วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

20chernoir



ตอนที่20นิยายเรื่อง:เชร์นัวร์"งานเข้า" แล้วชาร์เดินไม่รอดต้องพยาบาล
ในทรัสต์ที่คุณวิเมียหลวงที่ตายไปแล้วด้วยโรคหัวใจ วิไม่ระบุว่าให้ชาร์นำเงินๆไปใช้รักษาตัว
ชาร์จึงมีงบจากประกันอบัติเหตุรักษาตัว
ซึ่งไม่ค่อยพอจึงไม่ได้จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลช่วงที่คนป่วยพึ่งตนเองไม่ได้เอาไว้
จึงร้อนถึงทาสคือคุณเจนต้องมาทำหน้าที่
พยาบาลจำเป็น ผลคือชาร์ต้อวเรียกทนายมาปรับปรุงสัญญาที่ชาร์เคยทำไว้กับคุณเจนใหม่
ระบุเพิ่มเติมในนิยายว่าให้พยาบาลสามีคุณวิด้วยช่วงสามีคุณวิป่วย....

ก่อนตายชาร์อยากวิเคราะห์ว่าทำไมสามีตายของครอบครัวตายก่อนก่อนกันชนิดไม่ใช้ข้อมูลบุคคลที่สาม
ความผิดพลาดของการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต

และทำไมคนทำผิด...
คิดได้จะบอกเอกตั้งให้เจนเป็นเพื่อนคูคิด
โดยไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวเชิงลึกอะไรกัน
และชาร์ปฎิญญาว่าจะไม่ร่วมเพศกับใครอีกจนกว่าตายแล้วไปเกิดใหม่และได้พบกับวิเมียหลวงหรือนางเอกของเรื่องนี้อีกครั้ง
หรือจะเน้นลบเวรและทำแต่ความดีเจตนาดีแม้นิดหนึ่งที่ทำได้เแล้วตายไปไม่เกิดอีกเลย และจะผิดหวังอย่างไรก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย
แม้จะหลงกลพวกผีดามุกเข้ามาสิงร่างให้มีอันเป็นไปในคราบของการเมืองรัยๆในมุมมองของปัจเจกชน และชาร์จะเน้นคุณธรรมที่เคยทำ
เป็นข้อต่อรองในการรอดอยู่และาำคัญเสมอว่า
"สิ่งผิดพลาดต้องมีการชดใช้จึงถูก ถ้าไม่มี
สวรรค์เท่านั้นจะลงโทษให้"
ชาร์มั่นใจ
และชาร์เชื่อว่าอุบัติเหตุรักนอกจอกับเจนที่ดามุกมีแผนทำจะไท้เกิด
ขึ้นเด็ดขาดเพราะคนทีอาหารที่กินและความอบอุ่นที่มีเป็นตัวกำหนดสรรพสิ่งและชาร์มีสองอย่างนี้อย่างเรียบง่ายและมีชีวิตที่ไม่โลดโผน
เชื่อว่ามโนปณิธานของตนเองคงมีศักดิ์และมีสิทธิ์
ที่จะทระนงในความเป็นมนุษย์ของตนเองได้
แม้ชีวิตจสั้นลงทุกๆวันก็ตาม

และชาร์เชื่อว่า"ฝนบนฟ่าที่ตกลงมาบนพื้ยผิวโลกนั้นเป็นการควบแน่นของมวลอากาศจึงเป็นมิใช่มนุษย์เป็นผู้สร้างฝนเสมอไป แต่ที่เป็นมันเป็นกฎของธรรมขาติและปฏิกิริยาของมวลอย่างแท้จริงเท่านั้น"





เพราะเมื่อต้องกินและต้องรักษาตัวมีของเก่าเป็นทรัพย์สิาส่วนตัวอะไรขายได้ก็ขายไป โดยไม่แตะต้องพินิกรรมของทรัสต์ที่คณวิทำไว้ให้
ก็จะขายไปเพราะคนเราตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ถ้าเหลือไว้1พวกดามุกจะต้องเข้ามาครอง
เราจึงทำเสียก่อน
2.กันการตายอย่างอนาถและคนดูถูก
ชาร์ตัดสินใจปฏิบัติตามนี้เชื่อว่าทุกสิ่งรอบข้างตนเองต้องลงตัวได้และประหยัด และมีอะไรดี
เหมาะเจาะก็ทำทันทีคำว่าสายไม่มีสำหรับปทานุกรมชีวิตของชาร์
เพราะเชื่อส่ารถยนต์ต้องมีคนขับมันจึงจะวิ่งได้
แลดถ้าขับมันอย่างไม่ประมาทอีบัติเหตุคงไม่มี
ส่วนสติขณะขับอาจเผลอบ้างอันนี้มอบให้ประกันภัยทำสติแทนให้ชีวิตของฉันคงไปได้สวยก่อนตายลงอย่างสงบและเรียบร้อบและ
ไม่เป็นภาระแก่คนรุ่นหลังและชาร์เชื่อว่า
คนมาจากดินและกลับไปสู่ธาตุดินอีกอย่างนี้เป็นวัฏจักรไม่มีใครเลี่ยงได้ การตายของคนนั้นไม่อมตะแต่คุณธรรมของการตายนั้นแลอมตะ


พอดึกมากช่วงน้ำท่วมไหลหลาก
ที่เมืองชาร์มัวร์ เสียวรถไฟวิ่งผ่านถี่ขึ้นปกติไม่มี
ในยามดึกเพราะตารางเดินรถเปลี่ยนไปเพราะทางรถไฟตัดขาดจากกระแสน้ำพัดพา
ชาร์ตึงคิดได้ว่า"ขีวตคนเราก็เหมือนรถไฟ"
แต่นิยายเชร์นัสร์นี้มิใข้นิยายชีวิตจริงรัยแต่ชาร์ตั้งใจให้เป็นวรรณกรรมทางเลือกใหม่เท่านั้น
เขียนมันขึ้นเพราะงานเก่าคุณวิทิ้งไว้ให้แก้และชาร์
เติมเต็มบางส่วนมันเข้าไปหากจำเป็น ตามปัญญามีและที่าำคัญเมื่อตนเองว่างจากเรื่อง"โน่นนี่นั่น"ของวันเวลาที่ผ่านไป
ในทุกวันที่กระท่อมเชร์นัวร์และคฤหาสน์ชาร์มัวร์นี้เท่านั้น
ชาร์ตั้งชื่อเรื่อวนี้ว่าเชร์นัวร์เพราะให้เกียรตินักการเมืองดังของโลกท่านหนึ่งคือเช กุวารา
the Guvara นักรบชาวอเมริกาใต้อดีตอณานิคมสเปนที่ทำตัวแบบทำสงครามกองโจรอันทรหดอันเป็นแฟชั่นในยุคหนึ่งและถูกสังหารในที่สุด แต่ชาร์มิได้หมายเอาการเมืองและปรัขชญาของท่านผู้นี้มาเป็นปรัชญาขอ
งงานเขียนเรื่องเชร์นัวร์ของตนเอง แต่ชาร์เพียงนำแฟชั่นการใข้ชีวิตทรหดคล้ายผู้นำสงครามกองโจรท่านผู้นี้ให้มาในปริบทในการใช้ชีวิต
ของชาร์หลังคุณวิตายไปเท่านั้น

       จากเหตุการณ์ที่ดามุกคุกคามสังคมชาร์มัวร์ที่เพิ่งรู้ว่ามีจริงจาก
เจนทาสผู้สวามิภักดิ์ของตนเองว่า"ดามุกมันมีอยู่จริง
แม้ชาร์คาดว่ามันคงเป็นอุปราการและปรากฎการณ์ทางสังคมที่จะมากกว่าที่มีมากกว่าปกติ


ที่ชาร์หรือเจนไปนำมาคิดมากเสียเวลาเปล่าแต่ชาร์ก็รับฟังที่เจนเล่ามาแต่การรับว่ามีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริงชาร์ขอตัวคิดอีกที แต่ไม่บอกให้เจนรู้
เพราะถ้าบอกให้เจนรู้เจนก็จะไหวทัน จึงไม่เล่าอะไรให้ชาร์ฟังอีกและทาสเจนจะไม่มีเรื่องจะคุยด้วยเพื่ออารัมภบทในการปฏิสัมพันธ์ต่อกันระกว่างนายกับบ่าวไปเสีย

เจนพูดว่า" ดามุกนี่มีอยู่จริงนะค่ะ"
ชาร์ตอบว่าด้วยท่าทีอมยิ้มรับ
แต่ไม่ปฎิเสธว่ามีหรือไม่แฃะคิดในใจตนเองต่อไปว่า

"ก็ถ้าเจนอยากเล่าอะไรให้ผมฟัง เมื่อคุณมีอาหารอิ่มท้องมีรสชาติมีแรงเล่าให้ผมฟังผมก็ยินดีรับฟังต่อไปงัย"
ชาร์กล่าวต่อ

"ส่วนสมองและปัญญาผมอาจจะสะสมอาหารมื้อที่ชอบโต้แย้งและวิพากษ์อะรัยที่มีอยู่ในลำไส้"ผมจึงเป็นกับคุณอย่างนี้คือเงียบ"
"เจนผมต้องขออภัยน่ะ"
"ถ้าคุณเข้าใจผิดผม"
ชาร์ย้ำอย่างมั่นใจ



ขาร์พูดให้ตนเองฟังอยู่ในใจแย้มที่ชาร์บอกผ่านสายตาไปสู่เจน
"
เจนก้มหน้ารับฟังชาร์พูดผ่านสายตาอย่างพินิจและก็จากไป.....

เจนกินอาหารชั่นเยี่ยมทุกวันเธอผ่านตลาดนัดทุกวันเธอมีเงินใช้ฟุ่มเฟือยจากเงินเดือนจากคฤหาสน์ที่ทำหน้าเป็นทาสของชาร์
แต่ชาร์นั้นกินข้าวต้มปลาเค็มและขนมปังปิ้งมื้อเช้ากับไข่ลวก1ฟองทุกวัน
และมีเนื้อกินวันละ1ขีด ของหวานเป็นผลไม้
กล้วยสุกและผลเบอรี่แก่ดำสุกงอมคาต้นทุกวัน
เป็นอาหาร
แต่เจนกินองุ่น แอปเปื้ลเหล้าไวน์นอก
อาหารทะเลทุกวันทุกมื้อ
จนพวกดามุกอิจฉาและเข้าใจผิดว่าเจนทำกับข้าวให้ชาร์กินทุกวันนอนกอดกันเมื่อเหนื่อย
ชอบบีบข่วยคลำมห้เมื่อชาร์ผู้เป็นนายต้องการแบะร้องขอ แค่ดามุดมองเจนผิด
เจนไม่เคยเข้าห้องครัวของชาร์แม้วันเดียวเมื่อมาทำงาน
และห้องครัวของชาร์เป็นเขตหวห้ามสำหรับเจนอีกด้วย ขณะที่เจนมาทำงานที่คฤหาส์ชา
ร์มัวร์ทุกวันแม้ในยามที่ชาร์ป่วยหนักก็จัดห้อวึรัวเฉพาะและเขตจำเพาะใหม่สำหรับเจนจะพยาบาลชาร์อีกด้วย

แค่เจนก็ไม่เคยเล่าให้ใครรู้ถึงสถานการณ์ที่คฤหาสน์ชาร์มัวร์แม้นิดเดียว


เพราะเจนมีปรัขญาที่ว่า"ความในห้ามนำออกความนอกห้ามนำเข้า"ขณะเจนมาทำงานที่คฤหาสน์
แต่ที่เจนพูดพาดพิงถึงดามุกนั่นมันเป็นการพูดเชิงจินตภาพและคุยกันทางมือถือถึงพฤติการณ์ที่ต้องเฝ้าจับตาระวังของางคมชาร์มัวร์เท่านั่นที่เจนและชาร์คุนกันมีเท่
านั้น หลายคนคงงแต่จะเปิดเผยรายละเอียดต่อไป


คุยไปคุยมาเรื่องของเจนและดามุกที่เธอมารายงานให้รู้ในราคาจินตภาพ ทำให้ชาร์ต้ิงกลับไปเปิดตำราสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยอีกครั่งอีก
ครั้ง

แต่ชาร์ก็แบ่งรับแบ่งสู้ไม่กล้าโต้ตอบกับเธอว่ามานั่นมันมีมูลหรือไม่มีถ้ามีมูลก็ต้องไปดูว่ามันเป็นวิวัฒนาการของมนุษย์ตามสูตรของดาร์วินนักปรัชญาชาวอังกฤษว่าด้วยธรรมชาติที่ใครๆก็เรีย
นมาชนิด3หน่วยกิตอย่างต่ำในมหาลัยหรือมันเป็นสันดานของคน
ชาร์คิดหนักเมื่อเดิมทีคิดว่าที่เจนนำมานั้นเป็นเพียงเธอคิดมากแล้
วหาเรื่องคุยกับนายเชิงวิพากษ์แต่ตอนนี้เจนเท่านั้นที่ทำให้ชาร์หายใจต่อไปได้เพราะชาร์มีอุบัติเ
หตุนอนแคร่และพยาบาลคือเจนดูแลหยอดเข้าต้มทุกมื้อให้

ชาร์เองคิดว่าปัญหาทุกอย่างมันเป็นองค์รวมนะ่
คือโลกที่เราเห็นนี้ทุกวันนี้มันเป็นเช่นนั้นเอง
คืออยู่ด้วยกันได้แบบมีดีมีชั่วปนกันไปตามที่เพลงร้อง

มีให้ฟังและก็สนุกดีเพราะมีดนตรีบรรเลงเสริมจนบางครั้งที่อารมณ์นึกอยากฟังเพลง
ชาร์ยังไม่สามารถปลงใจได้เลยยว่าเพราะคนร้องหรือดนตรีที่ทำให้คนเราชอบฟังเพลงที่ร้ิองนั้นในจุดนี้ชาร์ตอนนี้
ยังหาข้อสรุปไม่ได้

ชาร์เกิดมาจากสกุลอกสามศอกทำมาสุจริตไม่เคยปล้นใครกินและมีฐานะต่อมาแบบสัมมา
และชาร์เกิดมาในยุคที่ตนเองเป็นเด็กในพานทองแล้วและไม่เคยรู้เลยว่า
แรงงานนั้นคืออะไร จนกล่ยเป็นทายาทแบยบนหอคอยงาช้าง หลังรัยมรดกเลือดก็รู้อย่างเดียว
ว่าเมื่อมีเสียมีสูญอะไรก็มีสิทธิทวงถามเอาคืนได้
ทำโทษคนผิดบำเหน็จคนถูกเป็นกฎหมายให้ยึดมั่นถ้าตัวนี้พลาดไปเกิดสงครามและสังคมวิกฤติแน่นอนเพราะความเที่ยงธรรม
แต่ก็ไม่ชี้ว่าดามุกผิดถูมีจริงไม่มีจริงในโลกตาม
ที่เตนเสนอมาพอดีชาร์มารู้ทีหลังอีกว่า
เจนมีขีวิตเหมือนชาร์ทุกประกาต่างแต่ความเป็นเพศเท่านั้นและไม่มีผัวอย่างที่ชาร์มีคุณวิให้เป็น
อย่างสถานะของชาร์ตอนนี้
เท่านั้นจากที่เจนเป็นทาสตามสัญญากับชาร์และคฤหาสน์ชาร์มัวร์และชาร์เป็นนายตามสัญญาของเจนด้วยเวินทรัสต์ขอวคุณวิตามกฎหมายเริ่มแรกแต้ตอนนี้เจนมีสถานะเพิ่มเข้ามา
คือเป็นพยาบาลและชาร์เป็นคนป่วยติดเตียง
ที่อดีตชาร์เคยเป็นพระเอกแบยพระนางต้องห้าม
ของเจนมาเป็นชายที่เจนสามารถจับถูกแตะลูบคลำคัวชาร์ได้ในฐานะคนป่ว
ย และขาร์เคยคิดไว้ก่อนอุบัคิเหตตุว่าจะตั้งให้เจนเป็นนางเอกแทนคุณวิที่ตายไปแต่ไม่ทีเพศสัมพันธ์กันและไม่จดทะเบียนสมรสส่วนมิเมย์และหิมะนั้นทำหน้าเสมือนเป์นเมียชาร์ก็จริงแต่มิเมย์และหิมะเป็นสัตว์จึงเป็นนางเอกไปแสดวหนังไม่ได้หนังจะสมบูรณ์ได้ต้องมีพระเอกและนางเอกคือคู่พระคู่นางให้คนชมดูนิยายที่เป็นหนัง(ภาพยนต์)นั้นๆจึงจะสนุก



เอาละมาที่แนวคิดเชิงคลาสสิก(โบราณบานบุรีโป้น)ของชาร์ที่เรียนมาคือ
แนวคิดปรัชญาบางอย่างของท่านเบอทรันต์ที่ว่า
สังคมเรานั้นมีเรื่องจะพูดหายเรื่องต่ถ้าพูดแล้วมันจะไม่สนุกเสพเห็นโดยสัวคมเหมือรกับว่า
ดูหนังรู้ว่าตอนจบพระเอกกับนาวเอกจะแสดงบทใดต่อเราก็ไม่อยากดู"ใช่มั้ย"
แค่ถ้าปิดแบะปล่อยวอบแวมๆทำให้คนอยากดูเพราะสงสัยไปคนเอาเองนะเจน มันยังงัย
ตามแนวปรัชญาของท่านนี้แต่ชาร์เข้าใจมาอย่างนี้ตอนเรียนอบบนิรนัยน่ะ

แบะก็สังคมยูโทเปียของมอร์(บรรไดสวรรค์และขนขั้นของมนุษย์หรือสังคมแบยรัฐในจินตนาการหรือรัฐในอุดมคติ
แนวคิดนี้เจนต้องไปดูเองนี่คือสิ่งที่ชาร์เข้าใจ



และแนวคิดของท่านทอยบีย์นักปรัชญาอังกฤษเข่นกันแนวคิดเรื่องการกลับสู่จุดเดิมคือ cyclical theory  ที่ชาร์เข้าใจึอสรีพสิ่งจะกลัยมาจุดเดิมหมุนกลับไปกลับมาอย่างนี้มุมมองของชาร์มีอย่างนี้ต่อท่านทั้งหมดที่อ้างมาเพื่อมาดุลย์ปัญหาของเจนที่เสนอมาเรื่องดามุกและอื่นๆ



