วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เชมัวร์ที่รักจ๋า

34 อันที่จริงติดคุกมิใช่ของดีเสียเท่าไหร่ใ

            
ประกาศผูเขียนด้วยเหตุผลทางวรรณกรรม ขื่อโจร"มุกดา"ของนิ
ยายนี้ให้ใข้ว่า"ดามุก''แทนตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป
ตามสำนวนที่วิวาห์"เมียชาร์"เขียนไว้ที่ชาร์ได้ตรวจพบใหม่ที่ตู้นรภัยของคุณ" วิ"
หลังเปิดพินัยกรรม....

 

 

 


        อันที่จริงติดคุกมิใช่ของดีเสียเท่าไหร่ แต่เมื่อมันดันมาติดก็ไม่รู้ทำอย่างงัยพี่"สุสองพูด"

 

ชาร์เองไม่เคยติดคุก จึงได้อารมณ์คุกจากคนอื่น
ที่เคยไปติด วิธีชาร์ทำตัวมิให้ติดคุกก็คือ
การคิดบวก อย่าคิดลบ คิดแบบนี้ได้คง
จะไม่มีคุกใดในโลกนี้ถามหา แม้โดนติดคุกการเมือง อันนี้ แม่ของชาร์บอกมา

"เพราะแม่ของชาร์ท่าน ท่านมีเพื่อนเป็นขุนนางๆๆเหล่านั้นเคยให้ทักษะชีวิตแก่แม่ของชาร์ขณะมีสั
งมกัน"
"ชาร์ากล่าวสรุป"

 


อย่างไรก็ตามชาร์ไม่ชอบติดคุกเพรา
ะ มันเหมือนนกที่ถูกจับใส่กรงทอง


การสูุญเสียความงามแห่งเสรีภาพโดยสิ้นเชิงคือการได้ติดคุก


และเป็นของน่ารังเกียจ ถ้าจะต้องติดคุก
ชาร์มั่นใจอย่างมีสติที่ดีพอที่จะไม่เป็นคนติดคุก
ในชาตินี้  การติดคุกคล้ายแปรสภาพเป็นคนครึ่งผีครึ่งคน

"มันเหมือนกับ ผู้หญิงที่ถูกจับมัดโดยพลการ
แล้วโดนข่มขืน"


แม้ชะะตากรรมของชาร์เอง
ที่มีพิพาทเรื่องมรดกเลือดที่ล่อแหลมต่อการเกิดการปะทะอันเป็นเหตุให้ชาร์อาจเข้าคุกเพราะเหตุบันดาลโทสะ


เพราะคู่พิพาทในมรดกเลือดของชาร์คุยกันไม่รู้เรื่อง

 

ส่วนเรื่องส่วนตัวของเจนนั้นชาร์ไม่เคยทราบ
มาก่อน และทนายคฤหาสน์ไม่ได้ท้วงติงอะไร ตอนรับเจนเข้ามาทำงานหลังจากที่วิวาห์ตายไป

     ชาร์เชื่อว่าประวัติอาญากรรมของเจนไม่มีแต่คงเหตุบางอย่างแต่มาในขั้นนี้เมื่อชาร์ฟังดูแล้วเจนมีประวัติบ้าง

 

 


   เพราะฉะนั้นการจะมาตัดตอนเลิกสัญญาว่าจ้างเจนจึ
งยังหาควรไม่!ตอนนี้เมื่
อความจริงในตัวเจนมีทราบว่าอะไรในชีวิตเจนที่ผ่านๆมา มีเรื่องราวน่าหวาดเสียวหลายอย่าง
แต่สำหรับตอนนี้เจนซื่อสัตย์ มาทำงานตรงเวลา รู้จักรับผิดชอบ มีมรรยาทและมี"มอราลเลี
ย"ดีพร้อม

ชาร์คิดว่าตนเองโดยอำนาจจะสั่งพักเจนในการทำงานที่คฤหาสน์เสียก็ได้เมื่อทราบเรื่องวาวของเธอหลายอย่า
ง แต่ชาร์หนักแน่นพอที่จะตัดสินใจว่าไม่ทำอะไรลงไปคืออนุญาตให้เธอทำงานด้วยต่อไป


ชาร์คิดดีแล้วจึงตัดสินใจอย่างนี้และงดคิดชนิดไม่ด่วนสรุป

จึงรับฟังเรื่องราวของเจนต่อไปอย่างสนุกสนานกับสังคมประกฤติที่เกิดขึ้นกับเจนและสังคมลับที่เจนพบและโดนมากับตนเอง


      คือชาร์สนใจเรื่องความสัมพันธ์เชิงลบที่เจนประสบมาในเรื่อง"ดามุก"
เพราะชาร์เห็นว่าดามุ
กเชิงลบเป็นมลทินทางสังคมอยู่แล้ว


           แม้ฟังแล้วเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว ของเจนแต่ เป็นมรรยาทที่ชาร์ไม่ควรซักถามเรื่องส่วนตัวของเจนมากไป ตามกฎของมอราเลีย และเมื่อมาคิดเสียว่า "เจนเป็นปัญญาชน"
ก็คงคุยรู้เรื่องกฎมอรา
เลีย


ชาร์จึงถือว่า เจนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง แม้เธอยังเป็นสาวคนใช้ของคฤหาสน์นี้ตามสัญญาว่าจ้าง

 

 

         ที่เชนัวร์ชนบท อาณาจักรท้องทุ่งที่ห่างไกลความเจริญ และเป็นท้องถิ่นทุรกันดาร
ใหม่ที่ชาร์นิยามไว้


         สองทุ่ม กบขึ้นเพราะฝนมามากนัก
แม้มันจะไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ลงท้ายด้วย"ญ่า" สองอย่างชนิด
แต่ฝนมันตก น้ำไหลพร่าไปทั้งทุ่ง ตามห้วยละหานมีน้ำเจิ่งนอง ปูนาเริ่มคลานโผล่ออก
มาจากรูเล่นน้ำทันทีที่ 3 ชั่วโมงผ่านไปแบบ
ฝนโปรยชนิดหนักเบาแบบหมาดๆ

 

 


         สองทุ่มที่"เชมัวร์"
คนจับกบออกหากบกัน มากับตะข้องตอกไม้ไผ่สานและไฟส่องติดรัดหน้าผากแบบคนกรีดยางพาราใช้
ในกลางคืน


