วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2565

"ป่าวโกรธ"อาจหา อ่านที่เด็กดี.คองดโฆษณา

ป่าวโกรธ
ป่าวโกรธ

ก่อนอื่น...มาตกลงกันก่อนดีมั้ย
"ผมพูกกับนางเอก"

นิยายนี้มันคือการโม้นิ่งๆแต่มันเป็นนิยาย
และมันมิใช่อัตชีวประวัติของใครคนหนึ่ง แต่มันเป็นนิยาย
มันเหมือน"ผักข้างเคียง"เมื่อเราจะกินอาหารมื้อที่แสนอร่อยได้และจะได้ลงตัวมันขาดผักข้างเคียงมิได้เพราะมันคือ(Hors d'oeuvres) หรือ แอพพิไทเซอร์ (Appetizer)/ref/ของคนกินอาหารเป็น

โลกนี้แสนจะสมบูรณ์
อาทิตย์และจันทร์ยังอยู่เป็นเพื่อนเราทุกเช้าค่ำ
สายลมทำให้ผมและคุณชัญญา
หายใจได้อื่มอกเสมอ
เจ็บบ้างปวดบ้าง มนุษย์เราเติมแต้มมันเอง"ผมคิดว่า"

ผมหนีพ่อจากนครพุนพินของผม
มิได้โกรธเกลียดพ่อ
แต่ผมคิดถึงแม่มาก ยิ่งเมือโดนพ่อตีผมเลยคิดหนัก

เราจะผิดจะถูกเมื่อพ่อแม่ตีเราๆ
จะไม่วสู่และเถียง "แต่เดินหลีกไปให้พ้น"
ผมเคยคิดทำร้ายคนอื่นเมื่อถูกเย้ยว่า"ลูกไม่มีแม่"ที่นครพุนพิน

ผมจับมีดหั่นกมูได้ไล่ฟาดฟันเขาผู้นั้นทันที
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเขาวิ่งหนี และหนังเหนียวและแรงเงื้อมฟันของผมไม่มี "แต่ผมโกรธมาก"
เมื่อมีคนพูดอย่างนี้กับผม
ให้ผมำด้ยินถนัดๆซึ่งๆหน้า

ผมเสียใจผมถูกพ่อตีว่า"ทำไมทำอย่างนั้น"
ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจึงกลับไปขอโทษเขาในวันรุ่งขึ้น

เขาเห็นหน้าผมอีก"เขากลัวมาก และวิ่งหนี
ไม่ต้องกลัว ผมถูกคีเลือดโซกแล้ว
และพ่อผมสั่งให้มาขอโทษคุณ

เขาคงจะได้ยิน
วันต่อมาเขาโดนแมาเขาตีจนหัวเลือดสาด
เพราะคะนองปากเกินไปกับผม

เตรียมตัวเตรียมใจได้ทุกคน
"ทนายพูด"
ใครบ้างที่มีมูลเบี้ยวทรยศหักหลังพ่อผมและผมที่ขัดกับหลักนิติธรรม

นี่งัย!โลกมีค่าวี ดูสงครามยูเครนเป็นตัวอย่างเขารบกันเหมือน
สนามโรงหมูหั่นในภาวะสงคราม
แต่พอมาในวาระจะขนย้ายธัญญพืชสู่ตลาดโลก
เขางดโจมตีธัญญพืชและเรือที่พ
าธัญพืชไปเลี้ยงคนอดอยากหิวโหย
และครไม่มีอาหารธัญพืชนั้นๆเพียงพอที่จะกินกัน

แสดงว่าสงครามยูเครนก็มีค่าวีเช่นกัน
ฉะนั้นสิ่งที่ผมกล่าวถึงมีมูล
ก็จะมีเทพเจ้าแห่ง"ค่าวี"มาจัดให้
เติมเต็มให้ผใแน่นอน
ผมไม่คิดฆ่าตัวตาย ถ้าผมผิดหวัง!

แต่ที่แน่นอนดอกทบต้นๆทบดอกเป็นค่าของแรงงานที่เกิดจากทุนคือแรงงาน แม้มองไม่ออก
แต่มันมีสัจธรรมอีนศักดิ์สิทธิ์
แม้ผมจะตายไปความศักเสิทธิ์นี้คงตราตรึง และค่าชองมันยังคงติดไปเป็นอนันต์จนกว่า
วันสิ้นสุดแห่งศาลท่านตัดสินให้แล้ว"ความไพเราะก็จะตามมา"

แฃะผมเองมีพินัยกรรม
อะไเหลืออยู่กลังผมต่ยจะเป็นมูลนิธิให้ทนายผ่านคราสินอำเภอเอาไว้อย่างมั่นคง
เพื่อนางเอกของผมทุกคนและลู
กๆแบบลับๆล่อๆททั้งหลายถ้ามีและเจ้ากรรมนายเวรของผมจะได้พอใจ
แม้ผมจะอยู่หรือตาย ผมทำพินัยกรรมไว้คือไม่มอบมรดกให้ใคร แต่มอบให้ทำมูลนิธิเท่านั้น
บันทึกนางเอกทุกคนของผมล้วนมีปรัชญาไม่พึ่งผัวทุกกรณีและบรรลุนิติภาวะเราอยู่กันพบหน้ากันได้รักกันแต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนอันอมต
ะเท่านั้น "แต่เราก็รักกัน"

ปรัชญานี้ติดเอาไว้
เพื่อมิให้และไม่ให้สังคมเขาพูดได้ว่า"รักกันภาษาบ้าบออะไรว่ะ"
ดูแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่มันก็เป็นไปแล้ว

ผมนับจากวัย9ขวบตื่นนอนพร้อมพ่อทุกเช้าที่นครพุนพิน
เพื่อก่อไฟหุงข้าวและเตรียมโน้นนี่นั่นให้ะพ่อได้หาบคอนสิ่งของไปขายสิ่งนั้นคือก๋วยเตี๋ยว

หลายคนสงสัยว่าพ่อใส่กัญชามอมลูกค้าในน้ำก๋วยเตี๋ยวที่พ่อขาย
เพราะร้านพ่อขายดี
ผมก็จับตาดูพ่อทำจริงหรือป่าว
เพราะกลัวตำรวจจับตอนนนั้นกัญชาผิดกฎหมายจารีตกสรบริโภคที่ร้ายแรง แต่ถ้าจริงถูกจับได้พ่อต้องถูกเนรเทศกลับไปเมืองจีนบ้านเกิด

แต่ผมพบว่าพ่อไม่ได้ทำพ่อไม่ชอบ
สิ่งผิดๆพ่อใช้ เครื่องเทศจีน
ที่ไปชื้อมาจากตลาดบ้านเพื่อนที่
บ้านดอนใกล้ทะเลตะวันออกมานิดนึงและเกาะสมุย

มันเป็นห่อดำๆใส่ในหม้อน้ำลวกเส้นขายก๋วยเตี๋ยว

มันทำให้ก๋วยเตี๋ยวของพ่อรสดี
คนกินติด ชามละบาทเดียวเอง
ใส่ก้ามปูดำ3บาท ผมชอบกินปูแต่ไม่เคยขโมยหยิบใส่เข้าปากตนเอง
ตอนพ่อให้ทำปูดำให้
ก้ามมันใหญ่คีบมือขาดได้

พ่อมีลูกจ้างเดือนหนึ่ง150บาท
ผมไม่ทราบว่าทำไมพ่อชอบขายก๋วยเตี๋ยวแต่พ่อกินข้าวชอบซื้อแกง
หมูผัดถั่วมากินทุกวันมื่อเช้าก่อนหาบของไปขายที่ร้านแผงลอยที่ท่าเรือนครพุนพิน
ก๋วยตี๋ยวเป็นอาหารประชารัฐนิยมสมัยท่านจอมพลแปลกฯเป็นนายกรัฐมนตรีของไทบ

เพราะก๋วยเตี๋ยวพ่อขายดีจึงมี
ลูกจ้างคนหนึ่งเป็นน้าต่างครอกครัวขอผมมารับจ้างและน้าตนนี้เองเป็นกุนซือแนะวิธีผมหนีไปหาแม่จากนครพุนพินถ้าผิดใจกับพ่อเมื่อไหร่?