แค่ปัญหาดามุกอิจฉาเจนมีรถจักรยานยนต์สะดวกใช้เพื่อไปๆมาๆเมื่อเจนเผลอดามุกเอาาปูโยนทิ้งไว้ให้รถของเจนยางรั่ว มีปัญหากับเจน
ต่อมาและเจรู้มีแผนดามุกแกล้งอันก็แฟกเตอร์หนึ่งที่จะวิเคราะห์ต่อไปของเจนน่ะสำหรับชาร์นั้นถือหลักคือเมื่อผิดทำโทษถ้าถูกบำเหน็จไม่มีข้อละเว้นและกฎมอรัลเลียและกฎการชดใช้ และกฎถ้าผิดแก้ให้มันถูกถ้าถูกอยู่แล้วปล่อยให้ทมันถูกต่อไปอย่าไปแตะและเสือก ลัทธิทำอะไรแล้วทำไม่รู้ไมชี้ไม่มีอยู่จริง และลัทธิความลับไม่มีในโลกมีอยู่จริง  ลัทธิการรับผิดชอบและการชดใช้และความยุติธรรม ลัทธิหนีไม่รอด ลัทธิฉวยโอกาสและด้อยโอกาส"ใช่"
เท่านั้นที่ชาร์เหลืออยู่ให้ชาร์ครอบครองเป็นตัวเจว็ดแห่งเทพเจ้าแห่งนครชาร์มัวร์ที่สมุติได้ในโลกสวรรค์และมนุษย์ต่อไปของนิยาย"เชนัวร์"ที่ปรากฏอยู่นี้

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ที่ตอน 19 เรื่องเชร์นัวร์ สำหรับผู้ติดตามที่ตกหล่น

" เจน"ฟ้องว่า ตอนนี้ลัทธิดามุกระบาดสู่โลกดิจิตอลมือถือ

ชาร์เชื่อว่า ไม่มีใครไปเสียได้ นอกจากคนไร้คุณธรรม เห็นแก่ตัว "เอาเถอะ" ถ้าจริงอย่าง
ที่เจนว่า " เราต้องช่วยกันแแก้ไข ลำพังชาร์
ไม่มีอะไรเลยที่จะไปสู้กับดามุก แงะทำลายดามุก แต่ชาร์มีพลังที่สี่คือ" ไม่เห็นด้วยกับการกระทำ" เท่านี้ก็พียงพอ ไม่ต้องไปออกแรงเหมือน
ใครต่อใครที่ทำกัน เพียงกดคอมเมนจ์ว่า"ไม่เห็นด้วย"ในสื่อมีเดียเช่น Facebook Twitter Youtube Instagram เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่รอความจริงมากกว่านี้ปรากฎก่อน เพราะเจนอาจจะมั่วนิ่ม และเป็นผู้หญิงอ่อนไหวง่าย
และประสบภัยกับดามุกมาตลอด
เช่น เคยโดนพวกดามุก ลวนลามทางเพศ เคยถูกจับเรียกค่าไถ่
เคบถูกโกง
อะไรอีกหบายอย่าง ถ้าเจนบอกจะนำมากล่าวอีกในนิยายนี้

แต่ชาร์ก็ยังเชื่อว่าดามุกเป็นนิยายแฟนตาซีมากกว่า แต่รอตอนนี้ยังไม่ปักใจเชื่อเจนเท่าไหร่นัก

ิัอันนี้สาระในนิยายคุณวิเขียนคาไว้ก่อาตายไม่มีเรื่องนี้ แต่ชาร์มาเพิ่มเพืาอให้นวนิยายมันทันสมัยขึ้น และไม่ให้เสียเวลามมวรรณกรรมที่ไร้สาระประโยชน์

เอาละแม้ดามุกจะเป็นเรื่องดาบสองคมในสังคม
ชาร์ถือว่า "สสรรพสิ่งเหมือนมีเรียญสองหน้าแต่เราใช้มันพร้อมกัน"

เรื่องดิจิตอลมือถือ ชา้ โกง หาย ซ้อนทับ
หลอกกลวง ไม่มีตัวตน อีกมากมาย เดี๋ยวค่อยคลำไปจึงจะรู้ "ชาร์ยืนยัน"


เจนบอกว่าดูๆแล้วมันยังงัยกันอยู่
เมื่อใช้ดิจิตัลดูแล้วมันขัดๆอารมณ์อยาก
"ชาร์ตอบว่าไปดูกัน" ก่อนอื่นชาร์สารภาพว่าตนเองไม่ชอบโลกดิจิตอลเพราะตามไม่ทัน "แต่ไม่ว่ากัน"คลื่นลูกใหม่ วัฒนธรรมทวนกระแส ชาร์เคยเรียนมา ก็อะไรมันเกิดก็ให้มันเกิด แบบ"ท้วมๆ"ก็ว่าไป แต่สังคมใบนี้มันก็เป็นเรื่องมีการคูขนาน เข่นมีสงคราม
โลก ก็มีฝ่ายอัก๋ะและฝ่ายสัมพันธมิตร
อะไรดีก็ส่งเสริมอะไรชั่วก็แก้ไข จากที่ท่านบอกว่า"เมื่อมีหนาวมามีร้อนแก้ เช่นกาแฟร้อน และเมื่อร้อนมามีเย็นแก้เข้นแอร์และตู้เย็นงัย! อันนี้เป็นปรัชญาแม่บทของชาร์ในการมีชีวิตรอดอยู่ และโชคดีที่
ตนเองเกิดมามีส่วนเกิน

โชคดี!เมื่อความจริงของเจนถูกเปิดออก
ชาร์เพิ่งจะรู้ว่าเจนเคยเป็นนักเรียนนอก
มีปัญหาขีวิตและความเป็นมาคล้ายชาร์
เหมือนกับว่ามี"คนวาดไว้"

แล้วจะบอก แต่ที่ต่างกันตอนนี้ ชาร์เป็นนาย แต่เจนเป็นทาส

แม้ว่านิยายบอกว่า ชาร์รักเดียวใจเดียว คือวิเท่านั้นแต่วิตายลง ขาึ์ก็ยืนกรานว่า
จะเปฌนตนเองของตนเอวต่อไปมีมิเมย์และหิมะเป็นเมียรักของใจต่อไปแต่มิเมย์และหิมะเป็นแมว การจะเอาแมวมาทำเมียนั้นสัวคมรับไม่ได้นิยายนี้จึงขาดนางเอกไป
ส่วนเจนนั้นเป็นทาส จะมาเป็นเมียของชาร์เป็นนางเอกคนใหม่ของนิยาย "ชาร์รับไม่ได้"เพราะขาร์รักอุดมการณ์ยิ่งกว่าชีวิต และที่สำคัญคือศพของวินังเสร็จสิ้นตามพินัยกรรมของทรัสต์

แต่ว่าชาร์มีขีวิตโดดเดี่ยวเดียวดาย และประสบอุบัติเหตุ รถคว่ำ จนพึ่งคนเองไม่ได้
ก็ไม้พ้นืี่เจนต้องดูแลป้อนจ้าวขาร์ทุกมื้อ
จากเคยทำวานกลับบ้านทุกวันแบบมาเข้าเย็นกลับมาเป็นทำงานแบ้วต้อวมานอนทื่คฤหาสน์กับชาร์เพื่อพยาบาลชาร์ด้วยเหตุจำเป็น ดามุกยันว่าต่อไปเจนต้องได้เป็นขวัญใจครใหม่ของชาร์แน่ ก็ต้องติดตามต่อไป แม้เนื้อหานิยายที่คาดว่าจะจบลงก็คงต้อวเพิ่มยาวขึ้น
แต่อย่างไรเรื่องนี้พักไว้ก่อน จะพูดและรับฟังกระทู้ทางใจที่เจนเสนอขึ้นมา

"ชาร์นั้นรับได้ไม่อั้นในปัญหา" เพราะว่าตนเองคือรัฐะในตัวมันเอง

มาที่โลกดิจิตอล "อาเจนดา" Agenda
หัวข้อที่จะพูดคือ
มือถือ
ต้องมีการซื้อขายเวลาข่ยคลื่นส่ง
มันไมีฟรีเสรีใช้ชอบได้แบบดูโทรทัศน์วิทยุ
ที่พอมีเครื่องรับมีไฟทีถ่าน เร่ก็ใข้ฟังติดตามได้ตามสบายใจเป็นปกติ
แต่ดิจิตอลโลกเราทำไม่ได้อย่างนั้นตอนนี้

เราต้องซื้อ
การใช้ทีปัญหาเข่ยเน็ตช้า เน็ตล้ม 
เน็ตถูกระงับ ถูกตัด ถูกขโมย ร้อยแปดอย่าง
มีกลุ่มคนชั่วแทรกเข้ามาขนิด แอบฟังแอบขโมยข้อมูล ในโลกดิจิตอล เราใช้วัฒนธรรมทวนกระแสทำคือเราอะไรทำแบบไม่มีตัวตนแต่กินได้ เช่นจะซื้อจะขาย
จะเบิกถอนเงินโอนเงินเราทำผ่านสิ่งไร้ตัวตนการขับเคลื่อน แต่ผ่านระบบนามธรรม
ดิจิตอล แต่เรากินได้ พอใจ
ไม่เจอเสียเวลา ไม่เจอรถติดต่างๆนั่ง นอน
กินทำเวลาไหนก็ได้ 24ชั่วโมง


เมื่อมีคนชั่วหรือ"ดามุก"ที่เจนอ้างแทรกเข้ามา ก็มีการตรวจสอบ จับกัน ล่อจับล่อซื้อล่ออขาย ล่อจับ ล่อทำของตำรวจแทรกเข้ามา

แต่แน่ละยังมีสิ่งไม่ใช่"ดามุก"จอมซนอีก
มากมายนัก ทั้งกลุ่มคนชั่วชนิด ปัจเจกะคนเดียวทำชั่ว เป็นแก๊ง เป็นฮั่วกันกัน
อีกจิปาถะนอกจากดามุก พบว่าทำกันแบบเลวๆลับที่จับไม่ได้จนกลายเป็นวัฒนธรรมของคนชั่วกระนั้น
ถึงขั้นนี้สรุป
ความชั่วบนดิจิตอลแยกออกเป็นสองคือ
ชั่วโดยดามุกแผนเนียน
ชั่วโดยไม่ใช่กลุ่มดามุก

เจนคงเคยเห็นว่าคนแอบขโมยกระแสไฟห
ลวงใช้ฟรีเขาทำกันและถูกจับได้ ก็เพียงนำสายไปเทียบสายไฟจ่ายดึงกระแสมาใช้ฟนีแบบลับๆเขาทำกัน แต่ต่อมาจับได้
ดิจิตอลก็เช่นกันเขาทำแบบขโมยกระแสไฟ
หลวงมาใช้ เช่นวิธีปลอมแปลง คน จริงคนเทียมทำ แล้วขโมยข้อมูล สร้างรายได้เถื่อนๆผิดๆ แล้วกลายเป็นโจรไซเบอร์
แน่นอนการตามจับนั้นต้องมี
แต่กระนั้นก็ต้องเฝ้าระวัง
แบบประกยตัว แต่การมีประขากรหนึ่วคนต่อตำ่รวจหนึ่งนายเราทำไม่ได้ จึงทำแบบ
"ดิจิตอลวิธี" เราทำได้ และก็อยู่ได้แบบสันติสุขงัย


เจนพบว่า มือถือบางครั้งใช้อยู่ดีๆ เงียบไปเฉยเลย

อันนี้ 
ความผิดมีอยู่ดูว่า

เราเจ้าของมือถือ
มีไวรัส สกปรก
เติมเน็ตครบ
สายขาดเครื่องน้ำเข้า
เครื่องเราเก่า
หรือว่าทีมือดีแอวตัดสาย แอบดักฟัง
หรือมีตำรวจเขาสงสัยและติดตาม
หรือเพราะฝ่านขายเค้าคลื่นทำงานผิดพลาด
คลื่นส่งมีปัญหา เพราะอากาศแปรปรวน
และที่มีหาสาเหตุไม่พบอีกมากมาย
ก็เหมือนไฟหลวงดับ เพราะฟ้าผ่าเสาไฟ เพราะรถชนเสาไฟล้ม เพราะคนงานซ่อมสาย หลายสาเหตุสรุปคือไฟฟ้าบ้านเราใช้ไม่ได้ ปัญหาในบ้านก็เกิดขึ้น อย่างงัย"เจน"

เราต้องค่อยดูค่อยคลำในสังคมมดแบบนี้
เคยได้ยินว่าผึ้งเป็นสัตว์สัง
คม แต่ตอนนี้มดเป็นสัตว์สังคมแล้วนะ"เจน"

ชาร์พูดจบติบไว์แดงเข้าไป1แก้วกับขนมปังและเนื้อแฮมสีชมพู1ขีดชิ้น แล้วชาร์เอนหลังม่อยหลับไป เจนเข้านวดขาอ่อนขาร์เพราะคิดว่าเจ้านายเป็นลม นเตนเห็นชาร์นอนอย่างนั้นแล้วมีอารมณ์สงสารนายและอยากให้นายร่วมเพศด้วย แต่ไม่มีเรื่องนี้ตามมา
เพราะชาร์มีมอรัลเลีย และ"นิยายติดมากไปเอง"
เรื่เพศลามกอนาจารไม่มีในนิยายนี้แต่ถ้ามีมันผลุดมาเองไม่ทีเจ
ตนา
แต่ที่ผลุดมาเองไม่มีเจตนาชาร์ยังไม่พบ
ติดตามต่อไป....









วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ตอนที่ 17 : เอาเสียเถิดจะดีเอง

16. นวนิยายเชร์นัวร์(8506)


ตอนที่16

ชาร์ให้ชื่อตอนนี้ว่า"แอบมอง"

     เชนัวร์เป็นทั้ง บทกวี บทนิพนธ์ นวนิยาย
บทเพลงและอะไรทั้งหมดที่ทำหมดที่ทำ"ให้สบายใจ"


           นโยบายแอบมองของชาร์มีดังนี้ เจนก็คงรู้
เพราะเจนเป็นปัญญาชน และตัดสินใจมาทำงานตามสัญญาว่าจ้างที่คฤหาสน์ก็เพราะว่าเห็นว่าเจ้านายเป็นคนมีมรรยาทและแ
น่นอนการริดรอนและการละเมิดทางเพศจะไม่มีขึ้นที่เจนคนประสบภัยดามุกมามากแต่เก็บความไว้ในมจ "ไม่เคยพูดเปิดเผยให้ใครรู้แต่บอกกับชาร์"" ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องมีการรับผิดชอบตามมาเป็นมั่นเหมาะ "มิใช่คว้าน้ำเหลว" นี่คือสิ่งทั่เจนคิดอยู่ในใจเสมอ และไว้ใจชาร์ แม้บางครั้งเจนจะปล่อยตัวเกินไป เ
ช่น บางครั้ง "นุ่งผ้าหลุดลุ่ย วอบๆแวมๆขณ
ะทำงานที่คฤหาสน์ตลอดเวลาทำงาน4ปีผ่านไป แต่ชาร์ไม่ตำหนิ และชาร์กฌไม่ติดใจวะตถุทสงเพศเมื่อมีเหตุส่ออาการบัดสีบัดเถลิงเกิดขึ้น และเจนเองก็ไม่เจตนา เพราะเธอมีภารกิจมาก จนทำงานลืมไว้เนื้อไว้ตัว และที่คฤหาสน์ก็เป็นเขตลับปกปิดและหวงห้ามสำหรับบุคคลภายนอก"
และ
เพราะเห็นว่ามีชาร์เป็นเจ้านายดีมีคุณธรรมและมีมอรัลเลีย

     "คนจะรักกัน ชาร์ไม่ชอบให้ใครมาแอบมอง คนมาขอเหล้ากินฟรีไม่มีแรงงานตอบแทนชาร์ถือว่าเป็นคนขาดมอรัลเลีย"


       มาที่ทัศนคติของชาร์ต่อ ข่าวเด่นของโลกที่มีดาวเด่นของโลกเกิดขึ้นในโลกอีกหนึ่งดวง เธอเป็นมนุษย์
รู้จักกันในนามว่า"ลิซ่า" นี้คือความเห็นของชาร์

          Lalalisa_m in Instagram

          Lalalisa_m in Instagram

          Lalalisa_m in Instagram

          Lalalisa_m in Instagram

ในอินสตากราม เธอดังก้องโลกชั่ววินาทีจากขีดวัดด้วยสื่อมีเดียยักษ์ใหญ่ตัวนี้ตัวหนึ่ง

        ชาร์รู้มาจากเจน และเปิดดูพบว่าลิซ่าปรากฎการณ์นี้ มันอลังการ "มันอัจฉริยะ"จริงๆ  มันตีประวัติศาสตร์บันเทิงได้แตกเมื่อมองที่รายได้นับเป็นนาที ดิจิตอล มันสนุกมาก แต่ชาร์ไม่ได้สนใจตัวนี้. 
       ชาร์สนใจจาการความสุขใจที่เกิดจากการมองเฟ็นและเสพสิ่อตัวนี้ท่านั้น




         แท้จริงลิซ่าคือแรงกระตุ้นให้คนขยันมุมานะ ตื่นตัวไปกับแรงเต้นแรงเหวี่ยงที่ผ่านการฝึกปรนมาอย่างดีและที่ลิซ่ามีแววอัจฉริยภาพกอร์ปกับเสียเพลงแปลกๆใหม่
ๆ ๙นิดแบบวัฒนธรรม hip-hop-และ rapper และเป็นK-pop(Koria-popular) สะท้อนให้สังคมยุคสมัยรอสงครามโลกที่3เกิดที่สงครามโลกกำลังจะเข้ามามีบทบาทในมิติต่างๆที่ทุกคนเฝ้าแวดระวัง  
ก็หากมีสมรภูมิสงครามแบบสมัยสงครามเวียตนามที่มีดาราดังของโลกมาให้กำลังใจทหารมจทหารจีไอGI(Goverment issue)

สนุกสนานช่วงพักผ่อนจากการรบ
ถ้าตอนนี้มีสมรภูมีสงครามยืดเยื้อเกิดขึ้นเกิดมีรายการ" ลิซ่า" เข้าไปปลอบใจทหาร "ชาร์คิดว่าสงครามคงสงบลง"ได้ อันนี้เป็นความคิดของชาร์นะ มิใช่บทวิพากษ์วิจารณ์วิเคราะห์ข่าวของหนังสือพิมพ์ เพราะ "เชร์นัวร์"เป็นนวนิยายและชาร์เป็นพระเอกขอ
งนวนิยายเรื่องนี้



ความดังของลาลิซ่าLisaเกิดมาในยุคคาบเ
กี่ยวกับไวรัสโควิดCovid-19ที่กำลังคุกคามโลก
เมื่อข่าวนี้มาถึงหูขาร์

มันทำให้ชาร์ลืมเรื่องโควิด19ที่กำลังระบาด
มันทำให้ชาร์ทึ่งในความสามารถของสุภาพสตรีเหมือนไอดอลเด็กหญิงผู้ไร้เดียงสาผลุดมา เขย่าโลก จากผลงาน ที่จุดประกายให้คนทั้งโลกติดตามตนเองด้วยเสียงเพลง
เพลงและลีลาการเต้นการรายรำขับร้องอันสะดุดยิ่ง