      ฉมวกด้ามอันเล็กมีด้ามถือ ทีอาชีพหน่อยมีสวิงจับด้ามไผ่ยาวปรับหดยาวได้ขนาด5-10เมตร
ทีเดียว เพื่อตักช้อนกบ 
ถ้าหากพบกบพรอดรักกัน"ตามันสู้แสงไฟ"มันไม่กระโดดหนี
ไปก่อน(กบพรอดรักกันช่วง4-5ทุ่ม)

 

พรานกบเขาสุ่มเดินอย่างจับๆ จ้องๆ ก้าวไปอย่างมีสมา
ธิตามจับดบมากินฟรี ชาร์เองเคยคิดอยากทำแต่ทำไม่ลง เพราะบางครั้งชาร์มีแนวคิด"มังสวิรัติ"เป็นปฐมฐานในการดำรงชีวิตไปจนวันตาย เว้นแพทย์บังคับต้องกินเนื้อเพราะโปรตีนเนื้อเพื่ออนามัยตนเอง จาก"พัวซอง"แปลว่าปลาในภาษาฝรั่งเศส
(ปลาอาหารหลักของมนุษย์ที่ท่านเทพจ้าประทานมาเพื่อให้ชีวิตมนุษย์อยู่รอดมากับโลกเมื่อได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเป็นลูกคนโปรด
แต่บางทฤษฎียันว่า"ไม่ใช่"
จากเหตุความเชื่อและความขัดแย้งนี้ยังหา
ข้อยุติไม่ได้ ปลาจึงเป็นอาหารหลักตัวหนึ่งของมนุษย์จนตราบเท่าทุกวันนี้)

 

"พรานกบสมัครเล่นคนหนึ่ง"
แล้วสองเท้าของเขามีบู้ดกระชับติดน่อง  สมองไหวพริบแน่น
เพราะอันตรายมี งูเห่าน้ำชุมคนเคยตายประจำด้วยงูพิษน้ำที่นี่ บางครั้งพบว่ารองเท้าบู้ตพลาสติกเอาไม่
อยู่ "มันสับฉกด้วยเขี้นวแหลมยาวคม" ที่นี่เซรุ่มงูยังไม่แพร่ ยางูจึงใข้สมุนไพร แทน หมอโรงพยาบาลมีอยู่ห่าง30กิโลเมตรไกลจากเชนัวร์


วัฒนธรรมจับกบกินกบฟรีนี้
จับกันถึงเที่ยงคืนจนตีสอง

 

 


แบ่งกันจับ  บางคนมาก้บลูกสาวเล่นชู้กับลูกสาวเล่นกันเฉยในหนองน้ำที่มีกบอยู่
และทำทีคคลำหากบผลุดๆโผล่ๆ  ทำที
จับกบ บังเอิญคงได้อารมณ์เสพ กีน"เฉย"      

 

ชาร์บังเอิญฟังอยู่ในที่ลับบนคฤหาสน์ปิดไฟ เหลือบไปเห็นและฟังได้ยินเข้า
"เพราะเสียงเด็กดิ้นผ้าถุงหลุด"


"ว้าย! พ่อ"
" เสียงฉุดปล้ำลูกสาวด้วย เพราะในนิเวศน์จับกบแบบนี้ (พบว่าคนจะมีอารมณ์ทางเพศขึ้นมาแบบธรรมชาติ นอกจากคนที่มี"มอราลเลี
ย"เท่านั้นจะฝืนอารมณ์ดิบในเรื่องความกำ
หนัดความใคร่ที่ผลุดขึ้นมาแบบนี้ไปได้  )แต่ทำอะไรกันต่อไปชาร์ไม่รู้ และชาร์ไม่สนใจติดตาม"


แต่ถ้ามีฆาตกรรมค่อยว่า
      
แต่คิดว่า คงมิใช่แผนมุกดา "ดามุก" เพื่อยั่วให้ชาร์เห็นหนังสด
ภาพโรแมนติกบาดตา เพื่อให้ชาร์อยากคิดมีเ
เมียเด็กไว้บำเรอ เพราะชาร์ยังหล่อและแข็งแรงแม้คุณ"วิ"เมียหลวงของชาร์จะตายไ
ปนานแล้ว 
          แผนนิ่มนี้พวก"ดามุก"ชอบนัก
      เพราะถ้ามันเป็นไปได้พวก"ดามุก"จะได้ครอบครองเชมัวร์คฤหาสน์สบายไปเลยเพื่อ
เสพสุขหลายชั่วโคตรและสร้างตำนานที่ไม่มีใครติได้ขึ้นมา แม้คฤหาสน์เชมัวร์เองจะเป็นทรัสต์ไปแล้ว แต่ผลประโยขน์ข้า
งเคียงยังมีอีกมากมายที่ พวก"ดามุก"หรือ...จะแสวงหาทำได้ ถ้าคิดจะทำ "ชาร์รู้แผนนี้ดี"

และนับจากเจนมาเป็นคนใช้ใหม่ พวกดามุ
กก็ตีความว่า เจนจะเป็นคุณนายคนใหม่แทนคุณวิที่ตายไป กันแทบทุกคนเป็นข้อฌโจษจัน แต่ในความเป็นจริง เจนกับชาร์เป็นเพียงนายจ้างและลูกจ้างที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง
ส่วนอนาคตไม่ทราบ

คือพวกหัวคิดเชิงลบดามุกคิดว่า:

         ุ้ถ้าลูกสาวตนได้เป็นเมียน้อยของชาร์ขึ้นเมื่อไหร่  จะได้กอบโกยผลประโยขน์ข้างเคียงอันมหาศาลทีเดียวที่เชนัวร์"ชาร์เฝ้าระวัง"


         ยังมีเรื่องราวตระกูล"นินี"อันเป็นตระกูลเก่าแก่ี่ของเชนัวร์ที่สร้างอาณาจักรตนเองมาจาก การใช้ทฤษฎีบปลูกอะไรทำเป็นแถวเป็นแนว และเรียบง่ายและประหยัด
และไม่ยุ่งการเมือง และมีลูกน้อยเมียคนเดียวเป็นหลัก
จนมีครอบครัวสืบทอดมั่นคงมา
สานต่อนับได้เจ็ดเจ็ดชั่วโคตรคน จากบรรพบุรุษของคุณวิ ชาร์จะนำมาบันทึกต่อไปข้างหน้าทั้งหมดซึ่งอยู่ในงานเขีบนของคุณ"วิ"ก่อนตาย

 

 

 