จนตาส่งน้องแม่คนหนึ่งมาอบู่ด้วยเพื่อดูแลผมและะ่อและขายลอดช่องสิ
งตโปร์ แต่พบว่าไม่ลงตัวพ่อไม่ชอบและน้าสาวคนนี้ก็ไม่ชอบ
สุดท้ายจึงต้องจากกันแบบลบๆ

พ่อเริ่มตั้งตัวติดถูกชม
แม้น้องชายต่างครอกครัวสองคน
ที่กรุงเทพฯก็ถูกตาทีสองคนจีนน่ะ
ถูกส่งๆมาอยู่กับพ่อเพื่อเรียนรู้การตั้งตัวแบบพ่อผมเป็นมีเงินเดือน150บาททุกคน

น้องสาวต่สงครอกครัวพ่อก็มาเยี่ยมพ่ออยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์
เพื่อดูแลงานและตลาดนครพุนพินเพียงมาพัก
ไม่มีเงินเดือนมาจากเมืองนางรองบุรีรัมย์

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เองได้

"เองได้" ผมอาจจะโม้มากไปสักหน่อย แต่มันเป็นนิยายมันธรรมดาอยู่เอง เมื่อพบคลื่นลมหวิว ถ้าในความหวิวแห่งลมพัดมีตัวหิ่งห้อยตัวหนึ่งบินผ่านมาด้วยความเร็ว"แวบ"หนึ่ง. เพราะว่าสายลมหวิวมันมีตลอดเวลาเมื่อสังเกตมันเห็นกันทุกคน ไม่จำเป็นต้องบอก เหมือนตอนผมแวะไปริมฝั่ งแม่น้ำบางปะกงตอนใกล้มืดที่พิกัด บางคล้า ผมพบเห็นหิ่งห้อยมากมายที่พุ่มไม้ชื่อว่า"ต้นลำพู"ริมฝั่งบางปะกง ผมรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสไปที่นั้น แ ม้หิ่งห้อยมันเหมือนกระสือ"ผมคิด" ผมจึงแปลกมากและนึกกลัวมัน แต่มันไม่มีอะไร มันเป็นธรรมชาติจริงๆ มันประดับริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงให้สวยงามในยามใกล้มืด หรือเหมือนถ้าเราจะกินอาหารซีฟู้ดม้นต้องมีน้ำจิ้มรสเด็ด อาหารซีฟู้ดจานนั้นมันจึงจะอร่อยมาก กว่าเท่าตัวนอกจากปลาหรือหอยมีชื่อที่ดูน่ากินกว่าคือน้ำจิ้มเป็นตัวเน้นความอร่อย ด้วยเหตุนี้การยูฟิว(euphues )"โม้"ไปบ้างในนิยา ยนี้จึงจำเป็นเพื่อนิยายจะได้มีสื่อแปลกๆและมีรสชาติที่ดีขึ้น"ผมว่า" ผมได้กลิ่นกระดังงา ผมพบว่าชีวิตเป็นทั้งอุปนัยและนิรนัยๆ(deductive&inductive) ถามว่า 2คำนนี้มันคืออะไร"นั่นมันคืออะไรกัน" ช่วยบอกกน่อยได้ไหมว่า"มันคืออะไรกัน"ที่แท้จริง คำตอบมีว่าในมุมมองของผมคือ มันก็เป็นเพียงมุมมองชนิดหนึ่งของคนจาก"การมองอะไรแบบกว้างๆสู่จุดโฟกัดอันยิ่งใหญ่" (จากน้อยไปมากและจากมากไปน้อย) และในทางกลับกันอีกอันหนึ่งตรงกันข้ามกัน"จากการมองอะไรในจุดโฟกัส(focus) เล็กสู่การมองออกไปแบบกว้างๆ" เพื่อนนักศึกษาหลายคนเคยถามผมคำ2คำนี้ ผมย้ำเตือนเพื่อนทุกคนว่าภาาษาอังกฤษมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้ไปอยู่ร่วมกินหลับนอนกับภาษามัน แล้วมันจึงจะเข้าใจดีจำดี นอกนั้นถ้าไม่มีตัวนี้ คือต้องกำหนดจำาสถานเดียวถ้าจำไม่ได้อีกกินพริกขี้หนูเข้าไปหนึ่งเม็ด เพื่อนผมเป็นผู้พิพากษาท่า นหนึ่ง ท่านเคยบอกผมตอนเรียนหนังสือที่อังกฤษพบกันที่ลอนดอน(London) ท่าน ว่า"ทุกๆมาตรากฎหมาย ผมจำได้หมดด้วยพริกขึ้หนู"และท่านเคยเข้าสำนักบัณฑิตยสภา"เกรอินน"(Gray's Inn) หลังจากจบกฎหมายชนิดท็อบเทน(Top ten)จากไทยมาและเรียนเป็นสืบๆ ต่อมา พ่อและคุณชัญญาของผมสั่งผมมาก่อนท่านทั้งสองตายลง ว่าให้ "ลูกไปตามเอาทั้งหมด"ที่พ่อและคุณชัญญทำอะไรไป เช่นเงินยืม คือเป็นเพราะเหตุที่ว่าที่พ่อและคุณชัญญาทำไปแล้วนั้น คือทุกคน คิดว่า"ลูก"คือตัวผมได้หายสาบสูญไปแล้ว ตายไปเพราะความที่ครอยครัวตายึดหลัก"ค่าวี"อย่างแม่นมั่น จึงไม่ทำสัญญาแต่ทำเผื่อบอกล้าง ได้ทางเพ่งพิสดาร"ว่างั้น" พ่อเขาดีนะ่ "ผมว่าแม้พ่อจะขึ้ตีลูกขึ้หึงแม่ก็จริง" เขาดูแลแม่ด้วยตนเอง หอบแม่ไปโรงพยาบาลเปาโล หอบไปวิรัช ศิลป์ สองคนตายาย ไม่ให้ผมมาลำบากแต่ปล่อยให้ผมอิสระในการเรียนและอีกหลายอย่าง จนพ่อเองนต้องเป็นไข้ ยังบอกผมอีกว่า"จะทำอะไรให้ไปทำอะไรให้ไปทำที่บ้านพ่อดูได้" "ลื้อไม่ต้องเป็นห่วง" ผมจึงได้โอกาสเรียนสถานเดียว ผมโชคดีเทวดากับสายลมหวนช่วยพัดกระพือจน ใด้รับทุนเรียนสูงๆชนิดไม่มี เงื่อนไขบัวคับก่อน ต่อมาระยะใกล้จะตายของพ่อแลคุณชัญญาๆ ของผมเค้าก็มาคืน ดีกัน มันน่าเสียดายที่หนังชีวิตของผมคือพ่อและคุณชัญญาเค้ามาคืนดีกันอีกเมื่อหนังชีวิตสมรสอันพิสดารนี้ใกล้จะจบม้วน" "ผมนึกเสียดายว่าท่านทั้งสอวน่าจะอยู่ด้วยกันตลอด" จากพุนพินเมืองริมฝั่งแม่น้ำตาปี ที่มีเมืองท่าอันสมบูรณ์ด้วยผลหมากรากไม้และเรือแลผู้คนและวัฒนธรรมเรือแข่งและตัดสินใจเลิกขายก่วยเตี๋ยวถ้วยกลับมาอยู่เฉยๆที่วังเวงมีรายได้จากสวนมะพร้าวมรดกเดิมของคุณชัญญาๆลูกสาวคนโตของอดีตเศรษฐีในชุมชนวังเวง ส่วนผมตอนนั้นกำลังเดินทางออกจากอังกฤษเข้าฝรั่งเศส และก็เข้ามาผ่านเมืองบ้านเกิดเมือง นอนเก่าของ"กีย์ เดอ มองปัสซังก์"นักเขียนดังของโลก ตอนผมไปเยี่ยมโลกปู่ผมที่เมืองจีน ลิโอว โผวเล้ง กวางตุ้ง (Canton province) ผมนั่งเรือบินไปลงฮ่องกง Kaitak airport, Kowloon territory) ผมพักที่โรงแรมห้าดาวMirama hotel แล้วย้ายมาพักที่YMCA ก่อนจะเข้าจีน ต่อจากนั้น คือผมพบสถานบริการทัวร์จีน(China travel service) ที่นั่น ผมติดต่อไปเยี่ยมปู่ทันที ผมที่หน่วยบริการนี้ ถูกยึดหนังสิอเดินทางไว้และได้ หนังสือเดินทางใหม่ เข้าจีนวีซ่าเสร๊จแล้วเดินโดยสารเรือจากฝั่งฮ่องกงด้วยไฮโดรฟอยด์(Hydrofoid) แล้วไปถึงมาเก๊าเมืองท่าของปอร์ตุเกศ(Portigal)ติดชายแดนจีนแดง ผมเที่ยวที่มาเก๊าเที่ยวคาสิโนมาก็าสองคืนมิได่เล่นการพนัน จากมาเก็า(Macau)ผมพบอนุสาวรีย์ของมาร์โคโปโลนักสำรวจยุคแรกของโลกที่นี่(Marco Polo) ผมเดินทางโดยสารรถยนต์เข้ามณฑลกวางตุ้งพักโรงแรมประจำมณฑลนี้1คืนจึงเข้าบ้านปู่โดยขึ้น