งานชนิด้เศษนิพนธ์เรื่อง "มกุฎราชกุมารใต้ดิน"
บทที่24
เมืองกิเนบทที่24
เมืองกิเน
เมืองแห่งอุดมคติของมนุษย์ถูกนำมาเล่าโดยนิเนก่อนที่นิเนเป็นลมสลบไปเพราะลืมหิวอาหาร
และตายไปก่อนที่นิเนจะเล่าจบบริบูรณ์ ในขณะที่ราขินีเมทิติดใจในคำเล่าของนิเนจนบรรทมหลับและนิเนก็ไม่ทราบว่าราชินีหลับแล้ว
เพราะตนเองจะแหงนมามองหน้าราชินีเมทิขณะเล่าด็ไม่ได้อันเป็นกฎของกษัตริย์เซยิ
มหานครกิเน......
......
.......
"นินา"
ข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ของราชินีเมทิ
เล่าต่อเรื่องเมืองมิลเลย์
และท้ายสุดนินาเป็นลมสลบไปและตาย แต่ราชินียังไม่ตื่นจากบรรทมเลยเพราะเหนื่อยจาดการเงี่ยหูจากททาสนินาด้วยควสมสนพระทัยมาก และนินาพูดภาษาเซยิแบบบ้านนอก ราชินีนั่นเป็นชาวต่างชาติที่ดษัตริย์เซยิได้สถา
ปนาขึ้นเป็นราชินีหลังพบกันได้ครั้งดียวหลังจากที่ทหารของพระองค์จับได้เป็นจำเลยจากการติดแพลอยมาที่เกาะเซยิพร้อมทารกน้อยจากแดนอื่น
้เนนิเขา มีชื่ออีดชื่อๆว่านิเน
เมื่ิอเขาตายลงต่อหน้าพระที่นั่งขณะที่สมเด็จเมทิทรงหลับอยู่
เมื่อพระนางตื่นขึ้นมาเห็น
นิเนนอนแข็งทื่อ
พระองค์ทรงคิดว่า
นิเนคงเหนื่อยแต่อย่างไรก็ตามๆกฑชองเมืองนี้ราชิยีจดแตะต้องกายสามัญชนและใครมิได้นอกจาก
กษัตริย์ที่เป็นพระสสามีของพระองค์เองคือกษัตริย์เซยิเท่านั้น
พระนางรับสั่งด้วยรหัสลับให้ทหารเข้ามาปลุกนิเน
"นิเนตายแล้วฝ่าพระบาท"
ราชินีเมทิแสดงอาการ
เสียพระไทยมาก จึงรับสั่งให้ทหารนำนิเนไปทำอนุสาวรีย์นิเนขึ้นมาที่ชายหาดเกชาทาวตะวันออกของเกาะเซยินี้
และรับสั่งให้ทหารหญิงนำอาหารทิพย์ไปวางไว้ให้วันละสามมื้อพร้อมเหล้าไวน์สีมรกตทุกวันมื้อมนุษย์เป็นเวลา2000ปีล่วงแล้ว
และยังกระทำสืบทอดมาจนทุกวันนี้ที่เกาะเซยิ
แม้ว่ากษัตริย์และราชวงศ์เซยิจะล้มสลายไปแล้วก็ตามคนรุ่นหลังถือว่า อ
นุสาวรีย์เนนินั้นศักดิ์สิทธิ์
และชาวเมืองเซยินับถืออนุสาวรีย์เซยิมีเทพเจ้าสิงอยู่
ใครมาบนบานจะได้อะไร
แล้วจะได้
ส มใจนึกเมื่อเจตนานั้นบริสุทธิ์
ต่อมาแท่นอนุสาวรีย์กลายเป็นทองคำแท่ง
ที่ฟ้าผ่าหลายครั้งแต่อนุสาวรีย์นิเนก็ไม่พัง
สถานที่นี้คือสถานที่ศัก
ดิ์สิทธิ์ ใครรู้เข้าด็อยากมาเคารพ แต่อนิจจาชาวเซยิปกปิดไว้ และน้อยคนจะได้มาที่เกาะเซยินี้ เกาะนี้ตึงเป็นหวงห้ามเด็ดขาด
และมีอาถรรพณ์เกิดขึ้น
เรือต้องอับปาง เรือบินตก
อุบัติเหตุอื่นๆ สำหรับคนที่จะมาเทีสวที่นี้เกาะเซยิ
และเกาะเซยิจึงกลายเป็นเกาะต้องห้ามแต่นั้นมา
จนตราบเท่าทุกวันนี้