    " วัฒนธรมของกบ"
กบผู้ร้องข้ึ้น กบเมียร้องรับ ทำให้คนกบรู้แหล่งกบอุบซ่อนอยู่

 

 


บางคู่กำลังพลอดรักกัน(กอดกัน)นอนบนหลังกันอยู่อย่างแนบแน่น มีนัยสำคัญว่าผสมพันธุ์กัน(เอากัน)

กบมันไม่กลัวแสงไฟส่องกบ แสงไฟกระทบกั
บดวงสายตากบจะเห็นตามันเป็นสีขมพู ถ้าแมวหรือหมาจะเป็นสีเขียว ในเวลากลางคืน

 


พรานกบจะจับไม่ไว้หน้า

เพื่อผัดกบในวันรุ่งขึ้นส่วนใหญ่จะไม่ฆ่าผัดกบทันที เช่นเดียวกับหอยขม โข่ง ห
หอยกาบและปลาดุกนาช่อนนาที่ติดกับ
ดักนายพรานสัตว์น้ำมาเขาจะเก็บไว้หนึ่งคืนก่อน (ไม่ทราบธรรมเนียมนี้ว่าเพื่อไว้ทุก
ข์สงสารหรือเพราะว่ายังไม่หิวจึงไม่ฆ่าทำกินกันทันที)

 

ทันทีที่จับกบได้เขาจับใส่ลงในตะข้อง(ภาชนะใส่กบจับ
ได้จับเป็น)กบมันไวกระโดดหนีเร็วมาก

ส่วนหนึ่งเขาพาไปกินเองทำผัดน่องกบ ถ้าเหลืออีกก็ขายเพราะราคาแพงกว่ากบเลี้ยง "คนกบคนหนึ่งยืนยัน"


     ที่  เชมัวร์คฤหาสน์มีนิเวศน์สระอยู่สองสาม
สระ
ไม่มีกบสักตัว อึ่งธรรมชาติและปลาไหลปกติมี มาก

ปัจจุบันนี้หายไปหมด


หลายคนคิดว่าและแอบใส่ร้ายกันแล้วว่า

ผัวคุณ"วิ"ฉีดยาฆ่าหญ้าใกล้สระ กบและสัตว์น้ำอื่นรวมทั้งสัตว์พิษเช่นงู เลยย้ายถิ่นหนีหมด เพราะที่พวกดามุกเชื่อว่าฝีมือคุณชาร์เพราะคุณชาร์เก่งทางยาชนิดฉีดพ่นประเภทสารเคมี ที่พวกดามุกกลัวและเกลียดนักคือสารเคมี แม้กระนั้นชาร์เองก็แพ้ยาฉีดฆ่าหญ้า ที่ถ้าชาร์ฉีดทำก็เพราะหน้าที่มันบังคับ

 

 

พวกโจรดามุกมุ่งจ้องทำร้ายชาร์แบบสุ่มแผนเงียบ ไร้หลักฐานทางกฎหมายก่อนตำรวจและก่อนศาล

เพราะขัดแย้งผลประโยชน์กันมีในสระที่คฤหาสน์้เชนัวร์นี้ กรณี หนวกหูจากเสียงก
บร้อง อึ่งขึ้นเมื่อฝนมา

กรณีคนพรานใช้สิทธิจำเป็นบุกรุก
เข้าเขตที่มีสัตว์น้ำเกิดมี แล้วเกิดการละเมิดเงียบในเขตส่วนบุคคล

ช่วงวิกกฤติในประเด็นข้อกฎหมายชนิด"วิถีประชา"ผ่อนผันให้มีการละเมิดไดบ้างเพื่อสงเคราะห์คนอดอยาก


กรณีนำมดแดงขโมยฝากปล่อยรอเก็บไข่มดขายซึ่งแพงมาก เขาจะพาพ่อมดแม่มดไปปล่อยไว้บริเวณที่ป่าละเมาะเลื่อนลอยตามนิเวศน์ของคฤหาสน์เชนัวร์ดูที่ดูแลไม่ทั่วถึงและที่ที่รอโครงการใหม่จะมาถึง
แผนนี้พวกดามุกเชิงลบชอบทำนัก และทำกันแบบองค์กรที่เดียว(Union and syndicate)
ที่เชนัวร์
ทำไมเรื่องเล็กน้อยแบบนี้จึงดูเป็นระบบอบบมีอิทธิพลมืด
คำตอบคือ:

เพราะการรักษาความสงบชนิดนี้
ต้องอาศัยทุน ชนิดมีระดับนายทุนเพื่อคงที่นิเวศน์เหล่านี้ให้สงบ

ต้อง มีทุนมั่นคงแข็งแรงเหมือนทำกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กแบบทำรั้วบ้านชนิดกำแพง
เมืองมียามรักษาการณ์
ทุกอย่างจึงจะเรียบร้อยและสงบลงได้และนิเวศน์ทางตาและทางอามณ์จึงจะสวยได้

แถมท้ายมีการจัดการและการบริหารเวลาด้วย "ชาร์เสริม"

 

 


ในเขตเชนัวร์
เมื่อเทศกาลฝนตกจับกบขึ้นมา
ชาร์จะมีปืนติดตัวเสมอกันเหตุร้าย
แต่ปืนนี้มิไดหมายเจาะจงนำไปฆ่าคนแ
ต่แค่เพียงป้องกันตนเองและบำรุงขวัญและคุ้มกันขวัญและทานความมืดและกันผีหลอกเท่านั้น 
ชาร์มิได้เจตนาพาไปฆ่าคน แต่อย่างงัยเสียปืนของชาร์มีทะเบีย
นถูกต้องเรียบร้อย

 

 

 

 

 

จากอดีตการจับกบใช้ไฟแสงไต้  (แสงไต้คือแสงไฟจาก

การเผาเอาน้ำมันดิบจากต้นยางเฮียงแล้วมาทำเป็นคบเพลิงน้อยๆสำหรับส่องทาง)

 

ตอนนี้งูเห่าถ้าพบที่เชนัวร์ทำงูเห่าผัดเผ็ดหมดเมื่อปลอดสายตาคนอนุรักษ์
หรือถ้ามีกฎหมายอานุรักษ์ป้องไว้

 

งูเห่าน้ำแตาก่อนนี้ที่เชนัวร์ชุกชุม
แต่เดี๋ยวนี้หายหมด

 

 

 

 

 