รถมานั่งมาโดยรถยนต์คล้าย (บขส)ของไทย ไปไผวเล้ง ลิโอว เผาเล้ง ถึงบ้านก่อนเข้าบ้าน ผมต้องรอจนกว่า อาน้องชายพ่อผมปั่นจักยานมารับ ทางเข้า หมู่บ้านปู่คือ"แพแจ้-ซงแปะอุ้ย" บ้านปู่คือบ้านที่พ่อมส่งเงินาทำให้ พ่อเอาเงินส่งมาให้ปู่ใช้ประจำตลอดเวลา จากเมือวไทยและ ต่อมามีปมสงสัยเกิดขึ้นหลังผมรับมรดกซึ่งอยู่มนระหว่างการสอบสวน เงินพ่อนี้หายไปมาก อันนี้อาจถูกโกงจรืงหรือเปล่าหรื ว่าพ่อแอบส่งไปให้ปู่ที่เมืองจีน เพราะช่วงนั้นจีนกับไทยมีสัมพันธ์ทางการฑูตไม่ราบรื่นและสืบๆมาจนรายรื่น ผมกำลังสอบสวน เพราะหลังพ่อตายไม่มีเงินเหลือ ให้ผมเลยนอกจากบ้านและรถจักรยานและมอร์และนาฬิกา1เรือนและมือถือโนเกีย(Nokia )1เครื่อง ค่าโลงหัวหมูผมออกเองยืมเงินเพื่อนมา ที่เมืองจีนผมอยู่กับปู่และย่า ที่บ้ำนท่าน ผมจับนมย่าเล่นเล่นกับ ย่าเล่นนมย่าใหญ่มาก ย่าไม่ถือตัวเพราะย่ารักผม ผมดึงหนวดปู่ๆก็ยาวและขาวผมลูบหนวดปู่เล่น รูปหนวดปู่เหมือนหนวดคนแก่จีนถือลูกท้อและไม้เท้าในปฏิทินจีนในไทย "ผมจำได้" ย่าและปู้รักผม ท่านไม่ว่าอะไร ขออย่าออกนอกตัวเมืองอย่างเดียว ที่เมืองจีนมียุงเหมือนเมืองไทยที่บ้านวังเวง ผมอยู่1เดือนมิได้ไปไหน ผมจะแวะเข้าพยท่านประธานเหมา"เหมา" ผมถือหนังสทอเดินทางไทยอาชีพนักหนังสือพิมพ์ แต่ไม้ไดรับอนุญาต คงปัญหาการเงินและค่าใช้จ่ายไปปักกิ่งและผมไม่มีญาติที่ปักกิ่งเป็นเหตุผล ทีแรกผมคิดว่าที่จีนแดง ท อะไรก็ฟรีหมด เพราะจีนเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ที่"ผมเข้าใจตอนนั้น" ผมเห็นรถไถเฟอกุสัน(Ferguson)กำลัง พรวนดินในชนบท กำลังทำพรวนดิน ที่จีนแดงตแนผมเข้าไปตอนนั้น ผมเห็น ไม่มีป้ายโฆษณาเลยสักอย่างเดียว จะมี ก็แต่ป้ายภาพผู้นำ และภาพผู้นำลัทธิเรื่องลัทธิคอมมิวนิสต์เช่นคาร์มากร์ เองเจิล...(Karl Marx- Angle, Engels,Lenin, Stalin ,Mao..) เป็นต้นเท่านั้น ทั่วไปหมด ครบหนึ่งเดือนตามสัญญาวีซ่า ผมเดินทางกลับมาทางมาเก็าตามเดิมถึงฮ่องกงทำงานช่วยทำหลุมสุสานคนตายกับเพื่อนพ่อคนหนึ่ง ที่ฝั่งฮ่องกง ในเจตปกครองใหม่(New Teritory) และผมมาพักที่บ้านเพื่อนพ่อจนวี ซ่าเข้าฮ่องกงของผมหมด ผม เข้าพบท่านกงสุลใหญ่ของไทยประจำฮ่องกงท่านประชาฯ และท่านเมตตาฝากผมลงเรือสินค้ากลับไทยถึงคลองเตย กรุงเทพฯต่อมา เรือทะเลแล่นผ่านเวียดนามขณะผ่านทะลจีนใต้ มีเรือบินตรวจการมาเฉี่ยวดู "ผมตกใจ" เพราะตอนนั้นมีสงครามอินโดจีน เพื่อนผมคุณแสงไทยฯนสพ.เดอะเนชั่น(The Nation) ได้นำข่าวนี้ลงหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง ไทยรัฐและนสพ.ต่างประเทศ ผมถูกเขิญตัวไปปทุมวันที่สันติบาล ผมพบท่านผู้การชัชฯแลพถูกสอบสวน และถูกปล่อยตัวกลับบ้านได้ และผมเดินทางไปเรียนต่ออังกฤษต่อมา ผมจะพบายามระลึกนอนกให้ออกว่าคือคิดความหลังเหล่านี้ให้ออกว่าอย่างไรอีกมันน่าอัศจรรย์มากมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกับตัวผม แต่ในวันต่อๆไปอีกผมจะเล่าต่อถ้าคิดได้ ผมเคยคิดว่า "ผมฝันไปรึเปล่าเนี่ย" แต่ตอนนี้ถ้าให้ผมทำอีกผมเดินไม่ไหวแล้วและผมพิการสายตา ผมคิดว่ามันสนุกและลำบากมาก ทางจิตวิทยา ผมถือว่าผมมีพลังฉุด เกิดขึ้นเพราะผมหนีพ่อจากพุนพิน มาหาแม่ที่กรุงเทพฯและมีอุปสรรค จนกลายเป็นอุปราการและมหากาพย์ชีวิตอันยิ่งใหญ่สำหรับผม ในโอกาสต่อมาที่ผมจะกำหนดวันลืมเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้ลง พอว่ายทที้10(4200ช "คนถางป่า" ภาค4ตอนที่98 "พอว่า" ทันทีที่เข็มนาฬิกาบ่งชี้มีเข็มสั้นบอกว่าตีสี่มาถึง ผมตื่นขี้นมาดูแมลงกินผักที่ผมปลูและเถาตื่นมาดูต้นถั่วฝักยาวผม พบตัวสีส้มมันเกาะอยู่ที่ก้านใบ          ผมจับมันใส่ขวดไว้ดูพฤติกรรมไม่รู้แมงอะไรจะถาม พบว่ามันคือแมงมวนศัตรูตัวร้ายแต่ย่ารักในสวนครัวผม           หนอนทากชอบกินคึ้นช่าย(ผักชีใบใหญ่)มากกินหมดถ้าเผลอ ดอกกระดังงาป่าหอมกรุ่นและอุ่นละไมจริงๆผมชอบมากมันหอมเย็น แม่ผมปลูกไว้ก่อนตาย และบอกผมว่าถ้างูแมวเซากัดได้กลิ่นดอกไม้หอมขนิดนี้ รีบหากาแฟกิน มิฉะนั้นตายทันที ตั้งแต่นั้นมา ผมเข้าสวนครัวแม่ ผมพกกาแฟผงติดตัวไว้ ที่นี่ไกลหมอไกลพยาบาล เป็นอะไรขึ้นมาทำนายไว้เลยว่า ตายสถานเดียวหรือถ้าหายก็คางเหลืองเช่นยายผมตายด้วยงูเห่าดอกจัน งูชุมมากที่นี่งูแมวเซางูกะปะ งูเห่าไฟในเวลาออกนอกบ้าน ผมจึวถือมีดงอเคียวติดตัวไปด้วย ตลอดเวลา ถ้าเจองูสู้เราจะได้แะลองยุทธกัน มัาเหมือนพูดเล่น แต่มีจริง มันเป็นพิษเงียบ คนทั่วไปจึงถามว่าแล้สคนที่วังเวง มันอยู่กันได้งัย คำตอบคือรอยยิ้มคือระวังตัวตลอดเวลาและไม่พูดมาก ทุกคนคิดว่าตายถ้าตายก็เผาที่ๆวัดมีเตาเมรุอย่างสะอาดและระเบียบรออยู่ใกล้ในชุมชนเลย "คนหนึ่งบอกยืนยันกับผม ที่จริงผมก็รู้วัดอยู่หน้าบ้านผมเอง แต่ผมไม่เลยไม่เข้าวัดอีกเลยหลังแม่ ตาย เพราะผมกลัวอันตรายเช่นจากงูและถ้าผมเป็นอะไรไปตัสฝวคนเดียวตอนนี้ มันก็น่าเกลียดไปรบกวนใครหามผี และบ้านมีพิพาทผมจึงเสมือนคนถูกตัดหางปล่อยวัด ทายาทผมคือมูลนิธิ ลองวาภาพดู "มันยังงัย" แม่ผมก็อยู่ได้ด้วยใจเป็นสุข คนเราสุขใจแล้วดีหมด ผมถืออย่างนี้แล้วก็จบกันเท่านั้น ใครจะว่างัยก็ช่างเพราะคนรุ่นใหม่ ที่นี่ที่บ้านผมมีบุญคุณกันมาก แม้ต้นใบมะกรูดยังไม่มีเลยบา งบ้าน "แม่ผมปลูกเก่ง" แม่ผมเลยมีบารมีมากเรื่องปากท้อวคนที่นี่ ผมไม่มีบารมีอะไรเลยเกิดมาที่นี่ มืหน่ำซ้ำไม่เคยอยู่บ้าน ไปแต่เมืองนอก พอปมกลับมามรดกเลือดของแม่ผมๆก็อาศัยบามีแม่ผมทุกวันนี้ ถ้าหมดบารมีแม่ผมก็คง ตายพลันแน่นอน ผมเริ่มเตรียมน้ำมัน(linseed brush pine oil Winsor colors set) และภู่กันและผ้าใบวาด(artist canvas) ภาพสีน้ำมัน ผมเห็นเมื่อ40ปีที่แล้ว ประจำ คนจะเป็นขอทานก็ไม่ใช่ คนพเนจรก็ไม่เชิง โจรดูคล้ายๆกันแต่มือไม่ไวเหมือนโจรและสุภาพ ผมเห็นทุกวันเมื่มองไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วพบว่าะวกเข่เดินเข้าไปวังท่าพระ เขาเข้าไปทำไมในวัง "ผมนึกสงสัย" แต่แล้วต่อมา พบว่านั่นมันเป็นมหาลัย สร้างคนเป็นนักวาด ผมอยากเป็นนักวาดบ้างทำงัย ผมถามตนเอง คำตอบไม่มีตามมาหลังผมถาม วันหนึ่งในทุกปีปีต่อมา ผมพบว่า มีคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งไม่มากนัก แต่งตัวสุภาพ เรียบร้อยอย่างกะผ้าพับไว้ เสิ้อสีขาว กางเกงหลายชนิด ผมไม่อยากจำแนกมัน แต่เขาไม่ใส่รองเท้าแตะ พบว่าพวกนั้นเขามาสอบ สอบอะไร ผมถาม มาสอบเรียนวาดภาพที่มหาลัย ได้บ้างตกบ้างส่วนใหญ่จะสอบตก อีกๆไม่นานในเช้าวันหนึ่ง ผมพบว่ามีเสียงอึกทึก แต่วตัวดีชุดคนเรียนแต่หน้าตาแแต้มเต็มไปหมดด้วย สี แต่ฟันทุกคนสะะอาดขาว ผมงงว่ามันคืออะไร ต่อมาผมจึงรู้ว่าเขากำลังรับน้องใหม่พิธีกัน สำหรัยคนสอบติดเท่านนั้น ผมโง่และบอดเขลา คิดอยากเป็นอยากทำอยากสนุกอย่างเขาแต่ผมเป็นไม่ได้ ตอนนั้นผมยังเด็กจึงนึกๆและหายใจเข้าๆออกแล้วก็กลับไปที่แพเรือริมฝั่งน้ำเอนหัวนอนม่อยหลับบไป 10ปีต่อมาผมได้ตามเก็บภาพวาดที่เขาฝึกและเสียแล้วทิ้ง ผมเห็นแล้ว พึมพำว่า"มันสวยดีไม่น่าทิ้ง" ผมเก็บมาทำฝาผนังเรือนแพของผมและเมื่อว่างผมจะนอนนอนดูมัน อีก5ปีต่อมาผมได้เป็นนักวาด จำไม่ได้ชัดว่าเพราะอะไรจึงเป็น แต่ที่รู้คือได้ทำอะไรตามใจชอบ แต่มีขอบเขตใรคานวาสที่วาด ผมทำอยู่10ปีได้ภาพ3ภาพ และมีฝรั่งที่มาเที่ยววัดพระแก้วเห็นเข้าแล้วซื้อไป ต่อมาผมมาปารีสบินมามิได้เดินมา ผมเห็นเขาสาดภาพกันอีกแล้วสนุกมากที่มองมารต์(Montmartre Paris 7) เป็นเกาะกุ้งใจกลางกรุงปารีส ผมกินไวน์มึน ผมจึงคิดว่า อยากวาดภาพกับเขาบ้าง ผมทำงัย ผมจึงวาดๆและวาดไป ขายได้ฝรั่งซื้อไปอีก จนมีฝรั่งมาบอกผมวาดภาพเหมือน ให้เขาผมทำตาม ทั้งๆที่ผมไม่รู้ว่าไงดีรู้ดพียงว่าให้าเปื้อนบนคานวาส และอย่าให้เลอะออกมานอกกรอบภาพ ผมทำอยู่หลายนาที จนเพลินไปกับภาพน้ำมันลินซีด(linseed liquid) กลิ่นหอมชวนดมแทนกาวได้ ผมทำไปไม่เสร็จดี ฝรั่งคนนั้นเขาบอกว่าดากอ(d'accord)แปลว่าโอเค(OK =all correct or Oklahoma residenceคือผมฟังมาว่ามีที่มาเป็นอื่นอีกเดิดในอเมริกา) เขาควักเงินให้ผม ใใใใใฝฝฝใใใใใใใใใใจบตอนปูจิโอ ผมตอบว่าแทงกิ้ว(Thank you) แปลว่า"โบ กู"(beaucoup) ภาษาฝรั่งเศษเป็นไทยว่า"ขอบคุณ" แต่รอยยิ้มขอบคุณของผมกับยกมือสิบนิ้วไหว้เขามันสนิทกว่า คำพูดหนึ่งแทรกมามันยังไม่สมบูรณ์(not finish not finish) ( pas finis pas finis) อีกเสียงบอกว่า พอๆ(assez ..- assez..=enough) ผมชอบยังงี้ อีกคนอุทานว่า ใช่ได้(OK OK excellence excellence) มันเป็นภาพนามธรรมๆ(abstract! abstract art) คนหนึ่งอุทานขึ้น คำนี้ทำให้ผมตอนกลับไทยผมมาเปิดร้านที่จตุจักรโครงการ7และได้พบกับท่านเฉลิมชัยสำนักร่องขุ่นต่อมา หลายรายผ่านไป ผมถูกจับ ตำรวจพาผมไปโรงพัก ผมก็ไปกับเขา ได้เวลานอน เพราะผมถูกจับในเวลากลางคืน ผมนอนหัวเราะ เพราะอยู่ดีๆเจาก็พามานอนห้องนอนอุ่นๆอย่างนี้สบายไปเลย ที่ห้องพัก ผมนอนหนาวจะตายหิมะสาดตกมากับลมผ่านหน้าต่างชำรุดแถมกระเด็นตกใส่ สักครู่ต่อมา มีเสียงตะคอกว่า จับคนนี้มาทำไม อีกคนตอบว่า เขาไม่มีบัตรทำงานวาดภาพ เขาสั่งปล่อยตัวผมไป และกำชับว่า"คุณพรุ่งนี้คุณไปขอบัตรวาดภาพเสียเพียงไม่มีก้าว "คุณแวะไปจากโรงพักนี้ลงเขาน้อยนี้ไปเลี่ยวขวาข้ามถนนตึกข้างหน้าคือสำนักงานจดทะเบียน( (La Maison des Artistes )- Sécurité sociale ) แล้วขอขึ้นทะเบียนเสียภาษีเป็นนักวาดเขา" การสอบถามเกิดขึ้น ต่อมาใบอนุญาตของผมออกมาเป็นแผ่นหนังสือและต้องไปเสียภาษีประจำปีแต่นั่นเป็นต้นมาผมเป็นศิลปินอาชีพไปเลยแม้หลับๆนอนๆ ก็ได้เงินใช้ (Artist) ผมได้รับจดหมายขอบคุณจา กบรรณาธิการนิตยสารVogue สากลชมว่าภาพคุณสวยดีแต่ผมย้ายบ้านตลอ ดเวลาจดหมายนี้หายไปและจึงขาดการติดต่อเพื่อจัดแจงเสนอทำภาพประกอบ แต่นั่นมาหลังรับจดหมาย ผมเริ่มมีสุงสิงกับสาวๆและไวน์มากขึ้นจนสนุกมากจะเล่าทีหลังและ อีก5ปีต่อมาผมบินกลับไทย เพราะได้อารมณ์ลึกลับดี แต่คอยระวังไฟไหม้ เพราะอุปกรณ์นักวาดมันเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับเผาบ้านวังเวงให้หมดได้ในพริบตา ฉะนั้นผมจะวาดภาพสักที มันเรื่อง มาก ผมขาดสแตน (Artist Easel Stand )แต่ถ้าผมอารมณ์ดีๆผมทำมันเองได้ ผมได้กลิ่นกระดังงา ผมพบว่าชีวิตเป็นทั้งอุปนัยและนิรนัยๆ(deductive&inductive) ถามว่า 2คำนนี้มันคืออะไร"นั่นมันคืออะไรกัน" ช่วยบอกกน่อยได้ไหมว่า"มันคืออะไรกัน"ที่แท้จริง คำตอบมีว่าในมุมมองของผมคือ มันก็เป็นเพียงมุมมองชนิดหนึ่งของคนจาก"การมองอะไรแบบกว้างๆสู่จุดโฟกัดอันยิ่งใหญ่" (จากน้อยไปมากและจากมากไปน้อย) และในทางกลับกันอีกอันหนึ่งตรงกันข้ามกัน"จากการมองอะไรในจุดโฟกัส(focus) เล็กสู่การมองออกไปแบบกว้างๆ" เพื่อนนักศึกษาหลายคนเคยถามผมคำ2คำนี้