"มันมาไวมาก มันมันส์และสนุกและจุใจคนทั้งโลก "มันกระตุ้นให้คนตื่นจากหลับไหลและซมซานกับพิษโควิดไวรัสที่กำลังระบาดเพราะ พิษตัวนี้เทียบเท่า สงครามโลกครั้งที่3ทีเดียวแต่มันเป็นสงครามระหว่างไวรัสกับมนุษย์เท่านั้น


กระแสรายได้ไม่ต้องถามมันเบ่งบานเหมือนดอกเบี้ยและหุ้นซื้อขายดิจิตอลทีเดียวละ
สิ่งนี้ รวมทั้งการโป่โมการซื้อจายส่งออกสั่งเข้าตามมาแบบ(Brand ambassador) เป็
นสากลเลย ที่มันนับวันทะยานขึ้นแบบจรวดไปโลกอวกา
ศทีเดียว





เสียงเพลงและการเต้นที่แหวกแนวและเพลงใหม่ๆและความสวยและเท่ห์งามสุดอลังการ เ
กิดขึ้นเป็นมิติใหม่ที่ทำให้ชาร์ต้องติดตาม
ไปกับเสียงวิจารณ์ที่ฝ่าเข้าไปทั้งแวดวงในเชิงบวกเชิงลบอันสันติวิธีจริงๆ

           ชาร์วางปากกาจากการตรวจแก้นิยายให้"คุณวิ"ทันทีสักพัก เมื่อไลฟ์สดเกิดขึ้นส่งผ่า
นมือถือมาถึง ชาร์พักมือทันทีเมื่อเสียงเพลงของเธอผ่านมา



เพื่ออุทิศให้กับการพักผ่อนและเสียงดนตรี
ในชุดลิซ่านี้

มิใช่โฆษณาแต่มันเป็นมนต์ขลังระทุขึ้นมา
เหมือนคนมาจถดประทัดขอหวยที่ศาลเจ้าพ่อตาเดียวในเชร์มัวร์เลยทีเดียว

สรุป"ต้องหยุดฟัง"
เหมือน
ดุจดังเด็กนักเรียนทุกคนต้อวหยุดภารกิจทั้งหหทด เมื่อเสัยงเพลงขาติที่หน้าเสาธง
ดังขึ้นในตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียนกระนั้น



         ชาร์เคยพบว่า คนขาด้วนที่ โรง
พยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง(ปกปิดชื่อ)ในแดนไ
กลเป็นวอร์ดwardคนขาพิการ คือเมื่ออุบัติเหตุไฟไหม้โ่รงพยาบาลเกิดขึ้น ทำให้คนพิการสามารถเดินวิ่งหนีไฟลงมาจากอาคารได้อย่าง
ปลอดภัย ในขณะที่พวกเขาตามปกติ
เดินไม่ได้นอกจากพึ่งพยาบาลพยุงเท่านั้น


      "ความกระตือรือร้น" มันปาร์ค(Spark)ให้ทุกขีวิตตื่นจากความหลับ

"มันทำให้เกิด"

ผลจากการติดตามและติดใจในนักร้อง



เเนวการเต้รและเริงรำ
ทำเพลงอย่าง"ลิซา"นี้ทำให้คนทั้งโลกตื่นตัวลืมโึควิด-19ไปหมดสิ้น
ชาร์คิด


หวนกลับ มาติดใจเสียงเพลงและการกระโดดโลดเต้าที่เร่งร้าว และได้อารมณ์ แม้ไม่ทุกคนที่ชอบ
แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้ " ประกายแห่งความจริง
เกิดขึ้น"


        มีการขับเคลื่อรเกิดขึ้น"ทันที ตามมา หลังข่าวสะพัดนี้ลือกระฉ่อนออกไปในทุกทุมโลก

นับว่าทุกหย่อมหญ้าในที่ๆคลื่นโทรศัพท์เข้าถึง ยิ่งมา"ยุคควอนตัม และยุคโฟตอน(Quantum &photon)ที่ ตัวนี้
สื่อและเสียงภาพมีพลังระบาดไวผ่านมือถือที่ทุกคนมีโดยไม่มีเครื่องนำพาให้เห็นไ
ด้ "แต่ภาพกายภาพเกิด" มันเป็นอุปกร
ณ์ เทียบให้ดูคือ ถ้าเช่นรถไฟต้องกินฟืนหรือน้ำทันทีที่วิ่งบนรางแต่เห็นคนทำ แต่เจ้าควอนตัมและโฟตอนนี้มันเดินทางมาถึงมือผู้เสพได้ไวแทบจะกว่าเสียง"ทำ" ไม่ปรากฎคนทำแต่มีที่มาที่มาไป"นะไม่แปลกนะ ก็โลกมมันเจริญแล้วไง! คือมันใกล้จะพบพระอาทิตบ์และพระจันทร์ดวงใหม่ๆเกิดขึ้นหรือหลบซ่อนที่ไหน เราจะพบอีกกระนั้น" กล่าวคือทฤษฎีในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้กลับเป็นไปได้"
"น่ะ ๆ !เพื่อนมนุษย์"





ตามปกติเรื่องดังๆที่เป็นกระแสมักจะมาจาก
ทางตะวัตกแต่คราวนี้เรื่องกังๆที่เป็นกระแสมันมาจากทางตะวันออก" ชาร์ขอชม "
มันเป็นความพิศดารของธรรมขาติที่มนุษยชาติต้องยอมรับไว้โดยดุษฎี"


และชาร์เองก็เป็นผู้ติดตามอย่างบ้าคลั่ง
อยู่ด้วย"อย่างมิได้แกล้งทำทีนะ"



ถามว่าทำไมจึงชอบ"ลิฃ่า"
"ชาร์ไม่มีคำตแบ เพราะไม่รู้จะตอยยังไงจึงไม่ตอบ"
ดูเอาเองก็แล้วกัน"ขาร์เสริม"


        แต่มิวายเจนกล่าวเสริมว่า "ดามุกใช้
การหักล้างเชิงเผ่าอนุพันธุ์หลากชนิดสงครามเย็นร้อน สงครามเอ็น และสงครามตึง แต่แนบเนียนมีเป็นแบบศิลปะภาพวาดแต่นอกส๊ตร(คือภาพที่วาดถ้าออกมาดีก็เห็นด้วย แต่ถ้าออกมาไม่ดีก็จะไม่ปรากฎคนทำ คือจับฺผิดใครไม่ได้นั่นเอง


คือจับผิดยากต่อไปอีก ในมิติมืดอีก 

      เจนยังคงนำเรื่องดามุกที่เจนพยายามจะมากล
บเกลื่อนอารมณ์สุขและเพลินสบายในเสียงเพลงของลิซ่า ในตอนนี้ของชาร์
     คือ แต่ชาร์รู้ว่า เธอทำด้วยบริสุทธิ์ใจเจตนา เพราะเธอประสบภัยดามุกมา "ว่างั้น"

ก็ดีถ้าพบความจริง แล้วว่าดามุกขาดมอรั
ลเลีย คือดามุกชอบ"แอบมอง"ละเมิดสิทธิ์ทางตากับใครอื่นนั้นตามที่เจนพยานมา


ชารฺถือว่าผิดและต้องกำจัดและทำลายเสี
ยคนประเภทนี้" ถ้ามี" แต่ตอนนี้ชาร์พบว่า"ยังไม่มี" ที่มีแล้วนั้นมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ"



ชาร์หนักแน่นพอ "ว่า สรรพสิ่งเปฺ็นอลังการๆชาร์ไม่เคยติดใจว่าอะไรจะเกิด เพราะสรรพสิ่งมันเป็นธรรมชาติ แต่ชาร์ก็รับฟังมิติที่เจนกล่าวมาทุอย่างต่อไป

เพราะขาี์ถือว่า มันคือ"สิ่
่ง"

   สุดท้ายชาร์ตอบว่า  "ก็มันเป็นวิทยาศาสตร์"กล่าวคืออะไรที่เป็นตัว ดามุกก็ดี อื่นใดก็ดี เรื่องหอคอยในงาข้างก็ดี เรื่องสงครามเสือกระดาษก็ดี นี้ ชาร์ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์

คืออย่างงัย
"คือ"

มันต้องผ่านพิสูจน์และทด
ลองสังเกตและแล้วก่อน "ฉันจะยอมรับเธอพูด"


























              อ่านความจริงของ"มอรัลเลีย" :Morralia"ต้องอย่างงี้ อ่านนิยายตอนล่างนี้ดูนี้ดู แล้วลองคิดดูว่า
มอรัลเลียคืออะไร

"เพราะมอรัลเลียมันเป็นคสทมละอายในเชิงคุณธรรมที่ทุกคนต้องมีโดยไม่ต้องสอน"













ที่กระท่อม ไม่มีไฟฟ้าใช้มีแต่น้ำบ่อมีตุ่มใหญ่ และเตาฟืน เตาย่าง มีแต่ไฟแสงอาทิตย์ติดไว้ช่วงหลัง และ เป็นเขตหวงห้าม
ใครเข้ามาที่กระท่อมถือว่าบุกรุก มีป้ายติดไว้
ถ้่าตอนนี้ใครเข้ามาแสดงว่า"มาเพื่อฆ่ามุ่งร้ายชาร์" ตำรวจเห็นให้จับทันที

       แม้"เจน"ทาสคนใหม่
ก็ไม่อนุญาตเข้ามาทุกกรณี
ที่กระท่อมเชร์นัวร์นี้ เพราะกลัวผี"คุณวิ"ดุเอา
เนื่ิองจากเธอหึงหวงมาก(พ่อมด"สิงคล
า อายุมาก หนวดขาวโพลน ยาวเฟื้อย เดินไม่ค่อยไหว มีไม้เท้าเป็นพาหะในการเดิน ตาบอดหนึ่งข้างๆซ้ายและเป็นหมองู มีว่านงูไว้ในครอบครอง คนเชร์นัวร์ถือว่าท่านเป็นพ่อมด"


         ในวันฝังศพ"คุณวิ"ท่านทำนายบอกชาร์ไว้หลังวิตายลง

          ชาร์รับฟังและพองขนเมื่อได้ยินคำนี้จากท่าน


     ที่ กระท่อมเชร์รัวร์ติดกับสระบัวเป็นสระใหญ่ มีกบและตัวนาก เขียดน้ำค้าง จิ้งหรีดขาว และตัวตะกวด และงู่เห่าและตัวพัวพอนชุกชุมมากเป็นนิเวศน์สมบูรณ์ "ท่านปลัดอำเภอท่านหนึ่งยืนยัน" ตอนมาตรวจเยี่ยมดูความสงบในพื้นที่ นานมาแล้ว และมีบันทึกในสมุดเยี่ยมถูกเก็บรักษา
ไว้ที่บนคฤหาสน์


หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า:


หนังสือcounter point ของAldoux Huxley
เขาแปลว่าจุดเคาน์เตอร์จุด งานที่ซับซ้อนในการมองตัวละครอื่นจากเรื่องที่เจาะจงมาเฉพะของตัวละคร(จำเป็นมีอ้างอิง)ตีพิมพ์ พ.ศ.2471

 

"คุณวิ"ซื้อมาจากปารีส ที่ร้านขายหนังสือเก่าริมฝั่งซ้ายแม่น้ำเซน
ชาร์จำได้เพราะวิบอก แต่ชาร์ไม่มั่นใจ
สรุปวิซื้อมาไม่ได้ขโมยหรือหยิบจากเพื่อนมาเฉยๆ" ว่างั้น"

 

ทำไปทำมาชาร์ได้เจน
เป็นคู่คิดคู่ขา แต่ชาร์ไม่มีอะไรกัน"

 

พวกทาสที่เขนัวร์และพวกดามุกคิดว่าเจนเป็นเมียลับของชาร์แน่

"แต่ป่าวลย"

ทางฝ่ายมองว่า "เจนทำทีว่าเป็นคนใช้มีเงินปี(เงินเดือน)จากคฤหาสน์ แต่ชาร์กับเจนไม่มีอะไรกันที่จะทำให้พวกดามุกเชิงลบจัดฉากมาตั้งวงจรปิดแอบดูได้

เพราะเดี๋ยวนี้มีกล้องวจรปิดชนิดละเอียดสุดขีดแล้วเฉียดๆเหนือการพิสูจน์ด้วย

คาร์บอนส์14 และาแล้วและสาธารณะถ้าใครมีเงินซื้อมา

ที่เดียวที่เทคโนสมัยใหม่ขาดไป

คือกลิ่นคือส่งกลิ่นทางมือถือ ถ้าทำได้


 "เพราะเจนเชื่อว่า มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง"

วันหนึ่งเจนได้สารภาพกับชาร์" อย่างนี้

ทำเอาชาร์หัวเราะเมื่อได้ยินคำนี้แต่คล้อยตา
มเจน เพราะเจนเป็นคนใ
ช้ แต่เจนก็เป็นปัญญาชน


"ชาร์ไม่สะอึกในคำพูดของเจน"

พวกดามุกคิดว่า ชาร์นี้โง่
บัดซบ เป็นเศรษฐีส่วนเกิน
มีแต่อดีต แต่ทั้งที่รู้ว่าชาร์ตอนนี้เป็นกุมารทองก้นรั่ว

แม้กระนั่น พวกดามุกยังรุมกันอิจฉาและริษยา
คอยจ้องว่า " ชาร์น่าจะโอนส่วนเกินมาให้พวกตน แต่
ดามุกทำไม่ได้ แต่มีทาง
By -passคือทางเบี่ยง
เขากำบังทำกันแบบลับๆ คือหน้าไหว้หลัง

หลอก ตีหน้าซื่อใจคด แบบหน้าอย่างหลังอย่าง
 ชาร์รู้ข้อนี้จากเจนทาสใหม่ว่า

"เราต้องคอยติดตามแนวคิดของดามุก ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป "ชาร์นั่งครุ่นคิดอยู่
อย่างภาพปั้นของ.......ครุ่นคิด :Le Penseur- The Thinker) งโดยโอกุสต์ รอแด็ง
ปฏิมากรชาวฝรั่งเศส ที่ตัวจริงปั้นตอนนี้อยู่ที่ กรุงปารีส ในประเทศฝรั่งเศส แต่มีรูปจำลองอีกมากมายทั่วโลก รูปชายแต่ปูนปั้นภาพคนนั่งคิดเหมือนมีความขัดแย้งภายในนี้

รูปปั้นนี้มักจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของปรัชญาแห่วคนครุ่นคิด
ที่ปั้นโดย...Auguste Rodin..(ออกุส โรแดง=ภาษาฝรั่งเศส..สำหรับรูปจำลองมีหลายๆแห่งทั่วโลก แต่ ในส่วนที่ชาร์เคยเห็นที่มันปรากฎกลางถนนสายหนึ่งในในเมือ
งของปารีส(Arrondissement
เขตที่....)

เขามีไว้เป็นอนุสรณ์ ที่ชาร์เห็นขณะเดินเชื่อว่ามิใช่ตัวจริงเพราะตัวจริงเป็นบร็อนซ์และหินอ่อน
อย่างไรก็ตามชาร์ไม่ชอบเป็นคนอ่อนอ้างอิงหลักฐาน คือเมื่อไม่แน่ใจจะไม่นำมาพูดอ้าง
ทุกอย่างในชีวิตชาร์จึง
เน้นการอ้างอิงที้พบมาด้วยตนเองกับตา ราวกว่าเหมือนกับการมีโอกาสได้ปรากฏตัวบนที่หน้าบัลลังก์ศาล

จึงพูดให้คนอื่นฟังได้ จึงทำจึงพูดจึงสื่อต่อ


ชาร์จำได้ที่เที่ยว และหลงทางไป เลยเหลือบไปเห็นเข้าเป็นอาหารตา (food of visions) อาหารใจ(food of thoughts)ชิ้นนี้เข้า ในวันหนึ่ง
ก็นี้งัย ที่ชาร์ชอบปั้นแกะอย่าง ปฏิมากรทำในโอกาศต่อมา

ตอนชาร์เรียนศิลปะระดับอนุปริญญาก็เลือกวิชาปั้นเป็นวิชาโท

 

ยอมรับว่าเคยเรียนมาบ้างเป็นวิชาโท ในระดับอนุปริญญา และสอบได้ 
!

แต่เมินเสียเถอะ'ดามุก' คิดหรือว่าข้าจะทำให้ส่วนเกินที่ข้ามีอยู่นี้นี้หายไปจากตัวข้า !  "ชาร์ทนงใจในตัวเองอยู่ในใจอย่างเงียบ" เพราะส่วนเกินชิ้นนี้มันเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ขาร์เหลือ

มันเหลือพร้อมกับลมหายใจชุดสุดท้ายก่อนตายที่มันดื่มกินได้ "นี่คือปณิธานของชาร์"

 

!โง่บัดซบ!  


ดามุกมองชารฺ์ด้วยใจหนยามเหยียดต่อปณิธานของชาร์

 

และชาร์ก็ยอมรับว่าตนเองนะโง่ในสายตาของพวกดามุก 

"แต่เดี๋ยวก่อนสหาย-
เราจะขายความโง้นี้แก่เจ้า" เพราะเราไม่คิดคิดคดโกงทรยศต่อความรู้สึกของใครๆเหมือนพวกเจ้า"

เราจะทำความโง่ของเราให้ฉลาดให้เป็นสิ่งใช้ได้เหมือน ดังที่สำนักปรัชญา
Unlinitarian สื่อเอาไว้คือ'ลัทธิอรรถประโยชน์'


ให้ได้พวกสูเจ้าจงรู้ไว้ 

 

ข้ามีส่วนเกินของข้าเป็นเดิมพัน

ข้าทำได้


ก็เพราะพวกเจ้าคิดลบอย่างที่พวกเจ้ากำลังคิดงัย !พวกเจ้าจึงเป็นคนมีบาปในสายตาของสังคมเชมัวร์"
ชาร์กล่าวในมิตินี้ในใจของตนเองในที่สุด อย่างมั่นใจว่าไม่ผิด คือAbsolutely true. and correct.ที่แปลว่า

มันต้องถูกและจริง อย่างไม่ต้องสงสัย.


ความจริงจนเกินไปความจริงจนเกินไปความจริงจนเกินไป

 




 







วันหนึ่ง
ผ่านม่านหน้าต่างเชนัวร์ออกไปที่ที่ทุ่งมีหญ้าป่านาและฟ้ากว้างอย่าง (impress)ประทับใจ
ของช่วงเช้าวันหนึ่ง

คนเขารวยกันตูมตาม
แต่ชาร์ไม่มีวี่แววว่าจะรวยเหมือนเขาบ้าง 'ท่าดีทีเหลว'
'ดามุกเหยียดชาร์กัรถ้วนหน้า"

"อ้าว!ทำไมพวกเธอยังมาคงตามล่าความโง่ของ(ชาร์)เราอีกล่ะ"


ชาร์กล่าวโต้ความรู้สึกของพวกดามุกอยู่เงียบๆ
และ
คิดต่อไปพูดต่อไปในใ
จอันสดใสและปราศจากอคติของตนเองว่า

:
 ก็ถ้าตนเองคิดว่า 'เราโง่ เจ้าจงไปตามคนที่รวย และรีดไถ และจ้องเอาความมั่งมี
และส่วนเกินของคนรวย






วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Hut of Charnoir"by marttriniiWriter of Charmoir Estate.