กบเลี้ยงถูกส่งตลาดแต่
แพง

ส่วนกบจะฟรีและสาธารณะเมื่อไปหากัน

แบบนี้
ตืนหนึ่งกลางป่าหญ้าผ่านมือถือของชาร์


เจนส่งมอบเอกสารลับให้ชาร์


เรื่องย่อ พฤติการณ์ข
วงดามุกเขิงลบ

มีแผนสกปรก
เล่นwithcraftคือใช้อาคม
ยา และระบบปรับปรำเห
ยื่อ

ทำผู้แพ้ให้ชนะทำผู้ชนะให้แพ้

การผลิตลูกสาวเพื่อ
ออกจำหน่าย

การต่อสู้กับคนทำงานบนหอคอยงาช้าง แบบปลิงดูดเลือด

 

มีการวางและทำตนเองเป็นเจ้าชีวิต เป็นพระพรหม
มีการ กำหนด
ชะตากรรมชีวิตมนุษย์
ชนิดไม่มีในคำภีร์ศาสนา
ใดๆรอง
รับ และหลอกลวง


ปรัชญายากแค้นยากไร้
ไร้เทียมทาน แล้ว

บังหน้า
สร้างความเลวขึ้น
สู้กัวความดีสากล

ปรัชญาของเขาคือ


เขาคือการสร้าง
ตนเองแข่งหับกาลเวลา
ด้วยเพื่ิอพิชิตความอดอบากแต่จะได้มาด้วยวิธีใดก็ได้ขอให้ตนเอ
งได้มาก็แล้วกัน

 

 

 

 


แต่ก็ไม่พ้น
กฎหมายแม้
แม้กระนั้นพวกดามุกนี้
ไม่กลัวเกรงกฎหมายจนกลายเป็นอาชญากรแอบแฝง

 


ชาร์รับไว้ไตร่ตรอง

ดูความจริงของ

 

ความจริงนี้ต่อไป

"จริงหรือเท็จ"
้ชาร์ไม่เคยรู้เรื่อง
นี้มาก่อน


ชาร์เกิดเป็นเด็กในพานทอง

แลพอโตขึ้นก็ทำงานบนหอคอยงาช้าง


ชาร์กล่าวว่า
ดูน่าสนใจดีเพราะว่า คือ
คนบนหอคอยงาช้าง

เมื่อไฟดับ ประปาหยุดไหล เขาก็ตายแล้ว แ
ต่พวกดามุกเชิงลบไม่ตายแม้น้ำหยุดไหลและไฟดับ
เพราะเขาอยู่ได้บนกลิ่น
ดินกลิ่นทราย


ชาร์สนใจปริบททั้งหมด
และจะดูในรายละเอียด ต่อไปด้วยความรอบคอบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

มาที่อีกฉากหนึ่งคือ

งูที่หลบซ่อน

มีเสียงร้องเหมือนกันแต่เสียงเงียบ เป็น"เสียง
อำพราง"ที่คนไม่เจนป่าจริงๆจะรู้
งูจะมีเสียงเหมือน

จิ้งหรีดร้อง

 

 

           เจนคนหนึ่งที่ชอบกินผัดน่องกบพริกไทยต่เจนไม่กล้าออกไปจับกบ
เพราะกลัวโดนปล้ำ

และฝืนใจเกิดขึ้นที่เชมัวร์นี้

 


จึงขอซื้อจากคนกบที่ออกล่า เจนบอก" ได้ราคาถูกและสะดวกซื้อต่างหาก"

 

 

 

 

 

 

 

 

มาที่ มิเมย์ ๆเธอไม่กินกบ
และ
จับกบ แต่เมื่อว่างและไม่ง่วงนอน

จะหมอบนอนเฝ้าระวังหนูนา และรอเล็มยอดหญ้า ในตอนเข้าค่ำเมื่อได้อารมณ์เพราะ"ยอดหญ้า"เป็นยาธาตุกันก
ารจามของเค้า

 

 

กับ รากหญ้าแมว
เท่านั้น ตรงจุดนี้ชาร์เคยสั่งซื้อหญ้าแมวมาปลูกเพิ่มจากแพล็ตฟอร์มเกลื่ินกลาดทีรอเสนอขายคนทาสแมว

 

    ส่วนหิมะก็โปรดหนูนาเป็นพิเศษเช่นกัน แต่ไม่เคยจับกระจ้อนได้เลย แม้กระจ้อนจะมากวนใจท้าทาย กระจ้อนเพรียวและเร็วมากฉลาดมากตัวคล้ายกะรอก แต่เที่ยวตามบ้านป่าละเมาะโปร่ง

ชอบทั่วไปสัพเพสัตตาไม่ไกลนัก กระจ้อนนิสัยขโมยของกินเก่งชอบซุกซนตามบ้านโดยเฉพาะที่คฤหาสน์
ต่างจากกระรอกชอบกัดเจาะลูกกินมะพร้าว กระรอกชอบหากินที่สูง

ส่วนกระแตหากินที่ต ่ำ

เชมัวร์

ชาร์พบว่ามิเมย์ตาดีในกลางคืน สรุปแมวมองเห็นในที่มืด

สายตาแมวมองเห็นในที่มืดดีกว่าสายตามนุษย์
อีกแมวมีตาที่จมูกอีกด้วยคือ

จมูกแมวรับกลิ่นได้ไวมาก
ไวเท่ากับหนวดหอยทากเมื่อหอยทากใช้หนวดคลำทางแทนตา เท่าที่ชาร์
สังเกตพบ

 

 

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2564

คฤหาสน์ -ชามัวร์  (Chamoir Estate)

9โอเค

คฤหาสน์ -ชามัวร์  (Chamoir Estate)

 (นิยายกำหนดอ่านว่าคฤหาสน์ชามัวร์)

ที่คฤหาสน์ชามัวร์
ผมคิดอะไรได้ผมก็ทำ พอเหนื่อยผมก็นอน นี่คือปรัชญายึดติดของผม -ที่น้าผู้อกหักเชื้อจีน-ไฮหลำคนหนึ่งสอนผมมาตอนไปที่แวะไปเยี่ยมท่านนานมาแล้วก่อนพบรักกับวิวาห์