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

พบว่า




"คนถางป่า"

ภาค4ตอนที่98


"พอว่า"

ทันทีที่เข็มนาฬิกาบ่งชี้มีเข็มสั้นบอกว่าตีสี่มาถึง ผมตื่นขี้นมาดูแมลงกินผักที่ผมปลูและเถาตื่นมาดูต้นถั่วฝักยาวผม พบตัวสีส้มมันเกาะอยู่ที่ก้านใบ

         ผมจับมันใส่ขวดไว้ดูพฤติกรรมไม่รู้แมงอะไรจะถาม

พบว่ามันคือแมงมวนศัตรูตัวร้ายแต่ย่ารักในสวนครัวผม

          หนอนทากชอบกินคึ้นช่าย(ผักชีใบใหญ่)มากกินหมดถ้าเผลอ

ดอกกระดังงาป่าหอมกรุ่นและอุ่นละไมจริงๆผมชอบมากมันหอมเย็น

แม่ผมปลูกไว้ก่อนตาย
และบอกผมว่าถ้างูแมวเซากัดได้กลิ่นดอกไม้หอมขนิดนี้ รีบหากาแฟกิน มิฉะนั้นตายทันที
ตั้งแต่นั้นมา ผมเข้าสวนครัวแม่
ผมพกกาแฟผงติดตัวไว้
ที่นี่ไกลหมอไกลพยาบาล
เป็นอะไรขึ้นมาทำนายไว้เลยว่า
ตายสถานเดียวหรือถ้าหายก็คางเหลืองเช่นยายผมตายด้วยงูเห่าดอกจัน

