมหายใจ ชัวร์"ยืนยันโดยชาร์"


เนื้อหาไม่อยากมากไปเจอปัญหาEconomic value and fair share เพราะฉะนั้นเอาไว้เท่านี้ก่อน เดี่ยวมีปัญหาลิขสิทธิ์บางอย่างถ้าในศาลแพ้แล้สเค้าจะมายึดคฤหาสน์เชร์มัวร์ ก่อนชาร์ตายลง เจนไม่มีที่ทำงานและนอนงีบแน่ๆ แต่"ชาร์"ชอบเพลงกดเลยยูทูบใส่ชื่อคนร้องชื่อเพลง
แป้บเดียว! จะได้ยินเสียงเพลงใครๆจนมือถือเเทบกระเด็น...เลยคุณ.จากคุณ" วิ"อดีต บก. นิยายนี้แนะไว้