        และยุคสมัยต่อมา ตอนนางเองเมียผมในภาค
มนุษย์ที่เธอยังมัชีวิตอยู่
ผมไม่กล้าปกปิดเรื่องส่วนตัวนี้ เพราะผมถือว่า "มันเป็นเกียรติภูมิแห่งความจริง"
         เราทั้งสองนอนทั้งวันเว้นเวลากินข้าวเท่านั้
น เราไม่ใช่รวย ทุกอย่างมีงบประมาณ ในตัวมันเอง เรานอนทั้งวัน เพราะมันเป็นดรามาแห่งความจริง "บอกได้ว่านอนจนเหนื่อย"
ขณะที่ไมได้นอน งานเราไมได้ทำ  เราใช้สายตาและสมองเป็นมือ
      เรากินมรดกเก่า และเธอ"วิวาห์"ก็กินมรดกเก่าของแม่เธอ ผมกินมรด
กเก่าของพ่อผม ที่เขตคฤหาสน์ชามัวร์ไม่มีใครอิจฉาผม  แต่ส่วนของผมเป็น"มรดกเลือด"

   ท้ายสุดมรดกผมใกล้จะหมด ติดรอขาย หรือขายทอดตลาดถ้าผมล้มละลายลง จากหนี้ธนาคารที่พระเอกเบิกเงินเกินบัญชีเธอ พระเอกมั่นมจส่าถเามรดกเลือดได้ข้อยุติ เงินมหาศาลจะถูกป้อนเข้ามาใหเราใช้
และกระจายรายได้ให้พวกทาสไม่เจาะจงแน่นอน พระเอก้ฝ้ารอคอยวันนั้น รอวันทนายส่วนตัวมาแจ้งที่สัญญากันไว้ว่า "พบกันครั้งต่อไปคือการได้ข้อยุติมรดกเลือดของผม ถ้าทนาย"มิทา"มาพบกันเรื่องอื่นของดเด็ดขาด" 
     ผมคิดว่าถ้าวันนั้นมีจริง โลกนี้ของผมค
งได้ตั้งโตะ๊ใช้เงินและทำบุญบริจาคกันอีกยกใหญ่เหมือยสมัยที่พ่อและแม่ของผมยังมีชีวิตอยู่

 

    ตอนนี้ที่ "วิวาห์"ตายแล้ว มีคฤหาสน์ชื่อ"ชามัวร์"นี้นี่แหละ ที่เธออุตส่าห่์เหลือทิ้งไว้ให้ผม โดยหนังสือพินัยกรรม และเธอบัดนี้"ตายไปแล้ว" เราตอนอยู่ด้วยกัน
ไม่เคยไปเที่ยวไหนและไม่เคยออกสังคมเพราะกลัวเงินมรดกหมดเร็ว และเราไม่ค่อยจะคุ้นกับคนที่ชามัวร์มากนัก เพราะเราอยู่แต่ต่างปะเทศ และครอบครัวเราเป็นแบบครอบครัวปิด อีกทั้งระเบียบจัด

 

 

"วิวาห์"
เธอตั้งเป้าว่าจะมีลูกสักคน
แต่ผมยั้งเธอไว้ ถ้าจะให้มีลูก มรดกของเราต้องมากกว่านี้ "ผมเน้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เธอฟัง "รับรู้" เมื่อเธอพูดเรื่องลูก"  แม้ถ้าคิดจะมีก็คงยากเพราะวิวาห์มดลูกของเธอเป็น"โรคเบี่ยงเบน"ชนิดหนึ่ง ถ้าเกิดมีสำเร็จลูกที่ออกมาจะพิการ  ด้วนจรรยาแพทย์ หมอแอบบอกผมไว้แต่ผมปกปิดมิให้เธอรู้เพราะกลัวเมียรั
กของผมจะเสียใจ และอาจคิดฆ่าตัวตาย

เมียผมนางเอกหลักของเรื่องชามัวร์นี้ 
ใช่ นามทั้งเรียกเล่นและเรียกจริงของเธอชื่อ"วิวาห์ " เธอตายด้วยอุบัติเหตุ
เพราะจักรยานพลิกคว่ำ
ที่ควนใกล้คฤหาสน์ชามั
วร์นี้เอง ขณะที่วิวาก์บอกผมว่าจะออกไปหาอากา
ศบริสุทธิ์ดูดดมช้างนอกสักแป๊บในเช้าวันหนึ่งเวลาประมาณ
05.00นาฬิกาตามเวลากรีนวิช มีน ไทม์(Greenwich mean time:GMT)

     และแล้ว หลังเธอตาย
ร่างของเธอฝังไว้ที่ใกล้คฤหาสน์นี้เองและไม่มีกำหนดเผา มันเป็นหลุมฝังมีหินอ่อนทับจารึกเพียงชื่อ เธอว่า"วิวาห์"ไม่บอกวันตายวันเกิดไว้

    หินอ่อนแผ่นนั้นผมไปทำให้เองจำได้ว่าแสนแพง
แต่ผมทำ
   ในพินัยกรรมก่อนตายของเธอๆได้
เขียนเป็นเอกสารลับมอบไว้ที่อำเภอระบุว่า"ยกมรดกทุกชนิดอย่างที่เป็นของฉัน''วิวาห์"
ให้ผมแต่ผู้เดียว"

     เพ็ญเดือยหงายไหนที่ผมได้อารมณ์และว่างจากสรรพสิ่ง ผมกับมิเมย์
จะมาเดินเล่นใกล้ที่หลุมฝังศพวิวาห์เก็บอยู่
พร้อมดอกกุหลาบสีดำที่เธอชอบและกุหลาบดำนี้เธอได้ปลูกมันไว้เองซื้อพันธุ์มาจากต่างประเทศ
         

      ผมพึ่งรู้หลังเปิดพินัยกรรมและหลังเธอตาย ได้30วัน และวิวาห์ได้บันทึกไว้ในพินัยกรรมของเธอต่อเ
รื่องนี้ 

ตอนผมพบมิเมย์และ
มิเมย์ไม่เคยรู้จักวิวาห์
มาก่อน
มิเมย์ไม่แสดงอาการอะไรเมื่อผมอุ้มเธอไปที่สุสานวิวาห์ และสังเกตเห็นมิเมย์สงบนิ่ง
"ไม่แสดงอาการอะไ
ร"
   นอกจากนั้น
คือตามปกติ'มิเมย์'ว่าที่นางเอกคนต่อไปของผมเมื่ออยู่กับผมหลังวิวาห์ตายแล้ว

มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่ามิเมย์"ขี้อ้อนแต่สุขุมและน่ารักขึ้น"

 วิเคราะห์ชื่อเมียผมเพื่อเป็นเกียติแด่เธอเนื่องในวาระแห่งความตายของเธอโดยอาศัยห้องสมุดส่วนตัวที่คฤหาสน์"ชามัวร์"   "วิวาห์ "ชื่อนี้แปลสื่
อดูแล้วเหมือนคำว่า

"การแต่งงานพิธี" ที่จริงวิวาห์คำนี้มาจากคำว่า"Viva"ศัพท์ต่างประเทศแปลว่าหมายถึง"ชีวิต" แต่เมื่อ
มาแปลงทับศัพท์ภาษาไทยผมเพิ่มหลังคำว่า"วิวา" "ห์" เพื่อให้เป็นสร้อยแห่งคำเพื่อให้ดูดีขึ้นตาม
นัยแห่งวจีวิภาคภาษา.  