ตอนที่ 15(นิยายกระท่อมเชนัวร์)
"Hut of Charnoir"by marttrinii
Writer of Charmoir Estate.

 (ที่"Blog"อ่านได้เลยไม่มีพันธะใดๆๆ)

15.ม้าสีหมอกลงมารับวิ่งเมล์พาคนไปดวงจันทร์


             ในชั่วโมงหยุดพัก เมื่อชาร์ได้มีโอกาสพบกันในตอนเที่ยงๆอากาศดีๆ

               เจนบอกว่า: คนสมัยก่อนพอทำบุญจะอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร แต่สมัยใหม่ เขาจะอุทิศว่า "ขออย่ามี "มด และหนูยุง"มากวนใจเท่านั้น"

             ชาร์หนุนแนวคิดของเจนตัวนี้ คือเห็นด้วยกับเจนที่จุดนี้!

"ใช่ " โลกเริ่มย่างเข้ามิติแห่งความจริงมากขึ้นนอกจากการฝันเพ้อที่ไร้สาระและจับต้องไม่ได้


"แล้วงัยต่อ" ชาร์ซัก

ก็ไม่มีอะไีร แค่บอกอะไรคุณบ้าง

ประโยคนี้ทำให้เจน

สบายใจ ขึ้น


งั้นว่าไป"ชาร์ตอกกลับและกล่าวต่อไปว่า

"

ถ้าไม่ได้ฟังความจาก"คุณ"แล้วใจมันไม่ค่อยเคลียร์อยู่เหมือนกัน แต่ผมสนใจเรื่อง"ดามุก"ที่คุณชอบกล่าวถึงอยู่


"เพราะถ้าดามุกมีจริงอย่างที่เจนกล่าวตามความฝัน จะได้กำจัดมันเสีย"


       เพี่อสำหรับ"ผม"และโลกใบนี้จะได้สมบูรณ์ที่สุด และไม่เอียง ก็"ดามุก "ข่าวโหดเหี้ยมอย่างบาปเหลือผมก็พึ่งรู้จากคุณนี่ล่ะ หรือมันเป็นแฝงเข้ามาเป็นพยาธิสภาพที่ผมไม่รู้และมันเกิดในตัวผมด้วย ผมเองก็ไม่รู่เช่นกันเพราะไม่เคยสน!


         เจนตอบชาร์ว่า "แล้วหนูจะบอกถ้าพบกิจกรรมของ"ดามุก"เคลื่อนไหว"


เจนกล่าวต่อ

         คนสมัยนี้คิดเรื่องคอมมิวนิสต์หรือไม่คอมมิวนิสต์เป็นอีกเริ่องที่ตรงข้ามไป จริงอยู่คอมมิวนิสต์เป็นแฟชั่นของอดีตแต่ปัจจุบันมันเป็นตำรานะหนูว่า! "เจนปรารภ"

มีอะไรหรือเจน ชาร์ย้อนถาม


      '  ก็ดามุกนี่งัยประเด็นค่ะ'

คือว่า ...."เจนกล่าวต่อ" 


คำถามในใจหนูมีว่า "ดามุกเป็นทาสของการเมืองหรือเป็นเครื่องมือของการเมือง

หรือเป็นเพราะการวิวัฒน์ทางสังคมกลุ่ม

หนึ่งที่เป็นเของเชิงลบ หรือมีสันดานบาปในตัวมันเอง หนูสงสัย

เพราะดูเหมือนว่ามันเป็นพยาธิสภาพในสังคมตามที่หนูเห็นมาหรือไม่ ..แต่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์

นะหนูคิดว่า เพราะการเมืองกับการร้ายทันต่างกันนะ!





"เจนยังไม่หาคำตอบได้ลงตัวคือเพื่อจะหาอะไรมาตอบโจทย์ที่สงสัยนี้ได้ 

แต่เจนไม่ชอบ"ดามุก"เป็นเดิมพันอยู่แล้ว เพราะดามุกทำให้เจนมีหายนะมากับมันตลอดชีวิตที่เจนผ่านเลยมา เช่นชอบแซวหนูเมื่อพบกัน

และการที่เจน

ต้องมาเป็นทาสที่คฤหาสน์นี่ก็เพราะดามุก"นี่คือสิ่งที่เจนเข้าใจประโยคนี้ดี แต่เจนไม้ได้บอกให้ชาร์รู้เพราะอาย



"ต่อไป"


หรือว่าสันดานดามุกมันเป็นเช่นนั้นเอง ดามุก "เ

จนครุ่นคิด"



ชาร์ไม่ชอบบทสนทนาหนักๆแบบนี้แต่ ก้อพอทนฟังได้ เพราะชาร์เป็นนักสังคมเชิงวิกฤตในตัวมันเองอยู่แล้ว แบบเชิงลึกและชั้น

สูง และมีบทบาททุี่เข้าใจยากแต่มีมอเรล และวงเล็บแต่มิใช่สายลับให้องค์กรใดนะ"


"ชาร์"


ในฐานะปัญญาชนขนิดหนึ่งแบบทวนกระแสดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่เจนเป็น แต่ที่สำคัญคือ



ชาร์ที่ปฏิเสธมาโดยตลอด ที่จะไม่ไปข้องแวะการเมือง แม้ชาร์ยอมรับว่ามนุษย์เป็นสัตว์การเมืองและสัคว์สังคม



และโดยเฉพาะ ตอนนี้ชึ่งชาร์งดไปทำกิจกรรมใดๆทางการเมือง การวัด การบ้าน รัยๆทั้งสิ้น คือตัดสังคมทุกอย่างออกไปเพราะไ

้ว้ทุกข์ให้คุณวิ "ว่าอย่างนั้น"

 สังคมในชนบทชาร์

มัวร์พยายามเข้าใจเรื่องนี้ของชาร์กันทุกคน

เพราะ"ความรักความอาลัยอาวรณ์เป็นสิ่งที่มนุษย์ปฏิเสธหรือละเว้นไม่ได้เหมือนแม่หมารักและหวงลูกอ่อน" นี่เป็นบรรทัด

ฐานของสังคมเชร์มัวร์ที่เกิดเขึ้นอยู่แบบองค์รวมตอนนี้ เท่าที่ชาร์มองเห็น คือคนที่เชร์มัวร์นี่เน้นสนใจเรื่อง

"ฝนตกกับแดดออกเมื่อไหร่เท่านั้น"ในวันๆหนึ่งที่เขาเสพชีวิตกันอยู่ !ว่างั้น



วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ตอนที่ 15(นิยายกระท่อมเชนัวร์)

ตอนที่ 15(นิยายกระท่อมเชนัวร์)

 

15.ม้าสีหมอกลงมารับวิ่งเมล์พาคนไปดวงจันทร์


             ในชั่วโมงหยุดพัก เมื่อชาร์ได้มีโอกาสพบกันในตอนเที่ยงๆอากาศดีๆ

               เจนบอกว่า: คนสมัยก่อนพอทำบุญจะอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร แต่สมัยใหม่ เขาจะอุทิศว่า "ขออย่ามี "มด และหนูยุง"มากวนใจเท่านั้น"

             ชาร์หนุนแนวคิดของเจนตัวนี้ คือเห็นด้วยกับเจนที่จุดนี้!

"ใช่ " โลกเริ่มย่างเข้ามิติแห่งความจริงมากขึ้นนอกจากการฝันเพ้อที่ไร้สาระและจับต้องไม่ได้


"แล้วงัยต่อ" ชาร์ซัก

ก็ไม่มีอะไีร แค่บอกอะไรคุณบ้าง

ประโยคนี้ทำให้เจน

สบายใจ ขึ้น


งั้นว่าไป"ชาร์ตอกกลับและกล่าวต่อไปว่า

"

ถ้าไม่ได้ฟังความจาก"คุณ"แล้วใจมันไม่ค่อยเคลียร์อยู่เหมือนกัน แต่ผมสนใจเรื่อง"ดามุก"ที่คุณชอบกล่าวถึงอยู่


"เพราะถ้าดามุกมีจริงอย่างที่เจนกล่าวตามความฝัน จะได้กำจัดมันเสีย"


       เพี่อสำหรับ"ผม"และโลกใบนี้จะได้สมบูรณ์ที่สุด และไม่เอียง ก็"ดามุก "ข่าวโหดเหี้ยมอย่างบาปเหลือผมก็พึ่งรู้จากคุณนี่ล่ะ หรือมันเป็นแฝงเข้ามาเป็นพยาธิสภาพที่ผมไม่รู้และมันเกิดในตัวผมด้วย ผมเองก็ไม่รู่เช่นกันเพราะไม่เคยสน!


         เจนตอบชาร์ว่า "แล้วหนูจะบอกถ้าพบกิจกรรมของ"ดามุก"เคลื่อนไหว"


เจนกล่าวต่อ

         คนสมัยนี้คิดเรื่องคอมมิวนิสต์หรือไม่คอมมิวนิสต์เป็นอีกเริ่องที่ตรงข้ามไป จริงอยู่คอมมิวนิสต์เป็นแฟชั่นของอดีตแต่ปัจจุบันมันเป็นตำรานะหนูว่า! "เจนปรารภ"

มีอะไรหรือเจน ชาร์ย้อนถาม


      '  ก็ดามุกนี่งัยประเด็นค่ะ'

คือว่า ...."เจนกล่าวต่อ" 


คำถามในใจหนูมีว่า "ดามุกเป็นทาสของการเมืองหรือเป็นเครื่องมือของการเมือง

หรือเป็นเพราะการวิวัฒน์ทางสังคมกลุ่ม

หนึ่งที่เป็นเของเชิงลบ หรือมีสันดานบาปในตัวมันเอง หนูสงสัย

เพราะดูเหมือนว่ามันเป็นพยาธิสภาพในสังคมตามที่หนูเห็นมาหรือไม่ ..แต่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์

นะหนูคิดว่า เพราะการเมืองกับการร้ายทันต่างกันนะ!





"เจนยังไม่หาคำตอบได้ลงตัวคือเพื่อจะหาอะไรมาตอบโจทย์ที่สงสัยนี้ได้ 

แต่เจนไม่ชอบ"ดามุก"เป็นเดิมพันอยู่แล้ว เพราะดามุกทำให้เจนมีหายนะมากับมันตลอดชีวิตที่เจนผ่านเลยมา เช่นชอบแซวหนูเมื่อพบกัน

และการที่เจน

ต้องมาเป็นทาสที่คฤหาสน์นี่ก็เพราะดามุก"นี่คือสิ่งที่เจนเข้าใจประโยคนี้ดี แต่เจนไม้ได้บอกให้ชาร์รู้เพราะอาย



"ต่อไป"


หรือว่าสันดานดามุกมันเป็นเช่นนั้นเอง ดามุก "เ

จนครุ่นคิด"



ชาร์ไม่ชอบบทสนทนาหนักๆแบบนี้แต่ ก้อพอทนฟังได้ เพราะชาร์เป็นนักสังคมเชิงวิกฤตในตัวมันเองอยู่แล้ว แบบเชิงลึกและชั้น

สูง และมีบทบาททุี่เข้าใจยากแต่มีมอเรล และวงเล็บแต่มิใช่สายลับให้องค์กรใดนะ"


"ชาร์"


ในฐานะปัญญาชนขนิดหนึ่งแบบทวนกระแสดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่เจนเป็น แต่ที่สำคัญคือ



ชาร์ที่ปฏิเสธมาโดยตลอด ที่จะไม่ไปข้องแวะการเมือง แม้ชาร์ยอมรับว่ามนุษย์เป็นสัตว์การเมืองและสัคว์สังคม



และโดยเฉพาะ ตอนนี้ชึ่งชาร์งดไปทำกิจกรรมใดๆทางการเมือง การวัด การบ้าน รัยๆทั้งสิ้น คือตัดสังคมทุกอย่างออกไปเพราะไ

้ว้ทุกข์ให้คุณวิ "ว่าอย่างนั้น"

 สังคมในชนบทชาร์

มัวร์พยายามเข้าใจเรื่องนี้ของชาร์กันทุกคน

เพราะ"ความรักความอาลัยอาวรณ์เป็นสิ่งที่มนุษย์ปฏิเสธหรือละเว้นไม่ได้เหมือนแม่หมารักและหวงลูกอ่อน" นี่เป็นบรรทัด

ฐานของสังคมเชร์มัวร์ที่เกิดเขึ้นอยู่แบบองค์รวมตอนนี้ เท่าที่ชาร์มองเห็น คือคนที่เชร์มัวร์นี่เน้นสนใจเรื่อง

"ฝนตกกับแดดออกเมื่อไหร่เท่านั้น"ในวันๆหนึ่งที่เขาเสพชีวิตกันอยู่ !ว่างั้น



วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

เชนัวร์

ตอนที่ 9
 
               9.โจร"ดามุก"ไปเกิดใหม่เป็นคนดีเหมือนผ้าที่พับไว้


               บันทึกนิยาย:
                เขียนบางตอนซ้ำขอเพราะต้องแก้ไขบางตอนที่มีจุดเน้นแฃะขาดตกบกพร่องจากภัยทางเอกสารที่ชำรุด
เมื่อพบเพื่อให้เชื่อมโยงกัน
จึงได้สริมต่อบางข้อความขึ้นมาเพิ่มแต่เน้นจากงานเขียนของวิ ตัวเดิมเป็นหลักที่ชาร์สอดแทรกนั้นเพียงให้สมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น

                เพราะมันจะได้ต่อเนื่อง และปัญหาการใช้อักษรมากเกินขนาดที่ขึ้นหน้าแล้วมีปัญหา
มิได้เหลือหน้าไว้คนอื่นบ้างอันนี้ กฎมอรัลเลียของนิยายนี้ หากวรรณกรรมนี้มีอุบัติ
เหตุนิดนึงตรง
จุดนี้ ก็ขอโทษในนามของความเป็นจริ
งนี้ด้วย

                 ชาร์ได้บอกกับเจนแล้วซึ่งบางครั้งเธอคือเลขาส่วนตัวของชาร์

เพราะชาร์มาในช็อตแห่งวัยสนธยากาล 
คือมีหลงมีลืมมีตกมีพร่องมีหล่นมีแก้ไข เธอจึงคอยช่วนเตือน "แต่ชาร์สงวนสิทธิ์ทำเนื้อความเดิมเสียไป"

และผู้เขียนแก้ไขปรับเปลี่ยนปรุงแต่งคือชาร์ได้ตรวจงานและเพิ่มเติมเนื้อหาวรรณกรรมจำเป็นเข้าไปอีก คือมีชาร์เท่านั้นที่ทำได้ ในฐานะชาร์เป็นผัวของผู้เขียน ชาร์ไม่นำคนอื่นมาเขียนแทน แม้บางครั้งทำไม่ไหว ก็ใช้สื่อแทนผ่านปากพูด หรือใช้ภาษาสะดวกกูเกิลก็ช่วยได้ คือพูดให้คนอื่นเขียนให้ เพราะมือของชาร์บาวครั้งชาและปวดบวม

         และอนึ่งเจนมีเวลาน้อยมากเธอต้องดูต้นไม้ ของคุณวิเวียนน์(วิ)
        ชาร์เองไม่อยากที่จะอยากรบกวนเธอมาก" นี่พอดีเธอเสนอตัวมาเอง เพราะเธอรู้จักกับเมีย(วิ)ของชาร์ดี คือเพราะเจจนเธอต้องตั้งสมาธิจิตเฝ้าระวังต้นพลูด่างมอนสเตอรา (Monstera)ที่คุณวิปลูกไว้ก่อนตายตอนนี้มันได้กลายเป็นต้นพลูด่างมอนสเตอร่าสายพันธุ์พลูด่างสีหมอกแฉก ไม้ดูดฟอกอากาศชั้นเยี่ยม ต้นละหลักล้านเมื่อเ
ข้าตลาดประมูลกัน
และขาี์แบ่งให้เจน10%เมื่อขายถ้าขาย
ใช่พลูด่างแพงขึ้นและ
ที่มีค่าขึ้นมาตอนนี้


          เจนเธอจึงต้องอยู่เฝ้าระวัง ถ้าผิดพลาดมันจะตายหมด ตอนนี้ราคาแพงมาก และกลัวโจรแอบเข้ามาขโมยหรือทำลายพัยธ์ุมันให้เสียไป เพราะที่เชร์มัวร์นี้มีพวกฉาอิฐ(อิจฉา)เยอะมากที่มีมอรัลเบียก็มีแต่ที่เชร์มัวร์คฤหาสน์นี้เท่านั้นและภัยธรรมชาติอีก จึงมีงานเข้าสำหรับเจนตอนนี้


"ชาร์เน้นตัวนี้(พลูด่าง)มากกว่างานเลขาส่วนเตัวขอวเธอในงานเขียน"
เพราะวิสั่งชาร์มาอย่างนั้นมาก่อนตายของ
วิ" "ห้ามใครมายุ่งนอกจากเธอคนเดียวทำมันให้เสร็จ"สั่งมาก่อนตายหนึ่งนาทีชาร์จำได้ นี้เป็นOrder (คำสั่งให้ปฏิบัติ)มิใช่ statement(สั่งให้เลือกปฏิบัติ)


วาระต่อมา...ต่อไป


          "  เจน"บอกว่าตนเองถ้ารับมรดกสมบูรณ์ที่มิใช่ของตนเองจะมีเงินใช้ถึง100ล้านในบัญชี เมื่อเธอชนะความในศาลลับและศาลเปิดและศาลวิถีประชาและศาลประชาชนตัดสินให้ได้แล้ว

+-100ล้านบาทราคาปัจจุบัน 
เพราะเธอประสบภัยจากดามุกเป็นเหตุให้เกิดนิติกรรมอำพรางจำนวนมากที่พ่อและแม่ของแม่(ยาย)เธอทำไว้ให้เธอ
เป็นเอกสารอำพราง ที่ปล่อยให้"เจน"มาแก้ไขได้  

ต่อมาเจนมองเห็นว่าการใช้กฎมอรัล
เลีย(morallia)แทนดีกว่า เพราะมีอะไรเมื่อตายลงพาติดตัวไปไม่ได้

เจนตัดสินใจอย่างนี้
จึงปล่อยให้เป็นกรรมในวัฏฏะ(กรรมเวียนไปมาต่อภพชาติหรือกรรมเกิดขึ้นในคนสัตว์ต่อกันในช่วงแห่งการเวียนว่ายตายเกิด)