งูชุมมากที่นี่งูแมวเซางูกะปะ
งูเห่าไฟในเวลาออกนอกบ้าน
ผมจึวถือมีดงอเคียวติดตัวไปด้วย
ตลอดเวลา ถ้าเจองูสู้เราจะได้แะลองยุทธกัน
มัาเหมือนพูดเล่น แต่มีจริง มันเป็นพิษเงียบ

คนทั่วไปจึงถามว่าแล้สคนที่วังเวง
มันอยู่กันได้งัย
คำตอบคือรอยยิ้มคือระวังตัวตลอดเวลาและไม่พูดมาก

ทุกคนคิดว่าตายถ้าตายก็เผาที่ๆวัดมีเตาเมรุอย่างสะอาดและระเบียบรออยู่ใกล้ในชุมชนเลย "คนหนึ่งบอกยืนยันกับผม
ที่จริงผมก็รู้วัดอยู่หน้าบ้านผมเอง
แต่ผมไม่เลยไม่เข้าวัดอีกเลยหลังแม่
ตาย เพราะผมกลัวอันตรายเช่นจากงูและถ้าผมเป็นอะไรไปตัสฝวคนเดียวตอนนี้ มันก็น่าเกลียดไปรบกวนใครหามผี และบ้านมีพิพาทผมจึงเสมือนคนถูกตัดหางปล่อยวัด ทายาทผมคือมูลนิธิ
ลองวาภาพดู "มันยังงัย"


แม่ผมก็อยู่ได้ด้วยใจเป็นสุข
คนเราสุขใจแล้วดีหมด
ผมถืออย่างนี้แล้วก็จบกันเท่านั้น
ใครจะว่างัยก็ช่างเพราะคนรุ่นใหม่
ที่นี่ที่บ้านผมมีบุญคุณกันมาก
แม้ต้นใบมะกรูดยังไม่มีเลยบา
งบ้าน "แม่ผมปลูกเก่ง"
แม่ผมเลยมีบารมีมากเรื่องปากท้อวคนที่นี่ ผมไม่มีบารมีอะไรเลยเกิดมาที่นี่ มืหน่ำซ้ำไม่เคยอยู่บ้าน ไปแต่เมืองนอก พอปมกลับมามรดกเลือดของแม่ผมๆก็อาศัยบามีแม่ผมทุกวันนี้ ถ้าหมดบารมีแม่ผมก็คง
ตายพลันแน่นอน


ผมเริ่มเตรียมน้ำมัน(linseed
brush
pine oil
Winsor colors set)
และภู่กันและผ้าใบวาด(artist canvas) ภาพสีน้ำมัน ผมเห็นเมื่อ40ปีที่แล้ว
ประจำ คนจะเป็นขอทานก็ไม่ใช่
คนพเนจรก็ไม่เชิง โจรดูคล้ายๆกันแต่มือไม่ไวเหมือนโจรและสุภาพ
ผมเห็นทุกวันเมื่มองไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วพบว่าะวกเข่เดินเข้าไปวังท่าพระ เขาเข้าไปทำไมในวัง
"ผมนึกสงสัย"
แต่แล้วต่อมา
พบว่านั่นมันเป็นมหาลัย
สร้างคนเป็นนักวาด
ผมอยากเป็นนักวาดบ้างทำงัย
ผมถามตนเอง


คำตอบไม่มีตามมาหลังผมถาม
วันหนึ่งในทุกปีปีต่อมา
ผมพบว่า
มีคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งไม่มากนัก
แต่งตัวสุภาพ
เรียบร้อยอย่างกะผ้าพับไว้
เสิ้อสีขาว กางเกงหลายชนิด
ผมไม่อยากจำแนกมัน
แต่เขาไม่ใส่รองเท้าแตะ
พบว่าพวกนั้นเขามาสอบ
สอบอะไร
ผมถาม


มาสอบเรียนวาดภาพที่มหาลัย
ได้บ้างตกบ้างส่วนใหญ่จะสอบตก
อีกๆไม่นานในเช้าวันหนึ่ง
ผมพบว่ามีเสียงอึกทึก
แต่วตัวดีชุดคนเรียนแต่หน้าตาแแต้มเต็มไปหมดด้วย
สี แต่ฟันทุกคนสะะอาดขาว
ผมงงว่ามันคืออะไร
ต่อมาผมจึงรู้ว่าเขากำลังรับน้องใหม่พิธีกัน สำหรัยคนสอบติดเท่านนั้น



ผมโง่และบอดเขลา คิดอยากเป็นอยากทำอยากสนุกอย่างเขาแต่ผมเป็นไม่ได้
ตอนนั้นผมยังเด็กจึงนึกๆและหายใจเข้าๆออกแล้วก็กลับไปที่แพเรือริมฝั่งน้ำเอนหัวนอนม่อยหลับบไป

10ปีต่อมาผมได้ตามเก็บภาพวาดที่เขาฝึกและเสียแล้วทิ้ง ผมเห็นแล้ว
พึมพำว่า"มันสวยดีไม่น่าทิ้ง"
ผมเก็บมาทำฝาผนังเรือนแพของผมและเมื่อว่างผมจะนอนนอนดูมัน

อีก5ปีต่อมาผมได้เป็นนักวาด
จำไม่ได้ชัดว่าเพราะอะไรจึงเป็น
แต่ที่รู้คือได้ทำอะไรตามใจชอบ
แต่มีขอบเขตใรคานวาสที่วาด
ผมทำอยู่10ปีได้ภาพ3ภาพ
และมีฝรั่งที่มาเที่ยววัดพระแก้วเห็นเข้าแล้วซื้อไป

ต่อมาผมมาปารีสบินมามิได้เดินมา
ผมเห็นเขาสาดภาพกันอีกแล้วสนุกมากที่มองมารต์(Montmartre Paris 7)
เป็นเกาะกุ้งใจกลางกรุงปารีส
ผมกินไวน์มึน
ผมจึงคิดว่า
อยากวาดภาพกับเขาบ้าง
ผมทำงัย
ผมจึงวาดๆและวาดไป
ขายได้ฝรั่งซื้อไปอีก

จนมีฝรั่งมาบอกผมวาดภาพเหมือน
ให้เขาผมทำตาม ทั้งๆที่ผมไม่รู้ว่าไงดีรู้ดพียงว่าให้าเปื้อนบนคานวาส
และอย่าให้เลอะออกมานอกกรอบภาพ
ผมทำอยู่หลายนาที จนเพลินไปกับภาพน้ำมันลินซีด(linseed liquid) กลิ่นหอมชวนดมแทนกาวได้
ผมทำไปไม่เสร็จดี
ฝรั่งคนนั้นเขาบอกว่าดากอ(d'accord)แปลว่าโอเค(OK =all correct or Oklahoma residenceคือผมฟังมาว่ามีที่มาเป็นอื่นอีกเดิดในอเมริกา) เขาควักเงินให้ผม