    ขออภัยหากนักปราชญ์ท่านใดมิเห็นด้วย
นี่เป็น โองการของพระเอกแห่งนวนิยายเรื่อง คฤหาสน์ชามัวร์ อันล้ำเลิศและค่าล้ำนี้แห่วอรรถรสของ"วิวาห์" ที่พระเอก
ของเรื่อง"ชามัวร์"นี้แสนที่จะสุดเคารพและทนเพื่อจดจำ นี้"

 

ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าจะเพียรบันทึก จนกว่าขีวิตนี้จะหาไม่ ตราบชั่วนิรันดร์ แห่งกาลโน้น - เทอญ

 

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

การตายของคีโนฟ

การตายของคีโนฟ


มีวิญญาณที่8มาสั่ง
ิเมทิกับเว่หลางเป็นเพื่อนกันครึ่งทางเมทิเป็นลูกครึ่งรัสเซียและเว่หลางเป็นคนจีนจากแคว้นแมน
จูเรียแตใช้ชีวิตในโลกตะวันตก
รายละเอียดนอกนั้นไม่มี
แต่สองคนรักกัน
ทั้งสองลี้ภัยมาหาความสงบในโลกใหม่เพื่อรสิริอันสิริวิไลซ์ของชีวิตด้วย
โลกทัศน์แห่งความเป็นมนุษย์ผู้อยากเสพชีวิตที่
มีรสนิยมใหม่
จากคนทีมีสกุลดีพื้นเพ
มาสู่การที่ชีวิตมีแบบ

ทำงานแลกกับเงินเพื่ออิสระในการเลือกกินสิ่งดีในตะวันตกที่เชื่อมีเสรีกว่า
ในมุมมองของโลกใบนี้
แต่ที่จริงมันก็ตกอยู่ในโลกของของสัง
คมที่มีการบริโภคลัทธิเป็นปรัชญาซึ่งเหนือกาเมืองและอุดมการณ์อื่น


โทรจันอีกคนหนึ่งชอบฝัน

ไม่มีปรัชญาและกาเมืองใดๆคือคิดอย่างเดียวว่า
วันๆหนึ่งทำอย่างไรจึงจะมีขีวิตรอด อยู่และสบาย
ก่อนความตายจะมาถึง
ก็โทรจันนี่เองเป็นพระเอก
ของเรื่อง เพราะเขาพบว่า
ตนเองกำลังถูกกำหนดให้ตายเพื่อผลประโยชน์ของชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง
ที่เน้นการได้ประโยชน์จาการตายของคนหนึ่ง
ที่ล้ำเส้นกว่าที่สัปเหร่อได้รับจากค่าจ้างเผาผี เมื่อมี
กาตายเกิดขึ้น
เขาพบว่า มีคนทำเพื่อเร่งเขาตาย
และผลักดันให้เขาทำนิติกรรมอำพรางทิ้งไว้ก่อนโทรจันตายและเขาเสียรู้ทำไปแต่โชคร้ายที่เขามีพินัยกรรมไว้แล้วตอนตบมฟาวิทยาลัยใหม่ๆ 50ปีต่อมา
แต่เพราะเขาลืมไปเพราะระยะหลังเขาติดกัญชาและถูกเร่งตาย
นิยายเรื่อง"การตายของคีโนฟ"
นี้จึงเกิดขึ้น



วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563

มกุฎราช...ใต้พิภพ

เนื่องจากกฎเทคนิคเรื่องนี้บางตอนศูนย์หายกู้คืนยากจึงกำหนดเป็นเสมือนเศษนิพนธ์
มาร์ตรีนิอิ
บทที่29
ในกรุงเซยิ


กรุงนี้ไม่มีหนูยุงและแมลงวันและห้ามกินค
นแต่ห้ามเดินทางออกนอกเกาะในยุคราชินีเมทิมหาราชครอวงราชย์
เพราะทีโรคติดต่อกลับมาึาตทยถึง4ล้านคน
ตอนนี้ึคนบน
เกาะนี้เหลือน้อย
หากใครไม่เห็นด้วยราชินีเมทิก็จะทรงฆ่าตัวตายทันที

วุฒิพฤฒิสภาของมหาราชินีเมทิลาออกหมดกลับไปเป็นเผ่าตามเดิม และกินเจกับจิ้งหรีดยักษ์ดำรงชีพเพื่อหนีภัยฝุ่นยักษ์ทำลายโลก
ฝุ่นยักษ์มีพลังเหมือนนิวเคลียร์พลังสูง
คนจะตายหมดทั้งโลกและทุกเกาะเว้นเกาะกินเจเท่านั้น
          เพราะ มนุษย์ในจักรวาลทุกเดือนมีการทะเลาะกับพระเจ้าละเมิดอำนาจและขาดความยุติธรรม มีแต่เมืองเซนิรอด
และเมืองในอุดมคคิที่มีอมนุษย์อาศัยอ
ยู่ในร่างนิรนามแห่งเทวดาเท่านั้น
         นี่คือคำทำนายของปโรหิตของพระนางเคมินาราชินีองค์ก่อนของกรุงเซยิที่ทีอายุสามร้อยปีก่อนราขวงศ์เซยิปัจตจุบันจะอุบัติเมื่อ2,000ปีที่แล้ว