เจนสารภาพมาอย่างนั้น "ชาร์ก็ยอมรับอย่างนั้น จึงกล่าวยืนยันว่ามัาต้องเป็นอย่าง
นั้่นคือเป็นตามความจริงที่จากความจริงที่เจนสารภาพจากความเจตนาอย่างบริสุทธิ์ใจของเจนเอง"

และหลักความเชื่อนี้เป็นไปได้เพราะว่า จุดหนึ่งมนุษย์จะมีจิตสำนึกผลุดมาเอง เหมือนเด็กดื้อตอนเด็กพอโตคิดได้ไม่ดื้ออีกแล้ว
งั้น"ว่านอนสอนง่าย เรียกว่าการมีจิตสำนึกขึ้นมาเอง
ชาร์ย้อนถามเจนว่า"ถ้าคุณได้100ล้านจริงขึ้นมาจะให้อะไรผมบ้าง"
เจนไม่ตอบชาร์แต่อมยิ้ม
ชาร์เหนื่อยขอพักแป้บนึงฟังเพลงของไมเคิล บูเบล เพลง"Can't  Help Falling
in Love - by Michael Buble"ก่อนเปิดดูได้ใน"Youtube"
ฟรีโดยสาธารณะชนผู้ชอบใช้หูฟังเพลง
ที่ชื่นชอบที่ไหนเมื่อไหร่อย่างไรเวลาไหนก็ได้

เพราะชาร์ไม่ต้องเสียเวลาขอ"creative common มากันเรื่องในปัญหาต่อสนธิสัญญาในการผิดละเมิดลิขสิทธิ์เพลงเนื้อร้อง....จึงนำมาให้เท่านี้ ใช่ว่าจะโฆษณาหรือบู้ตคนติดนิยายนี้ีัรัยหรอก คือ"มันเป็นเช่นนั้นเอง"



            อนึ่งชาร์สารภาพต่อสาธารณชนว่านิยายนี้เป็นวรรณกรรมไม่ไดสำเนานำความสมจริงหรืออาจมีจริงมาประจานแต่อย่างใด
แต่แค่ฝันไปแและมันออกมาเป็นวรรณกรรมหฃังการตานของคนรักที่ด่สนจากไป จึงทำให้เกิดนิยายนี้ขึ้นทา



แม้มีเจตนาแต่ไม่ประสงค์ต่อผล คือเจตนาให้นิยายมีอรรถรสที่ควรเสพแต่ไม่หวังประจานความผิดพลาดของสังคมวิกฤติแต่อย่างใด เพราะชาร์พบว่าเป็นธรรมชาติ ที่ต้องเยียวยาในวันปรากฏต่อไปได้ จึงเฝ้าระวังอย่าให้เกิดขึ้น มันเป็นหายนะ แต่วรรณกรรมนี้เน้นความสุข
จากการอ่านเสพและเพิ่มสติในการมีชีวิตที่มีดุลยภาพนิรันดร์ นั้นคือเป้าหมายที่ขอวิสรรชนีย์เอาไว้ในนิยายนี้ในที่นี้ด้วย



             เจนสารภาพจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ไม่ทำ
เพราะการศึกษาและศาสนาและปรัขญาลัทธิ
ได้ห้ามตนเองไว้

คนเราเกิดครั้งเดียวตายครั้งเดียว
ตามสภาพก่อนพิสูจน์
ฉะนั้นการเกิดการตายคือธรรมชาติ
การฆ่าตัวตายคือโรคจิต ทำลายตนเอง
ไม่ดี " เจนสารภาพ"

            มีหลายชีวิตต้องการฆ่าตัวตาย เพราะรัก เพราะติดคุก เพราะเข้าใจว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อันนี้ถือว่าเขาหันหลังให้กับความเป็นจริง เพราะการทำเช่นนั้น เท่ากับทำลาย
ตนเองแต่มิใช่การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีขึ้น
แม้นิดเดียวแต่กลับสร้างปัญหาให้คนรุ่นหลัง
เหคุผลอย่างง่ายเช่น

รักเขา เขาทรยศ

                เมื่อเกิดเราเปลี่ยนเป็นไม่คิดคือโลกนี้ห่คนใหม่ได้อย่ายึดติด
ทำผิดติดคุก
เมื่อผิดก็ต้องรับผิด คนเราทำอะไรมีผิดกันได้ เมื่อธาตุพิการทำผิดไป เราจะแพ้จะชนะชีวิตให้มองเหมือนกีฬา
ขัดคอกับบิดามารดา
เมื่อเกิดเราต้องยอมท่านเพราะไม่กี่วันท่านก็ตายแล้ว
งัดข้อกับเจ้านาย
เจ้านายไม่ทีคนเดียวในโลก
ผิดใจกับรัฐผู้ปกครอง
ตามท่านหมาไม่กัดผิดใจก็ชั่วคราวเท่านั้น ไม่กี่วันท่านก็หมดวาระ ไม่มีใครอมตะ


           ผิดใจกับมาเฟีย
ที่บนลกมีมากเพื่อหลบหลีกหนีไป
อีกร้อยแปดอย่าง
อีกร้อยแปดก็สติช่วยได้หมด ร้อนมีเย็นแก้ เย็นมัร้อนแก้เสมอ มีกลางวันมีกลางคืน
นี่คิอปรัชญาขอเจน 
ต่อมาชาร์เลยยกให้เจนเป็นอาจารย์และพี่เลี้ยงทางปรัชญาให้กับตนแต่ไม่รู้ตอบแทนอะไร
จึ่ง
โดยเพิ่มเงินเดือนให้เจนแทนด้วยการตัดงานบางอย่างที่เจนต้องทำตามสัญญาลดงานที่เธอรับผิดชอบลงมา




            เพราะชาร์ไม่มีเงินอีกชาร์ คือเป็นคนจนสายพันธุ์ใหม่หรือมาใน (emtiness version)คือหน้าเปล่าเงินว่างั้นแต่มีที่มิใช่เงินคือ(wealthy  แบบ tychoon=พ่อค้า) เงินที่จ้าง"เจน"เป็นคำสั่งทรัสต์ที่คุณ วิทำไว้ ชาร์เป็นเพียงผู้สนองคุณวิเท่านั้น
จากบทสนทนาลับทางมือถือเมื่อวานนี้กับเจน




              หลายคนพูดว่า"แล้วชาร์มันอยู่ได้งัย"เมื่อมันเป็นคนหน้าเปล่าเงินงี้"
             คำตอบคือ"ปรัชญางัย"

              พวกดักปลาไหลดำตามหนองมนเขคเชร์มัวร์ เพื่อเอาปลาไหลนาไปทำแกงเผ็ดและพวกล่ากบนากลางคืนยามฝนตกแฉะของ พวกดามุกสมัครเล่น จะชอบสงสัยแบบนี้


คำตอบว่า "ทำไมชาร์อยู่ชีวิตได้ในธรรมชา
ติที่ตนเป็นคน "แบบฉากหน้าเปล่า" งี้รึ
อ้าว!ฟังนะ!ชาร์จะเล่า
(แตต่ชาร์มีคฤหาสร์บุิลอนอันเป็นมรดกเลือดเช่นกันตอนนี้ทิ้งไว้ให้ต้นไทรใหญ่เฝ้าไว้และเลื้อยพันผูกมีนกกาเฝ้าให้จริงๆ แต่วิไม่สนใจชาร์เรื่องนี้ตอนแต่งงานกัน ชาร์ระบปากกับเจนว่าจะเล่าให้ฟังทีหลังถ้าชาร์มีเวลา)

      ก็คนเรานะยากดีมีจนเงินนะ!ใช้เงินเพียงกินได้อยู่ได้หลับได้เหมือนกันหมด คือท้องเท่ากันหมด ปากเดียว ตุด(ทวารหนัก)เดียว


เหมือนว่าคนจะยาจนหรือรวยสุด
ก็ กินให้แค่"อิ่ม" กินทางปาก ขึ้ทางตุดทั้งนั้นและ
เท่านั้น
ฉะนั้น คนเรา
ไม่ต้องรวยระดับ จึงเป็นใครก็ได้
ไม้ยากนัก คือมันเหมือนกันโดยสาระขอ
งะความเป็นมนุษย์ รวยจนเป็นส่วนเกินที่ประดับไว้เท่านั้น มิได้ใช้จริงบริโภคจริง
เหมือนการอิ่มมื้อข้าวมื้อหนึ่งๆ แต่อย่างไีงไม่

และที่รู้จริงมิใช่สอดรู้สอดเห็นมา
ค่ะ


         เจนบอกว่า คนบางคนได้ลูกสาวเศรษฐี
แต้ตัวเองเป็นคนชนิด"หน้าเปล่าเงิน "
แบบสังคมกันได้อยู่กันได้ชอบกันได้
เพราะพอดีตอนนั้นทัรพอดี"เง" (ความต้องการทางเพศ)อยู่ด้วยเพราะบสงครั้งหาที่ปล่อยยาากหรือแผนขังอารมณ์ของดามุก
อันนี้ทันแอปพลาย(apply)เข้าทั้งสองเพศนะ!
เพราะเขามีตัวช่วยคอยหนุน หรือให้ยืมเงินเขามาแต่งว่างั้น แล้ว พอมีลูกมั่นคงแล้วจึงแอบเอาเงินเมียมาคืนให้พร้อมดอกเบี้ยชด
ใช้แบบสัญญาลับ
หรีอแบบฉบับตามสูตร ที่ปดปิดที่
ไม่ยอมให้เมียรู้ บางรายมีสัญญาว่าเมื่อลูกสาวโตแล้วยกลูกสาวให้ แบบอย่างนี้
ก็มี
แต่ที่แบบดีๆก็มีคือมิใช่แบบแผนชั่ว
ๆ(แต่น้อยมาก)แบบแผนของดามุกแบบนี้ก็มี

มันทีหลายเวอร์ชั่น(version)ว่างั้น


เจนพูดย้ำชาร์และบอกว่าในสังคมเขตเชร์มัวร์ทุกอ
ย่างที่เล่ามานี้ "เท่าที่หนูไปเห็นมา" 

เจนสารภาพในวันหนึ่งตอนพลบค่ำก่อนเรานั่งคุยกันทางมือถือ แล้วจากกันท่ามกลางความเงียบเหงา




          ชาร์จึงยก(เจน)เธอเป็นพระเจ้าในจิตใจของชาร์ แต่ไม่บอกให้เธอรู้ว่าเธอคือพระเจ้า
เพราะไม่ดีและก็ไม่บอกด้วยว่าชาร์ชอบเพลง
และชอบงานวรรณกรรม มีรสนิยมเหมือนเธอ
และงดการคุยเรื่องส่วนตัวขอวชาร์เองและคุณวิ
คือปล่อยให้เธอตีเทนนิสกระทบกำแพงอิฐข้างเดียว ชาร์ฟังรับทราบอย่างเดียว



           เพราะส่วนเกินของชาร์ปิดกั้นไว้
ด้วยเหตุนี้ชาร์จึงอ้อนวอนให้พวกโจร"ดามุ
ก"อันแสนเลวทรามพวกนั่น "ไปเกิดใหม่และไปชดใช้กรรมเปลี่ยนเป็นคนดีเป็นคนมี"มอรัลเลีย" และรับกรรมจากการกระทำของตนที่เกิดที่มีตามบัญชี ที่เคยเป็นมา เช่นใส่ร้ายชาร์ว่า " ชาร์มีชู้กับเจนเป็นต้น ทั้งๆที่ขาร์และเจนไม่มีอะไรกันเลย" แต่พฤติกรรมปัญญาชนของชาร์และเจนคล้ายจะเป็นในสายตาของพวกดามุก "แต่เปล่าเป็น"



คือมันเป็นอย่างนั้นเอง "อันนี้บาปหนักที่ดามุกเข้าใจอย่างนี้ในระดับอนุพันธุ์ของความผิด เหมือนคนชั้นสูงดุคนนั้นเพียงมองใครตาขวาง
เท่านั้นคือ นั่นคือ"การไม่ชอบ การ ปฎิเสธ  'No' "

คือตาดุอย่างนั้น คือมาอย่ามาหาทำ ไม่ชอบ มีโทษ ขณะที่คนชั้นต่ำ
ชี้นทาส ชั้นต่ำสุด ชั้นคนพาล ถ้าจะห้ามใครไม่ให้ทำอย่างกรณีก่อน  เพียงมองห
น้ากันเท่านั้นไม่พอต้อง "ฆ่า ด่าทอ  ต้องทุ
บตีต่อยเตะ ต้องประหารชีวิต ต้องลงโทษให้เห็นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน มิใช่แค้เ
พียงมองตาขวาง เท่านั้น คำห้ามปรามจึงจะเกิดประโยชน์ตามที่มีคำสั่งได้ไม่
ดังนี้เป็นต้นเป็นอาทิ....




          สรุปพฤติการณ๋ของดามุกซึ่งชาร์ถือว่าไปไหนไม่รอด  คือเกิดมามีชีวิตที่มีบัญชีคือมีแผลเป็นติดตัวมาและติดตัวไปมาจนกลายเป็นตราบาปชั่วนิรันดร์ที่ชาร์เชิ่อว่าในกาลโบราณก่อนโพ้นมีคนคิดแก้ไขคนแบบดามุกจนเกิด"ศาสนาลัทธิ"ขึ้นมาฝึกใจที่มองไม่เห็นตัว โดยสอนคน"ห้ามเจตนามุ่งร้ายคนอื่นที่ผิดทำนอง จึงได้ตราเป็น"ลัทธิทำดีตามทำนองคลองธรรมขึ้นมาเป็นเหตุ 

         จนนกลายเป็นปรัชญ
าชั้นเยี่ยมในศาสนา"ต่อๆมา และพบในปัจจุบันในศาลจะให้มีการสาบานตนก่อนไม่ว่าใครมาจากศาสนาใด ว่ามีแต่ความจริ
งเท่านั้นแม้มองไม่เห็นที่จะให้การต่อศาลด้วยคำพูดต่อไป จนคำตัดสินในวาระสุดท้ายมาถึง"

          ชาร์จึงขอภาวนาวิงวอนแด่ท่านทวยเทพเจ้าให้พวกดามุกทัั้งหมดจงตายแล้วจงกลับตัวไปเกิดใหม่และกลับตัวเป็นคนดีที่ึทีคนมีมอรัลเลียตามที่ข้าน้อยน้อมต้องการเถิด..พะยะค่ะ
ควรมิควรประการใด ขอได้โปรด...ชาร์แห่งเชนัวร์

 

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ตอนีที่ 40 เสียงเพลงนี้มันสะเทือนใจฉัน "ขอและฟังเพลงเดี๋ยวที่รัก"




ตอนีที่ 40  เสียงเพลงนี้มันสะเทือนใจฉัน "ขอแวะฟังเพลงเดี๋ยวที่รัก"



เนื้อร้องที่ชาร์กำหนดแต่งขึ้นเองเพืาอไว้ทุกข์ให้ยอดรักคือวิเวียนน์ขบองชาร์ผู้ที่ตายไปแล้ว
"เสียงรัก"

นี่หรือเสียงแห่งรัก
นี่หรือคือความจริง
แน่หรือว่าไม่หลอกลวง

แน่หรือว่าไม่เพ้อเจ้อ
แน่หรือมิใช่แค่รำพัน

มันคือเสียงเพงลง
มันคือเสียงเพลง
มันคือเสียงเพลง


มันคือความรัก
มันคือความ ฝัน
มันคือดวงใจ
มันคือความจริง

แน่นอน ...มันคือดวงใจ

ฉันไม่เข้าใจว่ามันเป็นงี้ๆ...ได้งัย
มันเป็นงี้ได้งัย

ทันทีที่โทรมือถือวางลง
ฉันรู้สึกว่าใจของฉันมันถูกขโมยไป


ทำงัยดี
ทำงัยดี
ทำงัยดี


ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ

แต่ว่าเธอซิ
แต่ว่าเธอซิ
แต่ว่าเธอซิิ


พอดี ฝนมา
พอดี ฝนมา

โอ้ฝน !ฝนจ๋า  !ฝน!

คืนนี้ขอฉัน ขอฉันนอนกอดเธอน่ะ..นะ่..น่ะ..ฝน
แม้เธอจะเปียกฉันก็จะเปียก ..ฉันก็ยอม..ฉันก็ยอม


แม้ฉันจะหนาว.. ฉันจะหนาว
ฉันก็ช่างหัวมัน..ๆๆๆ


แต่ตอนนี้ที้ฉันรู้ ฉันมีเธอ
แต่ตอนนี้ฉันรู้. ฉันมี..เธอแล้ว
ฉันพอใจ
ฉันพอใจนะที่รัก..จะจ๋า

น้องฝนคนดี
น้องฝนคนดี
ขออย่าจากพี่ไป.