ผมตอบว่าแทงกิ้ว(Thank you) แปลว่า"โบ
กู"(beaucoup) ภาษาฝรั่งเศษเป็นไทยว่า"ขอบคุณ"
แต่รอยยิ้มขอบคุณของผมกับยกมือสิบนิ้วไหว้เขามันสนิทกว่า
คำพูดหนึ่งแทรกมามันยังไม่สมบูรณ์(not finish not finish) (
pas finis pas finis)
อีกเสียงบอกว่า
พอๆ(assez ..- assez..=enough) ผมชอบยังงี้
อีกคนอุทานว่า ใช่ได้(OK OK excellence excellence) มันเป็นภาพนามธรรมๆ(abstract! abstract art) คนหนึ่งอุทานขึ้น
คำนี้ทำให้ผมตอนกลับไทยผมมาเปิดร้านที่จตุจักรโครงการ7และได้พบกับท่านเฉลิมชัยสำนักร่องขุ่นต่อมา


หลายรายผ่านไป
ผมถูกจับ
ตำรวจพาผมไปโรงพัก
ผมก็ไปกับเขา
ได้เวลานอน เพราะผมถูกจับในเวลากลางคืน
ผมนอนหัวเราะ
เพราะอยู่ดีๆเจาก็พามานอนห้องนอนอุ่นๆอย่างนี้สบายไปเลย ที่ห้องพัก

ผมนอนหนาวจะตายหิมะสาดตกมากับลมผ่านหน้าต่างชำรุดแถมกระเด็นตกใส่
สักครู่ต่อมา
มีเสียงตะคอกว่า
จับคนนี้มาทำไม
อีกคนตอบว่า
เขาไม่มีบัตรทำงานวาดภาพ

เขาสั่งปล่อยตัวผมไป
และกำชับว่า"คุณพรุ่งนี้คุณไปขอบัตรวาดภาพเสียเพียงไม่มีก้าว
"คุณแวะไปจากโรงพักนี้ลงเขาน้อยนี้ไปเลี่ยวขวาข้ามถนนตึกข้างหน้าคือสำนักงานจดทะเบียน(

(La Maison des Artistes )- Sécurité sociale

) แล้วขอขึ้นทะเบียนเสียภาษีเป็นนักวาดเขา"

การสอบถามเกิดขึ้น
ต่อมาใบอนุญาตของผมออกมาเป็นแผ่นหนังสือและต้องไปเสียภาษีประจำปีแต่นั่นเป็นต้นมาผมเป็นศิลปินอาชีพไปเลยแม้หลับๆนอนๆ
ก็ได้เงินใช้ (Artist) ผมได้รับจดหมายขอบคุณจา
กบรรณาธิการนิตยสารVogue สากลชมว่าภาพคุณสวยดีแต่ผมย้ายบ้านตลอ
ดเวลาจดหมายนี้หายไปและจึงขาดการติดต่อเพื่อจัดแจงเสนอทำภาพประกอบ แต่นั่นมาหลังรับจดหมาย
ผมเริ่มมีสุงสิงกับสาวๆและไวน์มากขึ้นจนสนุกมากจะเล่าทีหลังและ
อีก5ปีต่อมาผมบินกลับไทย









เพราะได้อารมณ์ลึกลับดี
แต่คอยระวังไฟไหม้ เพราะอุปกรณ์นักวาดมันเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับเผาบ้านวังเวงให้หมดได้ในพริบตา

ฉะนั้นผมจะวาดภาพสักที มันเรื่อง
มาก ผมขาดสแตน (Artist Easel Stand )แต่ถ้าผมอารมณ์ดีๆผมทำมันเองได้





ผมได้กลิ่นกระดังงา

ผมพบว่าชีวิตเป็นทั้งอุปนัยและนิรนัยๆ(deductive&inductive)
ถามว่า 2คำนนี้มันคืออะไร"นั่นมันคืออะไรกัน" ช่วยบอกกน่อยได้ไหมว่า"มันคืออะไรกัน"ที่แท้จริง

คำตอบมีว่าในมุมมองของผมคือ
มันก็เป็นเพียงมุมมองชนิดหนึ่งของคนจาก"การมองอะไรแบบกว้างๆสู่จุดโฟกัดอันยิ่งใหญ่"
(จากน้อยไปมากและจากมากไปน้อย)

และในทางกลับกันอีกอันหนึ่งตรงกันข้ามกัน"จากการมองอะไรในจุดโฟกัส(focus) เล็กสู่การมองออกไปแบบกว้างๆ"

เพื่อนนักศึกษาหลายคนเคยถามผมคำ2คำนี้(?%A

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ปูจิโอคนถางป่าในเวบDek-D. com

วันนี้
"ปูจิโอ"เริ่มรู้จักใช้คำนี้ จากคำว่ารัก
แท้ที่ปูจิโอคือผมเคยเเสวงหาถึง40ปีแต่ไม่พบ หรือว่าพบแล้วแต่มิได้สังเกต

วันนี้ที่30 กค2555 ทศวรรตที่60
ตอนกลาง

ผมมาพบสิ่งนี้แทน
และพึ่งรู้ว่าการถูกกฏหมายฟอกเงินพาดพิงมาถึงการเปิดเผยข้อมูล
และให้คนอื่นรู้อาจจะมีความผิ
ดด้วย แม้จะสงสัยว่าเป็นแผนซ้อนแผน
ผมแก้ว่า" เราต้องคิดวิเคราะห์ต่อไปและไม่หิวข้าวถ้าเหนื่อย
นอนพักก่อนถ้านอนไม่หลับ หาหมอมิใข่คิดฆ่าตัวตายหรือวิ่งหนีความจริง ผมสอนรึป่าว
ตอบว่าป่าวสอน แต่นี่เป็นนิยาย


           phisingคือ  มีคนแอบเอาข้อมูลออนไบน์ของพระเอกไปทำมิชอบ
และมีหมายศาลมาแต่พระเอกไม่
ได้รับหมายประวัติพระเอกก็ขึ้นทะเบียนอาญากรรม"ทำงัย"
แจ้งความออนไลน์ได้พระเอกทำ
 แล้วเชื่อว่าฝ่ายเอคงคอยจ้องว่า
จะทีจดหมายมาที่ตู้จดหมายที่วังเวงแล้วส่งจารชนมาแอบหยิบจดหมายที่ถึงพระเอกไป

กรณีหนึ่ง
สงสัยไปรษณีรวมหัวกันกับฝ่ายเอ
ทำมิดีเกิดปมสอบสวนขึ้นมา
พระเอกชอบการสอบสวนเพราะ
สนุก และได้วัตถุดิบถ้าเสียเงิน
ตอบว่าไม่มีอานาถา
จบเท่านั้ถ้างั้นไร้ความสามารถ!
"ไม่ซิ" พระเอกมีที่ดิน5เอเคอร์
ชื่อพระเอกคือผม
ถ้างั้นพาเข้าจำนองคำตอบทำไม่ได้เพราะผมอายุเกินไวกู้เงิน