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ชาวเนนิบทที่28สงครามและความฝันในยุคทองแห่งราชินีเมทิมหาราช                บทที่28          สงครามและความฝันในยุคทองแห่งราชินีเมทิมหาราช          เมื่อพระสวามีขอวพระนางตกเรือเหาะอลาดินที่เกาะนางเงือกกับฤาษีผู้ขมังเวทย์จึงเกิดการเปลียนแปลงระบบปกครองเมืองเซยิเพราะมีกษัตริย์องึ์ใหม่และที่สำคัญเป็นผู้หญิงทรงพระนามว่า พระเจ้าเมทิมหาราชที่5การแต่งตั้งและโองการทั้งหมดฝืนกฎเก่าทั้งหมดเช่นการนามสิ่งต่างๆเป็นอัตลักษณ์ของราชินีเมทิลทั้งหมดเพราะหัวหน้าเผ่าและกรรมการเผ่าเริ่มเป็นคนเฒ่าชะแรแก่ชราหมดแล้วที่สำคัญหาคนสานต่อเก่ายากเพราะส่วรใหญ่คนเก่าไม่มีบุตรเหตุนี้ผู้สันทัดกรณีจึงทำนายว่า กรุงเซยิจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหลังการผลัดแผ่นดินเช่นกษัตริย์ใหม่ สาธารณรัฐใหม่ ราชวงศ์ใหม่ ประชาธิปไตบใหม่เผด็จการใหม่ แต่ที่สำคัญกรุงเซยิ ใช้การปกครองแบบชอบธรรมคือตามชอบของสมาชิกในสังคมที่ไม่มีเหตุผลส่วนตัวแอบแฝง แน่นอนปรัชญาของชาวเซยิคือ "ความตายเป็นอมตะ"จากหลักนี้ราชินีเมทิทรงมองเห็นอำนาจและความคิดของพระองค์คือมิติรวมจากสูตรที่ว่า The King can do no wrong.ราชินีเมทิจึงตั้งชื่อหีวหน้าเผ่าอละคณะทำงาน้ป็นประธานมหาพฤฒิสภาแห่งชาติขึ้นมามีสมาชิกถาวรไม่ถาวรมีสถานะเป็นประธานาธิบดีของเซยิในทางพฤตินัยราชิยีเมทิเป็นสทุนรับใช้ของหัวหน้าเผ่าคือสภาและปรัธานาธบดีส่วน่ชินีเมทิทางนิตินัยเป็นผู้ปกครองเมืองเซยิและประธานาธิบดีเซิทีตั้วมาจากหัวหน้าเผ่าทีสถานะเป็นที่ปรึกษาของราชินีเมทินั่นองเกิดทีคณะยถคคบโผล่ขึ้นมามีฤาษีขมังเวทย์ตนหนึ่งตองการืำสงครามกับนางเงือกเพื่อแย่งพระศพพระราขาเซยิที่4ที่นาวเงือกพาไปเก็บไว้ที่ใต้บาดดาลภายในเกาะนางเงือกจึงใช้ต่อยักษ์เป็นทหารและอาวุธในการบต่อยักษ์นี้มีพิษมากถ้าต่อยใครแล้วผู้นั้นต้องตาย มแรงบินความเร็ว400กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิษมัค่าเท่าหีบไฟหนึ่งเควิลโวลต์ แรงมากแต่ต่อยักษ์นี้ ไม่ต่อยคนเซยิเพราะมีกลิ่นสาปเดียวกันเป็นอาวุธของชาวเซยิต่อยักษ์นี่พวกโจรสลัดกลัวมากพระนางเมทิมาราชดำริทำทางด่วนไปดาวโลกพระจันทร์และดาวพระพุธและดาวพระอาทิตย์และดวงอื่นๆในยุคพระองค์ เพราะพระองค์มีพลังนิวเคลีย์มนต์ดำมหานิรภัยที่สามารถเนรมิตและทำลายสรรพสิ่งได้ที่ได้มาทรงบรรจุในตู้พินินัยกรรมห้ามใครรู้จะเปิดได้หลังพนะนางสวรรคตแล้วโดยกษัตริย์แห่งกรุงเซยิพระองค์ใหม่เท่านั้น


งานชนิด้เศษนิพนธ์เรื่อง "มกุฎราชกุมารใต้ดิน"

บทที่24

เมืองกิเนบทที่24

เมืองกิเน
เมืองแห่งอุดมคติของมนุษย์ถูกนำมาเล่าโดยนิเนก่อนที่นิเนเป็นลมสลบไปเพราะลืมหิวอาหาร
และตายไปก่อนที่นิเนจะเล่าจบบริบูรณ์ ในขณะที่ราขินีเมทิติดใจในคำเล่าของนิเนจนบรรทมหลับและนิเนก็ไม่ทราบว่าราชินีหลับแล้ว
เพราะตนเองจะแหงนมามองหน้าราชินีเมทิขณะเล่าด็ไม่ได้อันเป็นกฎของกษัตริย์เซยิ


มหานครกิเน......
......


.......






"นินา"
ข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ของราชินีเมทิ
เล่าต่อเรื่องเมืองมิลเลย์




และท้ายสุดนินาเป็นลมสลบไปและตาย แต่ราชินียังไม่ตื่นจากบรรทมเลยเพราะเหนื่อยจาดการเงี่ยหูจากททาสนินาด้วยควสมสนพระทัยมาก และนินาพูดภาษาเซยิแบบบ้านนอก ราชินีนั่นเป็นชาวต่างชาติที่ดษัตริย์เซยิได้สถา
ปนาขึ้นเป็นราชินีหลังพบกันได้ครั้งดียวหลังจากที่ทหารของพระองค์จับได้เป็นจำเลยจากการติดแพลอยมาที่เกาะเซยิพร้อมทารกน้อยจากแดนอื่น


้เนนิเขา มีชื่ออีดชื่อๆว่านิเน
เมื่ิอเขาตายลงต่อหน้าพระที่นั่งขณะที่สมเด็จเมทิทรงหลับอยู่

เมื่อพระนางตื่นขึ้นมาเห็น
นิเนนอนแข็งทื่อ
พระองค์ทรงคิดว่า 

นิเนคงเหนื่อยแต่อย่างไรก็ตามๆกฑชองเมืองนี้ราชิยีจดแตะต้องกายสามัญชนและใครมิได้นอกจาก
กษัตริย์ที่เป็นพระสสามีของพระองค์เองคือกษัตริย์เซยิเท่านั้น