จบ


พอเสียงเพลงงจบลประตูแง้ม
"ใครนะ"ชาร์คิด

ปรากฏว่า "เป็นผู้หญิง"ถ้าสายตา ของชาร์
ไม่มั่วนิ่ม แม้จอประสาทตาของขาร์บางครั้งไม่น่าไว้ใจ มันสั้นบ้างยาวบ้าง แล้วแต่อารมณ์

พร้อมเสียงตามมาอีก
"วิเวียนน์งัย"

โอ้ยผีหลอกกูอีกแล้ว "ชาร์ตวาด"

ก็วิเวียนน์ตายไ ปตั้ง10ปีแล้ว แล้วจะมาวิเวียนน์อะไรอีก
ไม่เข้าใจ

ชาร์ทบทวนความคิดสักนิด
ลำดับไปจากวินาทีที่ได้ยินเสียงว่า"ก็วิเวียนน์งัย"

จนวินาทีนี้
มีแต่ความว่างเปล่ากับความมืดผสมด้วยไฟน้อยแรงเทียนสีโคซี่(Cozy อบอุ่นสบาย)ที่ติดอยู่

เมื่อตะกี้ชาร์แต่งเพลงพึ่งจบลง
จบลงด้วยเสียงตอบรับแบบละเมอออกไป
"ก็นั่นงัย"-"ความรักที่มีต่อเธอ"

แต่นั่นมันเป็นอดีต
"ชาร์มั่นใจ"
นั่นมันเป็นอดีต"ชาร์ย้ำ

เราไม่ใช่เด็กอมมือ"ชาร์ปรามตนเอง"
"จะมาคิดเรื่องรักๆ
ใคร่ๆอะไ่รอีกป่านนี้แล้ว"
ชาร์ลั่นวาจาอยู่ในใจ


แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่จบแค่นี้ 
ชาร์คิดว่าจำเป็นต้องคิดต่อไปเพราะสมองมีไว้เพื่อคิด
"อะไรก็ได้ แม้จะคิดมากหรือมากคิด"


ชาร์จึงคิดต่อไปทันทีที่ชาร์บอกใจด้วยประโยคนี้จบลง

คือทบทวนความคิดเสียใหม่

"แต่เสียงแว่วๆ ที่ได้ยินไปสักครู่เมื่อตะกี้ คือสงสัยว่า
มีใครจริงๆไม่รู้มากระซิบเบาๆว่า

"วิเวียนน์งัย"


ชาร์รู้ว่า"เจน"ไม่กล้ามาดอดทะเล้นกับเจ้านายของเธอแม้เจ้านายของเธออย่างชาร์เองจะดู "บ๋องๆ"ซักหน่อยก็จริง

"ผีแน่" ชาร์คิดอย่างสงบและสงสัยขึ้นมา
ทันที

จึงหวนคิดถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชาร์เคยอ่านนานมาแล้ว
ที่เกาะสุมาตรา ขณะชาร์โดยสารเรือข้ามไปสุมาตราจากสิงคโปร์มันเป็นฉบับภาษาอังกฤษชาร์จำได้

"ไม่มั่นใจว่าที่ท่าเรือชื่ออะไร"
ต่อท่าอะไรติดต่อกันไป
ในการเดินทาง "แต่เป็นกลางทะเลระหว่างเกาะ"ที่เรือกำลังแล่นไป
เพราะตอนนั้นเป็นเว
ลากลางคืน " และชาร์ยังจำได้ว่า
ออกมาเดินเล่นที่ท้ายเรือ พบน้ำทะเลและเรือพาเร
าที่กำลังพุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทาง "มันเป็นเรือโดยสาร" เพราะแรงปั่นของเรือแล่นไปข้างหน้าอย่างเร็ว อันนี้มิใช่เรือประมงหาปลา
ที่"เราอาศัยมา'" เพราะเหตุจำเป็น

แต่จำได้ว่าถึงเกาะสุมาตราตอนเช้าอย่างปลอดภัยพร้อมความเหนื่อย

ก็ที่จะบอกคือ
มีหนังสือเล่มหนึ่งที่คาบิน (Cabin)ของเรือ
ที่ชาร์นอน หนังสือเล่มนั้
นดูเหมือนหรือเกี่ยวกับที่มีชื่อว่า Extra sensory perception: transmeditation by Lubsang rampa  
  เป็นหนังสือเกี่ยวกับสมาธิทางจิต และวิญญาณ และตาที่สามและและ ประสาทที่6  แม้จะคาบเกี่ยวยาหรือความจริงที่ทำให้คิดอย่างนั้นนี้โน้น คือมิใช่หนังสือเรื่องยาและผลข้างเคียงขอ
งผู้เสพยาLSD(  Lysergic acid diethylamideสกัดจากราบนข้าวไรย์ สารเสพติดชนิดรุนแรง คนเสพเข้าไปลืมตัวอาจจะกระโดดจากที่สูงเช่นตึกได้ ชาร์จำได้ว่าหมอทางจิต"ทีโมที"ทำให้ยานี้มี
ชื่อเสียงรู้จักปรากฏไปทั่วทั่งเชิงลบเชิงบวก

ต่อมา ชาร์คาดว่าผลจากการทดลองของ หมอทิมอที
แลรี :Timothy Learyผู้ดังกับยาขนานนี้เขาเป็นหมอจิตบำบัดที่เป็นภัยกับประธานาธิบดีนิกสัน)สมัยนั้น ยากล่อนประสาทอะไร
ก็อันนี้ ชาร์เลยมองว่า ระบบESP ตามที่หนังสือนี้กล่าว ถึงมันคือทาวอ้อมใหม่ของคนติดยานี้คิดหรือไม่ คือคิดแบบตาสามคือคิดแบบเสพLSDที่ไม่อาศัยสูตรเคมีทางเชื้อราแต่เป็นการอาศัยสูตรเคมีทางจิตสมาธิแบบที่ปรากฎในหนังสือ เกี่ยวกับที่ชื่อ "ลุบซางรามพา"Lunsan-rampa อันนี้สื่อไปทาง
ทิเบต




และเรื่องฝ่ายจิตที่มีสภาพนามธรรม สัมพันธ์กับเรื่องสมาธิที่ธิเบต สมัยหนึ่ง

sixth sense ที่พบหนังสือเรื่องนั้นเรียกมันว่าคือESP:Extra Sensory Perception(เรื่องนี้ชาร์ไม่นำมาเขียนเป็นประเด็นหลักในนิยายเป็นเพียงแสวงหาเหตุผลมาสนับสนุนเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริงชัดเจน เช่นเสียงเพรียกร้องเรียกที่ชาร์ได้ยินขณะแต่งเพลงอยู่และสดุดลงและเสร็จได้ยินเสียงเพรียก

ดังมา:วิเวียนน์งัย:แม้วิเวียนน์ตายไป เสียงนี้มันเกิดขึ้นได้งัย แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร "ถามซ้ำ": การให้คนนอกและตนเองยอมรับ เช่นเรื่องนี้จึงอ้างเรื่องในหนังสือที่เป็นเรื่องของ"ลุบซางรัมพา": Lunsang Rampaใมโนคติของตาที่สาม
แม้ชาร์เคยเรียนเทววิทยามาบ้างแต่มิใช่ประเด็นจะมาสมอ้างเรื่องลี้ลับนี้ แม้ตอนนี้ชาร์เองก็มี"มิเม
ย์"และ"หิมะ"เป็นตาที่สามของชาร์อยู่ตลอดเวลาว่า 
"วันนี้ควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร" 
"อย่าไปตรงนั้นไปตรงนี้มีงูมีอันตราย" ซึ่งชาร์เองรับรู้จน ชาร์เองไม่มั่นใจว่าอันนี้เป็นตาที่สามที่มิเมย์และหิมะบ่งถึงจริงๆ หรือเพราะความปกติของชาร์ที่ต้อง
คิดเอาเอง 

เพราะมิเมย์และหิมะเป็นสัยว์แม้ขาร์ยกให้เป็นนางเองและนางรองของชาร์คือเป็นเมียหลวงเมียน้อยของตนเองนั่นเอง 


ต่อมาชาร์
ตัดสินสรุปไม้ได้ว่าอะไรคืออะไร แน่

ชาร์ก็รับฟังในข้อเชื่อว่าตาที่สามมีจริงไว้นอกจากหนังสือที่พบในที่เรือข้ามทะเลไปเกาะสุมาตราวันนั้นที่ห้องนอนบนเรือ
ชาร์ได้อ่านและะสนใจและวางไว้ที่เดิม ที่สำคัญเป็นภาษาอังกฤษสื่อและมีข้อน่าอ่านสัมพันธ์กับลัทธิในประเด็นศาสนาและจิตวิญญาณผสมอยู่มากที่เกิดขึ้นในทิเบต

และตอนนี้
จึงเอาหนังสือเล่มนี้มาเปรียบเทียบความคิด
หาข้อสรุปจากการได้ยินเสียงคนตายไปแล้ว
ว่าจริงเท็จหรือประสาทหลอนที่ไม่ได้เสพLSDกันแน่ ไปเท่านั้
นเองอันเป็นประเด็นสำคัญ
)



เอาละทันทีหนังสือเล่มนี้วางลง ชาร์หลับสนิทเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง

หลังชาร์นอนหบับไปงีบใหญ่
พอลุกขึ้นมาอีกครั้งจึงได้ความคิดว่า

"ในสังคมมนุษย์
มีอะไีรอีกหลายอย่างที่เรายังไม้รู้กันคือ เช่น
เรื่องวันนั้น มีเสียงดังกล่าว

"ก็วิเวียนน์งัยละ"นั่นเป็นเสียงของเมียตนเองที่ตายไปนานแล้ว

เพราะฉะนั่นเสียงนั้นคือ


ผี หรือคน 
เป็นหนึ่งคำถาม

หรือโจร หรือเสียงใครอำพรางล้อเล่น

หรือผู้ร้ายหรือ"ดามุก"แอบมาทำหลอนประสาทให้สติอ่อนไปรึป่าว

ที่ชาร์คิดว่าทั้งหมดนั้น"เราประสบมาตลอดทุก
วินาทีที่เราอยู่ที่คฤหาสน์เขร์นัวร์"
และอีกต่างหากคือ
รวมทั่งเวทย์มนต์

ที่มีอันตรายบ้างไม่จริงบ้าง จริงบ้าง สงสัยบ้าง การเมืองบ้าง
แต่ขาร์ไม่เคยใช้สารเสพติดทุกชนิดแม้ระดับยาหลอนประสาทLSD

นอกจากกาแฟและชา


เมื่อหวนกลับมาคิดถึงเรื่องเมื่อวานนี้

เป็นเสียงว่า"วิเวียนน์งัย" ทันทีที่เสียงนี้หยุดสงบลง
และเงียบไป

ชาร์มั่นใจว่านี่คือ"คุณ"วิ "นิ"

แต่คุณวิตายไปแล้วเกือบ10ปี แล้วจะมาทำ

อะไรอีกล่ะ"ที่รัก"
ชาร์โพล้งตอบทันควัน

ผีกับคนรักกันไม้ได้ตามสูตรของคนและมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน "ชาร์ย้ำ"
แต่ถ้าบังเอิญวิเวียนน์ฟื้นคืนชีพขึ้นมา โอ้ย!ชาร์ชอบถ้าจริง



"เจน"นั่นไม่มายุ่งกับเรา

เมื่อชาร์มาวิเคราะห์แล้ว
อาจจะเป็นเสียงวิญญาณของ"คุณวิ"ก็ได้

เพียงการคิดการนึก จิตสัมผัสแนวใหม่ของคนอาจจะมีการสื่อทางวิญญาณ มันอา
จจะมีได้
เพราะบางอย่างมีวิชาการยอมรับอยูแม้แบบ
คลับคล้ายคลับคลาแต่ก็มีเหตุผลหนุนรอ เหมือน
ในหนังสือตาที่สามมี
หนังสือนั้นกล่าว

รองรับอยู่พอฟังได้บ้าง
เพราะฉะนั้น

ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะปฏิเสธว่า
"ผีไม่มีจริง"
หรือว่าวิเวียนน์ฟื้นคืนชีพ
มาจริงๆ
ถ้าจริงพรุ่งนี้ไปหลุมฝังศพคุณวิ ศพคุณวิต้องหายไป

ชาร์หยุดคิดไว้เท่านี้
แล้วไปฟังเสียงเพลงจากมือถือต่อ เพราะนั่นคือ
"ความสุข"

ต่อไปคือเสียงของสุภาพสตรีผู้นี้ที่เคยฟังมากในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
แต่ก็อยากจะฟังอีก..มันไม่เบื่อนั่นคือเสียงของ










ของ
Connie Francis

มี
เนื้อ
เพลงด้วย
เนื้อร้อวดังต่อไปนี้ สมัยก่อนฟังไม่มีเนื้อร้องให้ได้ดู


"Women in Love 
  by
Barbra Streisend

Life is a moment in space
When the dream is gone
It's a lonelier place
I kiss the morning goodbye
But down inside you know
We never know why
The road is narrow and long
When eyes meet eyes
And the feeling is strong
I turn away from the wall
I stumble and fall
But I give you it all


I am a woman in love
And I do anything
To get you into my world
And hold you within
It's a right I defend
Over and over again
What do I do?

With you eternally mine
In love there is
No measure of time
We planned it all at the start
That you and I
Live in each other's hearts
We may be oceans away
You feel my love
I hear what you say
No truth is ever a lie
I stumble and fall
But I give you it all

I am a woman in love
And I do anything
To get you into my world
And hold you within
It's a right I defend
Over and over again
What do I do?

I am a woman in love
And I'm talking to you
You know, I know, how it feels?
What a woman can do
It's a right
I defend over and over again

I am a woman in love
And I do anything
To get you into my world
And hold you within
It's a right I defend
Over and over again


อ้างซ้ำจากGoogle.com
07/08/21







ตอนวิเวียนน์ยังไม่ตายเธอชอบกิน
น้ำปลาญี่ปุ่นชนิดเหยา
ะๆสายพันธุ์ซอสถั่วเหลืองโชยุญี่ปุ่น คล้ายตราตราทาคูมิ-อายิปัจจุบันเธอชอบ
มากกับไข่ดาว
อันนี้อันเดียวของ
สำนักผงชูรส
"อายิโนะโมะโต๊ะ" 



ต่อไปอีก

เพลงที่ชื่นชอบที่ทำให้ชาร์มกำลังใจทบทวน
ตรวจทานและเพิ่มเติมงานวรรณกรรมของคุณวิ
ผู้เป็นเมียและนางเอกผู้อาภัพของชาร์ใน
เรื่องนี้ที่ตายไปแล้ว 
แต่ศพยังไม่เผาโดยฝั
งไว้ตามสูตร จนกว่างานวรรณกรรมคฤหาสน์เชร์นัวร์นี้เสร็จสิ้นลงสมบูรณ์


เพลง
ืคือเพลงในอดีต ยุค -50 -60 -70 (นับแบบจากปีคริสต์ศักราช)มีเพลงเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ ที่ชาร์โปรดปรานเป็นพิเศษ

Kiss Me Good Bye
by
Petula Clark และ
Kelvin Williams

"We choose it, win or lose it
Love is never quite the same
I love you, now I've lost you
Don't feel bad, you're not to blame


So kiss me goodbye and I'll try not to cry
All the tears in the world won't change your mind
There's someone new and she's waiting for you
Soon your heart will be leaving me behind
Linger awhile, then I'll go with a smile
Like a friend who just happened to call
For the last time pretend you are mine
My darling, kiss me goodbye

I know now I must go now
Though my heart wants me to stay
That girl is your tomorrow
I belong to yesterday

So kiss me goodbye and I'll try not to cry
All the tears in the world won't change your mind
There's someone new and she's waiting for you
Soon your heart will be leaving me behind
Linger awhile, then I'll go with a smile
Like a friend who just happened to call
For the last time pretend your are mine
My darling, kiss me goodbye
My darling, kiss me goodbye"

 พบเพลงนี้ในช่วงโควิด-19ระบาดและอ้างเชื่อมโยงและอ้างซ้ำจากGoogle.com
07/08/21







ประเด็นเขียนและการอ้างเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิ์ในเอกสารที่เรียกว่าลิขสิทธ์นี้
ชาร์ยอมรับเรื่อง



Economic value fair use in copyrights

ในการอ้างอิงและเวอชั่นส์ของชาร์คือจะไม่เว่อร์ เช่นการนำเนื้อร้องมาผนวกในงานเขียนแม้อันนี้วิเวียนน์เขียนไว้ทั้งหมดแต่ตอนนี้ชาร์รับผิดชอบและกำหนดว่าอะไรควรไม่ควร ลิขสิทธ์หมดอายุหรือยังไม่หมดอายุรวมทั้งการขออนุญาต
ชาร์มั่นใจว่าต้องให้ถูกต้องเสมอ ถ้าไม่ถูกทำเสียให้ถูกอันนี้เป็นมอราลเลี

ก่อนเราจะได้พบกันอีกกับตัวหนังสืออันมากมายนี้ รวมทั้งข้อกำหนดของสังคมที่ชาร์ไม่ชอบละเมิด

ในสิทธิของผู้อื่นในการธำรงตนที่คฤหาสน์เชร์นัวร์และที่อื่นใดอย่างเป็น
สุ
ขและนอนได้ตาหลับเ
มื่อ"ชาร์"ได้ตายลงอย่างสมบูรณ์พร้อมใบมรณะบัตรอันทรงเกียรติแด่ผี
ผู้วายชมน์ต่อไป

แต่ช่วงก่อนตายและหลังตาย" ดามุก"ต้องมารับผิดชอบในการกระทำทุกเรื่องที่ที่มันทูตกันด้วยเพราะพบว่าดามุกชอบมากวนสมาธิชาร์และคณะทำให้เรือของ
ชาร์เสียหลัก อันนี้เป็นคำสาปจากเทพเจ้าแห่งความจริง

ตอนที่41 "ส่วนเกิน"

"ส่วนเกิน"

ลัทธิอรรถประโยชน์

สำนักปรัชญา

Imprest  ออกเสียง แต่มันimpressนะที่ชาร์หมายถึง

หนังสือcounter point ของAldoux Huxley

ทำไปทำมาชาร์ได้เจน
เป็นคู้คิดคู่ขา แต่เราไม่มีอะไรกัน"
พวกทาสที่เขนัวร์และพวกดามุกคิดว่าเตนเป็นเทียลับของชาร์แต่เจนทำทีว่าเป็นคนใช้มีเงินปีจากคฤหาสน์ แต่ชาร์กัยเจนไม่ทีอะไรกันท้ามห้พวกดามุกเชิงลบมาตั้งวงตรปิดแอบดูได้เพราะเดี๋ยวนี้มีกล้องวจรปิดชนิดละเอียดสุดขีดแล้วเฉียดคาร์บอนส์14 และดีเอ็นเอ

ขาดไปคือกลิ่นคือส่งกลิ่นทางมือถือ ทำได้ "เพราะเจนเชื่อว่า มรุษย์ทำได้ทุกอย่าง"วันหนึ่งเจนาารภาพกับชาร์" ชาร์หัวเราะเมื่อได้ยินคำนี้แต่คล้อยตา
มเจน เพราะเตรเป็นคนใ
ช้ แต่เจนก็เป็นปัญญาชน

"ชาร์ไม่สะอึกในคำพูดของเจน"

พวกดาทุกคิดว่า ชาร์นี้โง่
บัดซบ เป็นเศรษฐีส่วนเกิน
มีแต่อดีต และดามุกอิจฉาและริษยา
คอยจ้องว่า ชาร์น่าตะโอนส่วนเกินมาให้พวกตน แต่
ดามุกทำไม่ได้ แต่มีทาง
By -passคือทางเบี่ยง
เขากำบัวทำกัน
บองติดคามแนสคิดของดามุก ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป "ชาร์นั่งครุ่นคิดอยู่
อย่างภาพปั้นของ.......ครุ่นคิด :Le Penseur- The Thinker) งโดยโอกุสต์ รอแด็ง
ปฏิมากรชาวฝรั่งเศส ที่ตัวจริงปั้นตอนนี้อยู่ที่ กรุงปารีส ในประเทศฝรั่งเศส รูปชายนั่งคิดเหมือนมีความขัดแย้งภายใน รูปปั้นมักจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของปรัชญา
โดย...Auguste Rodin..(ออกุส โรแดง=ภาษาฝรั่งเศส..สำหรับรูปจำลองมีหลายๆแห่ง ในส่วนที่ปรากฎหลางถนนในในเมือ
งของปารีส(Arrondissement
เขตที่....)เขามีไว้เป็นอนุสรณ์ ที่ชาร์เห็นขณะเดินเชื่อว่ามิใช่ตัวจริงเพราะตัวจริงเป็นบร็อนซ์แบะหินอ่อน
อย่างไรก็ตามชาร์ไม่ชอบเป็นคนอ่อนอ้างอิงหลักฐานคือเมื่อไม่แน่ใจตะไม่นำมาพูดอ้าง
ทุกอย่างในชีวิตชาร์จึง
เน้นการอ้างอิงเหมือนกับการมีโอกาสได้ปรากฏตัวบนที่หน้าบัลลังก์ศาล