เรื่องของพระสนมเอกชองพระนางเมทิไม่จบกันง่าย เพราะวิญญาณของเนนิ
แสดงปาฎิหารย์บต่างๆที่สุสานตลอดเวลา
ทำให้คนข้างสุสานอานุสวรีย์ที่ตั้งศพชนิดยืนขึ้นแบบศพเสริมเหล็กทิ่มทวารหนัก
ให้ผีบืนตรวอาบน้ำยางจากต้นไม้มะเฮสีเหลืองใสศพจึงแห้งไม่เน่า และฉาบด้วยหินอ่อนรอบราง เป็นอานุสาวรีย์ยืนตาหลับ
ปากอ้าพึมพำ หินอ่อนสีขาวชนิดละลาย
ทำไว้สวยงาม ชาวเมืองนำดอกบองยีสีขาว
ดอกหอมไปบูชาและนับเป็นเทพเจ้าตนหนึ่ง
ของชาวเมืองเซยิแต่นั้นมา
ชาวเมืองนุนีที่อานุสาวรีย์ตั้งอยู่ รำรวยทำมาหากินสบาย ผักขึ้นเองงามไมต้องปลูกมีฝนตกเช้าเย็นให้ทุกวัน แต่ผีกที่จึ้นมีชนิดเดียวคือผักคะโนที่นี่น้ำไม่เคยท่วมเพราะทางลาดลงทะเล
แมลงชนิดหนึ่งขื่อดามาจะพากันบินมา
ลงกะทันทีเมื่อ ใครที่เมือง'นุนิ"(เมืองย่อยระดับอำเภอของกรุงเซยิ)ตั้งน้ำมันทอดด้วยน้ำมันหอมเครื่องเทศจากดอกกาเว
แมลงดามาจะบินว่อนมาลงกะทะทันทีเมื่อมันได้กลิ่น กินอร่อยหอมมันเมื่อทอดกรอบแล้วตัวคล้ายด้วงเท่ากบฑูต แต่นั้นมาคนอำเภอนุนิจึงกินแมลงดามาทุกมื้อ
ส่วนหนึ่งบูชาเทพเจ้านินาที่หิ้งพระที่บ้านตนโดยนำฟืนไม้จันท่อนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์สมมุติว่าเป็นร่างของเทพนิเน
ยุวที่เมืองนีนิไม่มีสักตัวงูก็ไม่มี จะมีก็แต่ปลาทะเลกินไม่หวาดไหว จะพาไปขายยังแผ่นดินใหญ่อื่นก็แสนที่จะไกล ถ้าใครทำการค้่าปลา
ที่นุนินินี้เรือจะอัปปาง
ครั้งหนึ่งไฟเคยไม้กระท่อมของหัวหน้าหมู่บ้าน ไม้ไหม้หมดเหลือแต่หินอ่อนสีเหลืองจากเขม่าไฟกลายเป็นหินอ่อนสีเหลืองหม่
น นับแต่เหตุไฟไหม้ครั้งนั้นแล้ว
ชาวนุนิจงสร้างบ้สนด้วยหนอ่อนทุดหลังคา
เรือน
ไฟฟ้าทีนี่ไม่มีจะใช้ก็ใช้สายไฟตากแดดไว้
แล้วนำกะแสไฟจากพะอาทิตย์มาใช้ แตคนไม่ชอบ จึงใช้ตะเกียงแทนทุกบ้าน
สืบต่อมาพบบ่อแร่เหมืองทองคำ และบ่อน้ำมันให้ชาวเมืองใช้แต่ทีเงื่อนไขว่าจะใช้ได้เพียงบ้านละวันละหนึ่งปี๊ปตวงเท่านั้น
ห้ามใครเกิน ถ้าเกินเทพเจ้าประจำเตาผิงจะพิโรธ
นับจากที่นิเนตายลงแบะมีอานุสาวรีย์รำลึกแล้วที่เมืองนุนิที่ศพนิเนตั้งอยู่ ทุกคนมีความสุขแบบ"คิดเงินได้เงินคิดทองได้ทอง"
มีโจรสลัดหลงมาจะปล้น แต่อนิจจาถ้าสลัดนำออกจากเมืองนุนิผ่านทางทะเลไม่เกิน1000ไมล์ทะเลเรือสลัดก็จะอับปางและสลายทันทีจะเหลือสลัดลอยแพต่อไปประ
สบชะตากรรมเท่านั้น ส่วนใหญ่ปลาฉลามกินหมด
ส่วนสลัดมีบุญหน่อยก็จะถูกปลาโลมาให้ขี่คอไปส่งเกาะนรกอื่นๆต่อไปที่ห่างจากเกาะนุนิและกรุงเซยิมากๆ ทั้งหมดเป็นคำเล่าจาก"นิเน"อันเป็นส่วนหนึ่งของพงศาวดารเเห่งเมือง"กิเน"นั่นเอง