พระนางรับสั่งด้วยรหัสลับให้ทหารเข้ามาปลุกนิเน

"นิเนตายแล้วฝ่าพระบาท"
ราชินีเมทิแสดงอาการ
เสียพระไทยมาก จึงรับสั่งให้ทหารนำนิเนไปทำอนุสาวรีย์นิเนขึ้นมาที่ชายหาดเกชาทาวตะวันออกของเกาะเซยินี้
และรับสั่งให้ทหารหญิงนำอาหารทิพย์ไปวางไว้ให้วันละสามมื้อพร้อมเหล้าไวน์สีมรกตทุกวันมื้อมนุษย์เป็นเวลา2000ปีล่วงแล้ว
และยังกระทำสืบทอดมาจนทุกวันนี้ที่เกาะเซยิ
แม้ว่ากษัตริย์และราชวงศ์เซยิจะล้มสลายไปแล้วก็ตามคนรุ่นหลังถือว่า อ
นุสาวรีย์เนนินั้นศักดิ์สิทธิ์
และชาวเมืองเซยินับถืออนุสาวรีย์เซยิมีเทพเจ้าสิงอยู่
ใครมาบนบานจะได้อะไร
แล้วจะได้
ส มใจนึกเมื่อเจตนานั้นบริสุทธิ์
ต่อมาแท่นอนุสาวรีย์กลายเป็นทองคำแท่ง
ที่ฟ้าผ่าหลายครั้งแต่อนุสาวรีย์นิเนก็ไม่พัง
สถานที่นี้คือสถานที่ศัก
ดิ์สิทธิ์ ใครรู้เข้าด็อยากมาเคารพ แต่อนิจจาชาวเซยิปกปิดไว้ และน้อยคนจะได้มาที่เกาะเซยินี้ เกาะนี้ตึงเป็นหวงห้ามเด็ดขาด
และมีอาถรรพณ์เกิดขึ้น


เรือต้องอับปาง เรือบินตก
อุบัติเหตุอื่นๆ สำหรับคนที่จะมาเทีสวที่นี้เกาะเซยิ
และเกาะเซยิจึงกลายเป็นเกาะต้องห้ามแต่นั้นมา
จนตราบเท่าทุกวันนี้
เรื่องของพระสนมเอกชองพระนางเมทิไม่จบกันง่าย เพราะวิญญาณของเนนิ
แสดงปาฎิหารย์บต่างๆที่สุสานตลอดเวลา
ทำให้คนข้างสุสานอานุสวรีย์ที่ตั้งศพชนิดยืนขึ้นแบบศพเสริมเหล็กทิ่มทวารหนัก
ให้ผีบืนตรวอาบน้ำยางจากต้นไม้มะเฮสีเหลืองใสศพจึงแห้งไม่เน่า และฉาบด้วยหินอ่อนรอบราง เป็นอานุสาวรีย์ยืนตาหลับ
ปากอ้าพึมพำ หินอ่อนสีขาวชนิดละลาย
ทำไว้สวยงาม ชาวเมืองนำดอกบองยีสีขาว
ดอกหอมไปบูชาและนับเป็นเทพเจ้าตนหนึ่ง
ของชาวเมืองเซยิแต่นั้นมา
 ชาวเมืองนุนีที่อานุสาวรีย์ตั้งอยู่ รำรวยทำมาหากินสบาย ผักขึ้นเองงามไมต้องปลูกมีฝนตกเช้าเย็นให้ทุกวัน แต่ผีกที่จึ้นมีชนิดเดียวคือผักคะโนที่นี่น้ำไม่เคยท่วมเพราะทางลาดลงทะเล
แมลงชนิดหนึ่งขื่อดามาจะพากันบินมา
ลงกะทันทีเมื่อ ใครที่เมือง'นุนิ"(เมืองย่อยระดับอำเภอของกรุงเซยิ)ตั้งน้ำมันทอดด้วยน้ำมันหอมเครื่องเทศจากดอกกาเว
แมลงดามาจะบินว่อนมาลงกะทะทันทีเมื่อมันได้กลิ่น กินอร่อยหอมมันเมื่อทอดกรอบแล้วตัวคล้ายด้วงเท่ากบฑูต แต่นั้นมาคนอำเภอนุนิจึงกินแมลงดามาทุกมื้อ
ส่วนหนึ่งบูชาเทพเจ้านินาที่หิ้งพระที่บ้านตนโดยนำฟืนไม้จันท่อนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์สมมุติว่าเป็นร่างของเทพนิเน
ยุวที่เมืองนีนิไม่มีสักตัวงูก็ไม่มี จะมีก็แต่ปลาทะเลกินไม่หวาดไหว จะพาไปขายยังแผ่นดินใหญ่อื่นก็แสนที่จะไกล ถ้าใครทำการค้่าปลา
ที่นุนินินี้เรือจะอัปปาง
ครั้งหนึ่งไฟเคยไม้กระท่อมของหัวหน้าหมู่บ้าน ไม้ไหม้หมดเหลือแต่หินอ่อนสีเหลืองจากเขม่าไฟกลายเป็นหินอ่อนสีเหลืองหม่
น นับแต่เหตุไฟไหม้ครั้งนั้นแล้ว
ชาวนุนิจงสร้างบ้สนด้วยหนอ่อนทุดหลังคา
เรือน
ไฟฟ้าทีนี่ไม่มีจะใช้ก็ใช้สายไฟตากแดดไว้
แล้วนำกะแสไฟจากพะอาทิตย์มาใช้ แตคนไม่ชอบ จึงใช้ตะเกียงแทนทุกบ้าน
สืบต่อมาพบบ่อแร่เหมืองทองคำ และบ่อน้ำมันให้ชาวเมืองใช้แต่ทีเงื่อนไขว่าจะใช้ได้เพียงบ้านละวันละหนึ่งปี๊ปตวงเท่านั้น
ห้ามใครเกิน ถ้าเกินเทพเจ้าประจำเตาผิงจะพิโรธ
นับจากที่นิเนตายลงแบะมีอานุสาวรีย์รำลึกแล้วที่เมืองนุนิที่ศพนิเนตั้งอยู่ ทุกคนมีความสุขแบบ"คิดเงินได้เงินคิดทองได้ทอง"
มีโจรสลัดหลงมาจะปล้น แต่อนิจจาถ้าสลัดนำออกจากเมืองนุนิผ่านทางทะเลไม่เกิน1000ไมล์ทะเลเรือสลัดก็จะอับปางและสลายทันทีจะเหลือสลัดลอยแพต่อไปประ
สบชะตากรรมเท่านั้น ส่วนใหญ่ปลาฉลามกินหมด
ส่วนสลัดมีบุญหน่อยก็จะถูกปลาโลมาให้ขี่คอไปส่งเกาะนรกอื่นๆต่อไปที่ห่างจากเกาะนุนิและกรุงเซยิมากๆ ทั้งหมดเป็นคำเล่าจาก"นิเน"อันเป็นส่วนหนึ่งของพงศาวดารเเห่งเมือง"กิเน"นั่นเอง