ชาร์จำได้ที่เที่ยว และหลงทางไป เลยเหลือบไปเห็นเข้าเป็นอาหารตา (food of visions) อาหารใจ(food of thoughts)
ก็นี้งัย ที่ชาร์ชอบปั้นแกะอย่าง ปฏิมากรทำ

เคยเรียนบ้างเป็นวิชาโท ในระดับอนุปริญญา และสอบได้
!แต่เมินเสียเถอะ'ดามุก' คิดหรือว่าข้าจะทำให้ส่วนเกินที่ข้ามีอยู่นี้นี้หายไปจากตัวข้า !  "ชาร์ทนงใจในตัวเองอยู่ในใจอย่างเงียบ" เพราะมันเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ขาร์เหลือมันพร้อมกับลมหายใจชุดสุดท้ายก่อนตายที่มันดื่มกินได้ "ปณิธานของชาร์"


!โง่บัดซบ!  ดามุกมองชารฺด้วยใจหนยามเหยียดต่อชาร์
และชาร์ก็ยอมรับว่าตนเองนะโง่ในสายตาของพสกดามุก "แต่เดี๋ยวก่อนสหาย
'เราจะขายความโง้นี้แก่เจ้า' เพราะเราไม่คิดคิดคดโกงทรยศต่อคใามรู้สึกของใครๆเหมือนพวกเจ้า"

เราจะทำความโง่ของเราให้ฉลาดให้เป็นสิ่งใช้ได้เหมือน ดังที่าำนักปรัชญา
Unitarian สื่อเอาไว้'ลัทธิอรรถประโยชน์'
ให้ได้เจ้าจงรู้ไว้ ข้ามีส่วนเกินของข้าเป็นเดิมพัน
ก็ดพราะพวกเจ้าคิดลบอย่างที่พวกเจ้ากำลังคิดงัย พวกเจ้าจึวเป็นคนมีบาปในสายตาของสังคมเชรัวร์"
ชาร์กล่าวในมิตินี้ในใจของตนเองที่สุด
ผ่านม่านหน้าต่างเชนัวร์ออกไปที่ที่ทุ่งมีหญ้าป่านาและฟ้ากว้างอย่าง (impress)ประทับใจ
ของช่วงเช้าวันหนึ่ง

คนเขารวยกันตูมตาม
แต่ชาร์ไม่มีวี่แววว่าจะรวยเหมือนเขาบ้าง 'ท่าดีทีเหลว'
'ดามุกเหยียดชาร์กัรถ้วนหน้า"

"อ้าว!ทำไมพวกเธอยังมาคงตามล่าความโง่ของ(ชาร์)เราอีกล่ะ"

ชาร์กล่าวโต้ความรู้สึกของพวกดามุกอยู่เงียบๆ
และ
คิดต่อไปพูดต่อไปในใ
จอันสดใสและปราศจากอคติของตนเองว่า

:
  ก็ถ้าตนเองคิดว่า 'เราโง่ เจ้าจงไปตามคนที่รวย และรีดไถ และจ้องเอาความมั่งมี
และส่วนเกินของคนรวยเหล่านั่นซิ'  "แต่นี่พวกเธอไม่"

แสดงว่าพวกเธอแย่มาก ตามหากินกับคนมีแต่ส่วนเกินเยี่ยงอย่างเรา ส่วนคนที่มีป
มเกินกว่าเรา ทำไมเจ้าไม่ไปจ้องเอาของเข
าเหล่านั้นล่ะ..หรือว่าเขาไม่เปิดทางให้ ไม่ให้ช่อง
โหว่แก่พวกเธอ พวกเจ้าจึงไม่มีปัญญาทำ

พวกเจ้ามีดีแต่จะคอยรังแกคนด้อยกว่า เหมือน

'พรานนฝนตกพรำ'ดักช้อนจับกิน"อึ่งปากขวด"ที่ลอยคอพรอดรักกันในหนองนาแล้วไปทอดหมกเกลือกินซึ่งง่ายกว่าจับกบทำกิน !ใช่มั้ย!

'อย่างนั้นใช้มั้ย' ชาร์ย้ำ

ก็นี่ละ แววแห่งแรงอิจฉาริษย่ขอวพวกเจ้านี้ละ่
เป็นบาปติดตัวเป็น(Sin)ทำให้พวกเจ้าเกิดมาเป็นทาสทางความคิดของพวกดามุกงัย..

พวกสูเจ้าจงรู้ไว้
'คนเราทำอะไรลงไปมันมีบัญชีทั้งนั้น  ทุกๆอย่างทั้งการกระทำงในที่ลับที่แจ้ง
ที่พวกเจ้าทำมา

!มันเหมือนแผลเป็นจากมัดที่หั่นปลาทำกินแล้วเผลอไปบาดมือเอา
งัย...

และพวกเรา"ที่เป็น"พอตายไปพวกมึงจึงถูก
'ยมพบาล'
เปิดบัญชีกำหนดโทษานุ

โทษ....ดั่งที้มโนคติแห่งความดีความชั่วหรือมโม
คติเชิงบวกและเชิงลบที่เคยทำไว้แสดงไว้ตอนมี
ชีวิตงัย

พวกมึงอยู่กินไปวันๆหนึ่ง
โดยไม่คิดถึวชีวิตหลังความตายแบบคนกินข้าวเสร็จแล้วไม่ล้างหม้องั้นรึ

"ไปเถอะ ..พวกเจ้าจงไปเสียจากมโนคติอันเลวทรามของ
เจ้า"ชาร์กล่าวในที่สุด













ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไ
ม่รอด

39โอเคเมื่อแรงจันทร์บดบังกลีบเมฆา และนกเค้าแมวใต้เงามืวบดพุ่มไม้จามจุรี(ต้นก้ามปู)

39โอเคเมื่อแรงจันทร์บดบังกลีบเมฆา และนกเค้าแมวใต้เงามืวบดพุ่มไม้จามจุรี(ต้นก้ามปู)

39เมื่อแรงจันทร์บดบังกลีบเมฆา และนกเค้าแมวใต้เงามืดพุ่มไม้จามจุรี(ต้นก้ามปู)

        ที่คฤหาสน์เชร์มัวร์ เชร์มัวร์ ชาร์ ตนเองพบว่า
จากข้อสังเกตุด้วยตาเปล่า ด้วยตาเปล่า กล้วยไข่และกล้วยหอมเหลือยาว(กล้วยหอมใหญ่) ในภาวะสุกงอมมีหนอนตัวสีขาวฝังร่างในเนื้อกล้วย
แต่ไม่พบในกล้วยน้ำหว้าและกล้วยตานีและกล้วย"โอชารส"ในภาวะเดียวกัน
ที่จะเม้นต์นิดนึวคือ กล้ายตานีกอมหวานละมุนชื่นหฤทัยเลยเมื่อกินมันตอนเปลือก
เป็นสีเหลือง(beta carotine)ไม่มีขายที่คฤหาสน์มีต้นเดียวปลูกยาก พวกดามุกกลัว
ไม่กล้าขโมยหน่อเพราะผีดุ มันจึงเป็นหุ่นไล่กาให้คฤหาสน์เลยตอนนี้

ขาร์ชอบกล้วยเป็นชีวิตจิตใจ เพราะกินง่ายและกลิ่นดี ตอนคุณ"วิ"มีชีวิตอยู่คุณ วิก็ชอบกินกล้วย

นกกาผี(นกกะปูด)เริ่มมาทำรังมาหางู
หากินเพิ่มมากขึ้น  นกกะปูดมีกลิ่น คนที่เชร์นัวร์ไม่นิยมยิงมากิน แต่นกกวักนี่ไม่เหลือ ถ้าชาร์เห็นใครมายิงนกกวักในเขตคฤหาสน์ ชาร์จะเดินออกไปห้ามทันที เมื่อไปแบก
ปืนยาวยิงกระรอกติดบ่าติดตัวไปเดินไปด้วย
"ชาร์จำได้"


หลังคุณ"วิ"ตายลงที่คฤหาสน์เชร์นัวร์นี้

พบว่าได่แต้มีการฟักไข่ของไก่แจ้เถื่อนตัวหนึ่ง
ชอบไจ่
เรี่ยราดตามซุ้มใบไม้แห้ง ไข่เรี่ยราดไปทั่ว และฟักไปทั่ว ไข่แตกไม่พร้อมกันและออกมาทีละครั้งฟองตัว
ครั้งสองตัว
ด้วยความพายามของมัน คงจะเป็นวิธีเอาชีวิต
รอดแบบ
"Fit to live" ตามที่ Darwinนักชีววิทยาชาวอังกฤษพยากรณ์ในปรากฏการณ์ทางชีว
แน่นอน
เป็นอาหารตาที่ได้มาแยู้รับมรดกจากเมียที่คฤหาสน์เชร์มัวร์นี้
"ทุกครั้งตอนเที่ยง ชาร์ต้อวเอาข้าวเปลือกไปโปรยไว้ให้ เพราะสงสาร






               








พงกดามุกวางแผนกลืนคฤหาสน์เชนัวร์และคณะด้วยวิธีการ
มากมายตามคำนิยามคำนี้ ที่ชาร์จะกล่าวถึง


Absorbingถูกกลืน

เช่นเผ่าชนใหม่เมื่อแรกเข้ามาแล้วถูกชนเผ่าใหญ่กว่ากลืนสัญชาติเผ่านั้นเสียด้วยการสมรสและกลืนด้วยวิธีทาง
วัฒนธรรมและประเพณี
เป็นต้น


การหาค่าตัวนี้คือ
ค่าprobeคือค่าเป็นไปได้
ที้นักประกันศาสตร์ใข้คำนวณการรับและการรอจ่ายประกันที่นิยมใช้กันงัย
ชาร์คาดว่าการประกันเป็นสิ่งดีและทำไว้
แต่วิเวียนน์ไม่ได้ทำให้ตน มีแต่พินัยกรรม
วิเกลียดการลงทุนด้งยประกันแต่ชาร์ชอบมาก


เจนแจ้งมาว่า
ดามุก ขโมยแม้แต่กระถางรองน้ำยางเพียงใบเดียวสองใบเพื่อไปตั้งตัวมา
ก็หลงมาในรูปมักง่าย วิสาสะกับชีวิตทรัพย์สินที่เชนัวร์

คนรู้จักกันด้วยแต่อันนี้ถือว่าไม่มีมอรัลเลียจึงกลายสภาพจากคนมักคุ้นรู้จักกันมาเป็นดามุกเชิงลบนั่นเอง ยังมีอีกขั้นคือmagna moralia คำว่า
Magna เป็นภาษากรีก
อุปสัคแปลว่ามากกว่าธรรมดา

นิยายคฤหาสน์เชร์นัวร์นี้เขียนไปเขียนมา
จะกลายเป็นนิยายงานเขีบยเรื่อง
Point counter point ของAdous Huxley นั
กเขียนชาวอังกฤษ แค่ชาร์ปฎิเสธว่าไม่ คงเป็นตัวหนังสือและโครงสร้างในนวนิยายนี้
"อาจจะใช่"



Private eyeนิตยสารขำชั้นสูงของอังกฤษ
Punchนิตยสารชั้นสูง
Satirical ชั้นสูงของอังกฤษ

Encouterนิตนสารวิชาการชั้นสูงของสหรัฐ

มีคนคิดๆแต่มีแย้ความรู้ถ่กถางสัวคมยืนยันตนเองและอัตลักษณ์
แต่ไม่ยืนความมั่งคั่งตนเอง
เหมือนคนที่่รวยยุคใหม่
เช่นFacebook Google
Computer ...ก็หาไม่
ท้ายสุด นักเขียนนักปรัชญาเหล่านั้นก็เหลือแต้คสามดีและอนุสาวรีย์หินอ่อนให้คนรุ่นหลังได้เชยชมเล่น
ไม่เหมือนคนคิดหาเงินไว้
หลังตายทิ้งมรดกมหาศาลไว้จากการพัฒนาwealthทรัพย์สิน
ไว้ให้คนรุ่นต่อมาไม่ แม้ยาวคนรวยแบ้วมาตายอย่างเย็นชาอันโลดโผนเพราะคสามมั่งคั่งมั่งมีของตนเป็นปัจจัย เช่นHuge เรือบินตกตายแต่สปิริ
ต (spirit)สูงไกลมอบมีมดกให้คนจนเป็นต้น
อดีตคนีรวยสุดขีดนับหน้าได้คือ
ตระกูลFords andRockyfeller
และเศรษฐีจากกลุ่มเชื้อ
ชาติยิวเช่นตระกูลRotchildeดป็น
ต้นเรามัฝักรู้ตักบริษัทยามหาศาลจากสสิสงัย
ยิสนิยามนี้ที่โลกต้องยอม
คือEinstineนักฟิสิกส์
ที่โลกคงระบือไปด้วยเรื่องระเบิดนิวเคลียร์งัย


ชาร์เคยคอรเด็กเมื่อเรียนๆตอนอยู้ใรตะวะนตกคิดเบียนแบยเชร์ กูวาราคนรักการค่อส๔้ทางก
ารเมืองปฏิรูปแบะถูก
ลอบสัวหารจนกลายมาเป็นเฟชั่นให้กับชนขั้น
ทั่วโลกแต่ไม่ใช่การเมือง
เช่นทำเป็นสื่อโฆษณาข่ยสิ้นค้าไปแทนหลายแนว

เชร์แพ้คาาสโตร์Castro ของคิวบา แม้เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน อ่านนิยานการเมืองเหล่านี้สนุก
เพราะระยะหลังกลายเป็นpopไปไม่เกี่ยวการการเมืองสักหน่อยเดียวเช่น
กรณีชาร์ชอบเชและไฝ่ฝันอนาคตอยากเป็นอย่างเชแต่ไม่ตายอย่างเชตอนเรียนตะวันตก เพราะsex driveตามคติของกามวิมยาทางจิตเช่น Froidนักจิตวิทยาชาวเยอรมันเ
ชื้อสายยิว
กล่าว วฝสาเหตุเกิดเพราะความผลักดันทางเพศเพราะหนุ่มชาร์จึวคิดอน่างนั้น แต่เมื่อโตเต็มวัยก็เปลี่ยนไปกอร์ปกับ"แม่ของของชาร์เองไม่ชอบให้ลูกของตนคิดแปล
กแยก"


ชาร์จึงเป็นคนสงบสมถะ
จนมาพบรักกับนา
งเอกคือ "วิเวียนน์"ที่ตายไปแล้วนี่งัย 
จนท้ายสุดมาท้ายสุดทั่ฝั่ง
ชล(น้ำ)คือเป็นพระเอกของ
นิยายเรื่องคฤหาสน์เชมัวร์นี้นี่เอง












ชาร์ใช้กาแฟเป็นฝิ่นดิ
บและชาเป็นกัญชาแห้งใ
นเรื่องการเสพประจำวัน
แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นนมและข้าวโอ้คร้อนมากกว่า กาแฟใช้เมื่อารมณ์มันติด
เท่านั้น ส่วนฝิ่นและกัญชา ชาร์ชอบแต่เมื่อเป็นอาญาเภสัช " ชาร์จึงเลิกชอบ" 
เพราะในโลกนี้มีสองอย่างคือ เป็นอาหารและไม่เป็
นอาหารของมนุษย์ 
อะไรที่เป็นชาร์"เน้นและชอบ" ส่วนที่ไม่เป็นอาหาร"ชาร์ขอคิดก่อนทำ"
ชาร์





น้ำจิ้ม"พริกเกลือ"ที่ฝืนเรียกมันน่าจะเป็น"น้ำจิ้มพริกมะนาว" แต่เอาเถอะ
ไปตามfolk law ruleแล้วกันยึดติดตามที่เคยใช้มาเนิ่นนานแล้ว "ไม่ขัดใจ"

แม่ของชาร์ชอบน้ " น้ำจิ้มพริกชนิดนี้มากคือน้ำจิ้มพริกเกลือ ขาดเสียได้แทนน้ำจิ้มพริกกะปิที่ชุมชนเชมัวร์ชอบกินทุกวัน
พบว่าแม่ชอบพริกที่สุกแล้วทำตำส่วนหนึ่งกินทันทีส่สนหนึ่งใส่กระปุกสุญญากาศเก็บไว้ค้างคืนหบายวัน ยิางฝากตู้เย็นไว้ยิ่งเก็บได้นาน

ชาร์สัวเกตพบเมื่อมนใช้ชีวิตกับท่านในบางเวลา
และแม่ไม่เคยสอน หรือใช้ให้ตำให้ คือแม่ทำเองทุกอย่าง เห็นแล้วหลังแม่ตำเสร็จน่ากินดูแล้วมันหลั่งน้ำย่อยได้จนน้ำลายไหล
จิ้มกับหมูเค็ม น่ากิน

ต่อมาโตขึ้นหลังรับมรดกเลือดแล้ว
มาที่วิเวียนส์นางเอกของชาร์ผู้ตายไปแล้ว ไม่ขอบน้ำพริกเกลือ แต่กลับชอบ
ปลาซูซิมิจิ้มน้ำปลาคาโยเกะ แต่สำหนับขาร์ขอบปบาซูซิมิเช่นกันแต่จิ้ม กับ"วายาบิ" มันเผ็ดขึ้นจมูกเชื่อว่าแก้หวัดได้

"ชอบกินสิ่งนี้"

แต่มาที่สมัยรับมรเกตกทอดอันเป็นทรัสต์ของ
วิเวียนส์
ชาร์ไม่เคยเนียกเจนมาทำครัวให้แม้เจนจะเป็นคนใช้
ชาร์ทำเองตำเอฝน้ำพริกเกลือพบว่ามช้พริกเกลื
อเป็นพริกแดงสุกแดงสุก
จากพริกจึงกลายเป็น
พริกเกลือสุก
ดูสวย และกินดี เก็บไว้หลายวันได้ แค่ถ้าใช้พริกขึ้หนูเขียวมันเก็บไว้ไอ้ไม่นายคือสองสามวันถ้ามากวันไปเก็บไว้จะมีหนอยพีิกหนอนน้ำส้มเกิดขึ้น
สรุปะริกเขียวใช้ตำเกลือเพื่อกินทันที
ส่วนพริดแดงไว้ใช้ตำเพิ่อกินนานได้
จะอร่อยมากเมืาอเคงราต้องคดข้าวห่อเดินทาง
วงไกล หรือไปลงแขกงานลงแขกแลบนารวม
ชาร์ใช้จิ้มหมูและสารพัดจิ้มเหมือดกับข้าวอร่อยดี
โดยเฉพาะกับปลาเค็มไ
ม่ทรงเครื่อง"กินอิ่มอร่อยและนอนดี"


แม่ไม่เคยสอนบอกชาร์ คงคิดว่า ะอโตขึ้นไป
เมียจะบอกให้หรือเป็นเอง
แต่พอโตขึ้นมา หัดเองรู้เอง เมียไม่บอกเช่ยกัน
แล้วเมียของชาร์กินพริกเกลือไม่เป็นกินเป็นแ
ต่พริกกะปิและพริกวาซาบิ
เน้นน้ำปลาของญี่ปุ่น
ส่วนชาร์ชอบวายาบิ มันคงแก้หวัดไดเเต่แพง
หลับสบาย

ชาร์ชอบเพลง  
Kiss Me Good Bye of Petula Clark  นักร้องยุค 60ตอนต้น

และMary Hopekin  Those Were the Day
มาก

Once upon a time there was a tavern
Where we used to raise a glass or two
Remember how we laughed away the hours
And think of all the great things we would do


Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
For we were young and sure to have our way
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la

Then the busy years went rushing by us
We lost our starry notions on the way
If by chance I'd see you in the tavern
We'd smile at one another and we'd say

Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
Those were the days, oh yes those were the days
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la

Just tonight I stood before the tavern
Nothing seemed the way it used to be
In the glass I saw a strange reflection
Was that lonely woman really me

Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
Those were the days, oh yes those were the days
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la
la la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la

Through the door there came familiar laughter
I saw your face and heard you call my name
Oh my friend we're older but no wiser
For in our hearts the dreams are still the same

Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
Those were the days, oh yes those were the days
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la
La la la la la la
La la la la la la
La la la la La la la la la la






อ้างซ้ำจาก
Google.com
07/08/21









และของ
Connie Francisชอบมากเลยฟังแล้วสดุดทุกลมหายใจ ชัวร์"ยืนยันโดยชาร์"


เนื้อหาไม่อยากมากไปเจอปัญหาEconomic value and fair share เพราะฉะนั้นเอาไว้เท่านี้ก่อน เดี่ยวมีปัญหาลิขสิทธิ์บางอย่างถ้าในศาลแพ้แล้สเค้าจะมายึดคฤหาสน์เชร์มัวร์ ก่อนชาร์ตายลง เจนไม่มีที่ทำงานและนอนงีบแน่ๆ แต่"ชาร์"ชอบเพลงกดเลยยูทูบใส่ชื่อคนร้องชื่อเพลง
แป้บเดียว! จะได้ยินเสียงเพลงใครๆจนมือถือเเทบกระเด็น...เลยคุณ.จากคุณ" วิ"อดีต บก. นิยายนี้แนะไว้

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การวินาศกรรมคฤหาสน์เชมัวร์

35
การวินาศกรรมคฤหาสน์เชมัวร์


35
การวินาศกรรมคฤหาสน์เช
มัวร์กับโจร"ดามุก"


ประกาศคำว่ามุกดาเปลี่ยนเป็น"ดามุก"ด้วยเหตุผลลทางวรรณกรรมตั้งขึ้นเป็น

เจ้าของลิขสิทธ์ผู้ประกาศในฐาที่รังสรรค์นิยายนี้
ผู้เขียนประกาศ
เคยกล่าวมาแล้วบ้าวตอนก่อน เหตุผลที่กล่าวซ้ำซากได้เพราะนิยายเรื่อง
เป็นนินายเรื่องยาวเป็นเหตุผล



กริ้ง....ดิ้ง กะ ด็อง ตามด้วยเสียงของAndy Williams of "Where do I begin "และเมื่อ 2 นา
ทีผ่านไปเสียงเรียกเข้าจะเงียบลง เพราะตั้งเวลาไว้อย่างนั้น
ส่วนโทรแบบตั้งโตะ๊ไม่เึยได้ใช้นอกจากรถพยาบาลAmbulance และเรียกตำรวจ



        เสียงรับสายนี้คุณ"
วิ"ตั้งไว้ตั้งแต่ยังไม่ตายและชาร์ไม่นึกอยากเปลี่ยนมัน เพราะขาร์ถือว่าการตายของ"วิ"เป็นการพักผ่อนจากควาจริง




เมื่อโทรมือถือดังขึ้น 
เสียงรับไม่มีคือติด"ไม่ว่างตลอดกาล เพราะตั้งค่า ฝากข้อความโทรกลับไว้
"ไม่ใช่เห็นแก่ตัว แต่ที่นี่สภาพมันบอกเหตุ  อนึ่ง
เมื่อมีโทรเจ้ามาจะมีก็โฆษณา และคนโทรผิด
และโทรหาขายของ
ที่
สำคัญเมื่อเรา(ขาร์และวิ)พลอดรักกันไม่อยากให้ใครโทรมากวน
ตอนนี้
     ชาร์ไมมีเวลาพอจะรับสายมันทันที เพราะที่คฤหาสน์เป็นคฤหาสน์
เงียบเหงา
เหมือนคฤหาสน์ผีสิง


ชาร์ต้องเฝ้าระวังหลายเรื่อง และตัวคนเดียว และวัยสนธยากาลต่างหาก


เจนเขามาทำงานเฉพาะกลางวันเท่านั้น

ชาร์ปรารภว่า

"ไม่ได้เห็นแก่ตัวที่ไม่รั
บสายโทรศัพท์ทันที
แต่เหตุจำเป็นบางอย่าง

และที่นี่บางครั้งมีผู้ไม่ประสวค์แอกนาม(unsolicited call)ชอบกดมาและมีคนชอบโทรมาเล่น


เสียงเพลง
ชาร์ชอบเพลงมากแม้จะโซลิแตร์"solitair"(โดดเดี่ยว)เป็นสภาพ

"When the life begin of Andy William  "

      ชาร์ชอบเพลงนี้มาก รองลงมาJohn Lenon of "Beatle" and Simon Karfunken the" sound of silence.

ชาร์มีรสนิยมสูงกว่านั้นตามปกติมิใช่ชอบแต่popular music เท่านั้น เพลงย้อยนยุค

ชาร์ชอบ" วิ"ก็เช่นกัน
ข้อสังเกตุถ้า คุณวิชอบเพลงอะไร ชาร์ก็ชอบเพลงนั้นด้วย




เพลงclassicและ Piano 
สมัย renaissance ยุคฟื้นฟูศิลปและวิทยาการ

ก็ชื่นชอบเป็นหลักทีเดียว



แน่นอนอาหารเครื่องดื่มต้อง อาหารว่างต้องเพี้ยบ ก่อนที่ชาร์จะฟังเพลงพวกนี้ได้ 

เหล้าไวน์นิดหน่อย
ชาร์โปรดไวน์แดงเป็นพิเศษ และไวน์แดงจึงมีติดโต๊ะที่คฤหาสน์ที่โยนใส่พวงกุญแจประจำตึ
กนี้ประจำ

ที่มีไวน์ประจำเพราะ
ตัวกระจ้อนยอดขึ้เสือกและขี้ลักไม่กินไวน์แต่
ของอื่นเช่นเนื้อหมูแฮม ของกินเล่นผลไม้ในและนอกฤดูกาล


อื่นๆเผลอไม่ได้ เจ้าตัวนี้จะดอดมาตรวจชิมร่วมด้วยเสมอเมื่อเผลอ




ของกินเล่นดังกล่าวจึง ขาดตอนไปบ้าง



คนใช้ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาบริเวณนี้ตลอดกาล ฉะนั้นชาร์จึงต้องทำเองทุกอย่างเขตนี้ของตึก

แม้มีคนใช้แล้วก็ตาม 
ผีคุณวิไม่ได้หึงหวง แม้คุณชาร์จะอื่นหลังตน
ตายลง




แต่ธรรมเนียมของคฤหาสน์นี้เป็นอย่างนี้เท่านั้นเอง



ตราบเท่าที่ชีวิตยังอยู่ก่อนตาย
รสยนิยมดื่มไวน์
ของคุณวิต่างไป วิชอบไวน์ขาวและไวน์ชมพูจากสเปนส่วนชาร์ชอบไวน์แดงจากฝรั่งเศสที่ชาร์เคยไปรับจ้างเก็บองุ่นใ
นช่วงฤดูร้อนและปิดเทอมการเรียน



        จะมองไปแล้วที่คฤหาสค์นี้เป็นบ้านคนรวยหรือเป็นบ้านAristocrate or bourgeois(คนรวยระดับกลาง หรือพ่อค้ามี
ฐานะ)หรือ capitalist(นายทุน)



แต่ตอนนี้คนมองเชมัวร์ผิดถนัดและอ่อนประวัติศาสตร์ชุมชนเชมัวร์อีกด้วย "ถ้าใครขืนมองอย่างนั้นอยู่อีก"

ตอนนี้เขมัวร์เป็นบ้านคนยากไร้ชั้นเยี่ยม
ดูจากรายได้ที่ชาร์ใช้ดำรงชีพ เป็นหลัก
เคยมีคนถามว่า

"ชาร์คุณรวย"

ไม่"ชาร์ตอบ"
สิ่งที่มีและเห็นเป็นอดีต

มันเป็นเครื่องทรงเครื่องแบบเท่านั้น

ชาร์แต่งตัวสวย
จึงมีคำถามเกิดขึ้นอย่างนี้

คนมีหรือไม่มีเดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูที่กางเกงและรถแต่ดูที่บัญชีธนาคาร "ชาร์กล่าว"



"เป็นคนจะให้เดินแก้ผ้ามารับแข
กงัย ! เมื่อกระเป๋าไม่มีเงิน คนมิใช่หมาแมวนะ"


สมัยนี้เมื่อเงินติดตัวไม่มี
ก็แต่งตัวดีและสะอาดและสวยได้


ชาร์ค้อนคนสงสัยถาม

"ทุกคนจึงเงียบลง" และยอมรับว่าจริง

"คนเราจะฐานะรวยมิใช่เสื่อผ้าและรถที่มีอยู่ แต่บัญชีโน่นจะพิสูจน์ว่าคนรวยมีหรือเป็นคนจนได้ และเมื่อจนล


งก็ไม่ต้องแก้ผ้าเดินนิหนา"

ทันทีที่ชาร์พูดประโยคนี้จบลง


ทุกคนพร้อมกันเงียบกริบ




สิ่งที่มีที่ชาร์และคฤหาสน์เชมัวร์
ที่เห็นเป็นเรื่องของอดีตทั้งหมด 
รวมทั้งคฤหาสน์
อดีตใช้เป็นบ้านที่มีอันจะกินอันดับสูงสุดของชุมชนนี้มาก่อน

แต่ปัจจุบันเป็นอันดับสงสุดของบ้านคนจนตอนนี้


มันคงแต่ซากอดีตเท่านั้น คฤหาสน์นี้จึงเป็นที่หมายปองโดยโจร"ดามุก"เป็น
ที่สุดตอนนี้ และนิยายนี้เกิด เพราะดามุกโจรนี้เอง
"ชาร์กล่าวยืนยัน"
และกล่าวอ้างเปรียบเทียบต่อไปว่า:


   
         มันเหมือนบ้านเก่า ปราสาทเก่าๆ ตึกเก่าๆ 
ในฝรั่งเศส ดูเหมือน
แล้วรวย  ใช่อดีตรวยจริงแต่ปัจจุบันไม่แล้ว

แต่ว่าในอดีตสมัยฝรั่งเศสเป็นจักวรรดิ แต่รุ่นหลังเจขามีแต้บ้านใหญ่ส่วนปัจจุบันเขาจนลง รักษาระดับจึง "เป็
น อยู่คือ"ได้เท่านั้นหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองของฝรั่งเศสแล้ว




ตอนนี้สภาพคล้าย"haunted house" บ้านร้างแต่ยังมีเจ้าของยึดครองต่อไป

ที่ฝรั่งเศสนักท่องเที่ยวชอบนักที่เป็นสภาพนี้ เพราะจะได้เพิ่มมีทัศนวิสัย
สูในการมองเพลินและพักหย่อนใจสำหรับเขา(นักท่องเที่ยวสมัยใหม่)ได้


ด้วยเหตุนี้เอง
ต่อมาเช
มัวร์จึงถูกอุทิศให้สาธารณะหลังชาร์ตายลเพราะไม่มีทายาทเป็นบุคคลสืบต่อไป
ส่วนมิเมย์และหิมะกฎหมายไม่ยกฐานะให้เป็นบุคคลได้ตอนนี้ แม้จะเป็นเมียของชาร์ก็ตามโดยพฤตินัยและสภา
วะก็ตาม
พินัยกรรมดังกล่าวคุณ วิทายาทคนสุดท้าย
แห่งต้นตระกูลนินิได้กระทำไว้ก่อนตาย เป็นในรูป"ทรัสต์"













      เนื้อแห้ง หมูแฮม เตัสทพ้อทเพื่แเึี้นวเบน ชาร์เตรียมตมีไว้พร้อม "กาโต" มีดคมสะอาดและเขียงหั่นปราศจากฝุ่นและจากสนิม

มิเมย์และหิมะไม่เล่นไม่แตะ เพราะเขาแสนรู้

บ็อกเซ่อร์(Boxer -Boxcher
)หมาตัวโปรดของคฤหาสน์เชมัวร์นั้น

เตรียมเห่าและกัดถ้าจำเป็น

ทุกเมื่อ

ๆมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาคุกคามบุกรุกเข้ามา

ในอาณาบริเวณคฤหาสน์ในทุกๆกรณี เพราะมันได้รับอนุญาตจากตำรวจ ให้ช่วยคุ้มครองทรัพย์สินและเจ้าของบ้าน มันถูกฝึกมาอย่างดีโดยตำรวจที่เชนัวร์

การก่อร้ายของแผนดามุก
อย่างง่ายมากแต่ผลร้ายมหาศาล และอนันต์ รวมถึงการทำลา
ยเหยื่อ ทั้งที่เป็นกลุ่มเป้าหมายชนิดเจาะจงและไม่เจาะจ
งโดยเฉพาะชีวิตของ"ชาร์"ให้ชาร์จบชีวิ
ตลงได้อย่างง่ายดาย

ชนิดไม่มีหลักฐานจับได้ เมื่อมีการสอบสวนเกิดขึ้นหลังการตายของ"ชาร์"ชนิดหาสาเหตุไม่พบ


เช่น การนำสัตว์พิษมีงูเห็บ ยุง แมงมุม หนอน เชื้อโรคไวรัส แบคทีเรีย ผีเสื้อ แมงปอ และอื่นๆอีกและเห็ดพิษและวัชพืชทำลายยากมาปล่อยทิ้งเอาไว้ในพื้นที่เอเคอร์และคฤหาสน์
ที่ชาร์มีอยู่

ก็ปรัชญาของดามุกมีว่า
ในมุมมืดเขาคือใหญ่กว่าฟ้าและดิน เป็นอธิปไตย์
แต่ในยามที่สว่างเขาเป็นเพียงขยะวัสดุเหลือใช้ชนิดหนึ่งเท่านั้นและเป็นเศษธุลีที่ไม่มีค่าอะไรในสังคมนอกจาก เขาเพียงคิดว่า"ได้กิน นอน เสพ กระชับองค์กรของเขาอย่างโซ่ตรวนที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้"ก็พอในวันหนึ่งๆตราบเท่าที่เขายังหายใจอยู่
  
       จากปรัชญาของพวกดามุกเชิงลบดังกล่าว ชีวิตของชาร์จึงไม่มีค่าอะไรสำหรับพวกเขา เกียรติ ประวัติ ความเป็นปัญญาชนภูมิธรรม สิ่งมีค่าเฉพาะหน่วนตนของขาชาร์นั้นเป็นสิ่งไร้ค่าและความหมายไปหมด พวกนี้ไม่รู้คุ
ณและคุณค่าทางกฎหมายในที่มืดเลย หรือในที่สว่างที่ไม่มีคนเห็นและพลาดสายตาคนไป "เขาชอบนัก" ส่วนในมุมมืดไม่ต้องถามว่า "เขาจะพิสดารอย่างไร" ชีวิตเขาทุกคนเหมือนนิยายแฟนตาซี
  และพวกเขาไม่คิดว่า ตนเองจะโผล่มาจากโลกมืดนี้
ได้ 
เพื่อได้เป็นเป็นคนมีฐานะและทรงเกียรติ เขาไม่
รู้จักนรกสวรรค์
"แม้ที่จริงเขาก็มีสิทธิจะรวยและทรงเกียรติได้ถ้าเขามีคุณธรรมอันเป็นอุ
ดมคติสูงสุดของมนุษย์ (summum bonum)ได้ไม่ยากนักถ้าเขาจะพยายามสักนิดเดียวในบนโลกเลอเซ่อแฟร์(Laissez faire)แบบนี้" นั้นคื
อเอกลักษณ์ของเขา"ดามุก"เชิงลบ

ถ้าสงครามเกิดขึ้น เขาจะเปลี่ยนชื่อป้ายถนนตรอกซอยเป็นชื่ออื่นเสีย เพื่อให้ทหารหรือคนหลงทา

ง คนสัญจรที่และทหารที่มารบเดินทาง
ไปไม่ถูก ไปผิดเป้าหมาย
"สมาชิกของดามุกคนหนึ่ง
กล่าวยืนยัน"

เขามีความต้องการของตนเอง
อย่างเป็นหน้าที่หลัก ชนิดไร้เหตุผล

แม้หายนะคือความแพ้จะเกิดหรือไม่เกิดเขาไม่คำนึงเขาก็จะทำเพื่อไม่ให้เกิดความสงบและศีลธรรมอันดีงามในทุกสถานการณ์ของสังคม และเขามิใช่คนบ้าเพราะ"เขารู้จักเจ็บปวดรวดร้าวและเขินอาย หวง"

"เขา"

"ขอให้ได้ทำ นั้นคือภักษาและอาหารใจและชีวิตของเขา เพราะชีวิตเขาดำรงอยู่ได้ด้วยยอดหญ้าและกบย่า
งเพียงตัวเดียวต่อวันเท่านั้นก็พอ

เขาไม่คิดว่าพวกเขา
จะได้นอนแอร์ นอนฟูก4คูณ6เมตรกว้างยาวฟูก24นิ้วหนา และใช้ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าและทีวีสี ตู้แช่แข็ง มีรถขับเคลื่อนวิ่งไปมาสะดวก เหมือนอย่างที่ชาร์และ
คฤหาสน์เชมัวร์มี
ในขีวิตนี้" 

นั่นคือปรัชญาแม่บทของเขาละ "ดามุกเ"ชิงลบ

และดามุกจะชนะขีวิตไ
ด้ คือ
"ได้กินเสพนอนอย่างราชาในที่สว่างและที่แจ้ง
ได้ถ้าเขาทำตามปรัขญาของเขา"


อันนี้เราเรียกว่าเป็นจิตวิยาเชิงลึกและพิสดาร
ของดามุกเชิงลบนั่นเอง