จึวติดอยู่ตรงนี้ หาเงินจากคนใกล้ชิด
ส่วนใหญ่มีพิพาท

ต่อไปเป็นเรื่องศาล
จะเอาผมล้มละลาย
ผมไม่มีหนี้สินกับใคร

ต่อมาผมจะติดคุกเพราะไม่ไปตามนัดศาล
จึงเกิดการต่อรอง


ให้นำเงินทรัพย์สินมาบรรเทา
ผ่านวิธีการบังคับคดี
พระเอกคิดว่าต้อวดูคำสั่งศาลว่ายุติธรรมหรือไม่
ต่อไปจึงค่อยจัดกาไปตามศาลสั่ง
ก็มีเท่านี้
แต่ตอนนี่ทีคำเตือนว่าระวังพวก
มิจฉาชีพแบบฟิซอ่งนี้เข้าทามนชีวิตอีก
 ผมคิดว่าเรายืนพื้"ที่ไม่มีเจตนาทำมิดี"
ก็คงปลอดภัยเพราะหลักนิติธรรมทุกชนิดเป็นธรรมและสัจธรรม
"ขออย่างเดียวอย่าลื่นขณะปีนปาย"
เพราะถ้าลื่นมีกติกามากที่ต้องรับผิดสิ่งที่มิใข่ความผิดของเราในสมัยนี้ที่ผมต้องเฝ้าระวัง แม้จะเวทนา "ผมก็ต้องยอม"
ศาลคงเมตตาที่สุด

















                ปูจิโอ

คนถางป่า"ปูจิโอ" ตอน95

"คิดๆไว้ที่ยังไม่ลืม"

 นางเอกของผมคหนึ่ง"ยังนา"



เธอเป็นหญิงเชื้อสายมอญ พบกันครั้งแรกในคืนเทศกาลศิวราตรี
เธอสวยมากตอนคืนเพ็ญ. ผิวเหลืองอมขาวของเธอรับกับแสงจันทร์ ที่ชานมุข "บ้านหทัย"ของพ่อเธอแต่พ่อเธอตายไปแล้วเหลือแต่แม่ซึ่งพิการมี"ยางน
า"คอยรับผิดชอบดูและพร้อมน้องชายที่กำลังเรียนที่มหา
วิทยาลัยคนหนึ่งชื่อเยโน

           หลังจากวันเทศกาลศิวราตรี
ต่อมาเราก็เป็นเพื่อนกับยางนา
คบกันและเป็นนางเอกของผมในที่สุด ในคืนที่เธอจะเป็นางเอกของผมซึ่งไม่มีอะไรกัน คุยกันเฉยๆพบว่า
          เธอมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งในเมื่อ
เราเป็นเพื่อนกัน " เธอบอก"
ด้วยสีหน้าแจ่มไส และไร้เดียงสา
"
คือเธอสั่งห้าม"ผมบอกเล่าโคตรเง่าอดีตตระกูลของเธอที่มีศักดิ์สูงมาก่อน และคืนนี้ได้มาคุยกันที่มุขของบ้านนี้ เพราะเธอเชื่อว่า
การมานั่งคุยกันแบบนี้แล้วไมีมีอะไรกันที่สมบูรณ์กว้านี้ "เป็นเหตุอาเพทผีบอก"
        เพราะที่ๆยังนาและผม
เราสองนั่งคุยกันคืนอาเพทคืนนั้นคือที่มีเตียงเป็นเตียงนอนของพ่อแม้เธอก่อนมีเธอจะได้ ยัวนามามี
ชีวิตมาดูโลกนั่นคือสิ่งที่พ่อเธอเล่าเมื่อ
4ปีก่อนตาย

มันเป็นมุขรับแสงจันทร์มีไม้จามจุรีใหญ่ด้านหน้าพุ่ม ดูเหมือนมี"กามิ雅味/がみ
=Gami
"=เทพชนิดหนึ่งครองสรรพสิ่งที่ชาว
ญี่ปุ่นขื่อว่ามี"กามิ"เช่นตามโรงนา เปลี่ยวกระท่อมเปลี่ยว เป็นต้น

"ใช่"ผีไม้สิงอยู่ 
ผมเป็นคนกลัวผี
แต่"ยังนา"ถือว่าผีคือเพื่อนและไม่กลัว
 เหตุนี้คืนนั้นผมและ"ยังนา"จึงได้นั่งคุยกันสองต่อสองในมุมมืดที่ที่มีลมเบาๆพัดผ่านตอนนั้น4ทุ่มดึกแล้ว



เพราะเหตุว่า"มันเกิดสงครามในอดีตในครอบครัวเธอ  จึงอยากให้เพื่อนรู้เพียงเธอคนสามัญธรรมดาๆพอ"
     ผมรับปาก"ยางนา" จะทำตามและ"ปกปิด"


และเธอเคยบอกผมว่าเธอไม่อยากดูอะไรที่มันมีลีลามากมาย
คือจะทำอะไรก็ทำจะคิดอะไรก็คิด
จะพูดอะไรก็พูดออกมา
ขอแต่ว่ามันมาจากใจเท่านั้น
เป็นพอ




คือเธออยากบอกผมว่า
อยากทำอะไรขอให้เข้าเนื้อหากันเลย อย่ามารีรออะไร
เราต้องการวันนั้ เราไม่ต้องการ
พรุ่งนี้ เว้นแต่สัญญารักก่อนแต่งงานเท่านั้นที่เราต้องเคารพประเพณี


      ผมจึงนำเอาวรรณศิลป์แนวนี้มาใช้
ทันทีเพราะตอนนี้ป็นยุคเศรษฐกิจแบบเงินตรานี้แบบชอบอะไรๆที่ทันทีและทันทีเลย! ฉะนั้น

ตอนนี้ผมกับยังนา
นั่งทันทีเลยนั่งคุยกันในที่ลับๆหูลับคาคนเปลี่ยวแต่มีแสงจันทร์เป็นเพื่อน
และผมสำนึกตนเองเสมอว่า"ผมมิใช่กบๆที่แอบซ่อนในสระและขึ้นขขี่หลังผสมพันธุ์กันเพื่อเอาลูก มากมายให้เกิดมาในสระเพียงพอเพื่อไว้ให้มนุษย์ที่ชอบกินผัดเผ็ดกบกินยามหิว


ตอนแรกผมคิดว่าทำอะไรแบบด่วนสรุป"ทำงี้มันนอกรีดร้อนรนเกิน"
คือผมคิดว่า"คนมิใช่ม้า คนต้องทำแบบค่อยๆไป"จึงศิริวิไลซ์วัฒนะ!

คิดให้ดีอีกที

มันคงไม่เหมือนภาพรถไฟที่กำลังวิ่งไปกลางดงหิมะที่มีทางเหล็กรองรับให้ม้าเหล็กแรงสูงที่วิ่งไปด้วยความเร็วควบกับวามเร่งและถึงปลายทางปลอดภัย

คือวิ่งได้เลยสบายๆไม่มีไม้หมอนกรือไม้ล้มหรือรถรบทหารมาขวางกั้น

และในกลางคืนเดือนหงายแบบนี้
ทุกคนรู้ดีว่าอะไร?จะเกิดขึ้นกับสายตาและอามณ์ของตนเองเมื่อใครได้โอกาสมาพานพบมัน
"คือหญิงชายกำลังจะกอดกัน"
"กำลังจะจูบกัน"

ประโยคต่อไปให้คนแอบเห็นไป
หาคำตอบเองว่า"มันดีหรือไม่ดี"



แต่ยุคนี้เป็นยุคซัดเดนลี่ (sudden-suddenly) ที่ผมนิยามและผมเคยแอบคิดซาโตริ (Satori =悟り)คือ"รู้แจ้ง"ภาษาของศาสนาลัทธินิกายมหายายญี่ปุ่น
    
         ใน'เซนญี่ปุ่น'แปลว่า"รู้"ทันทีของเซนญี่ปุ่นนั่น"ที่คิดสมาธิจิตทำให้ นั่นที่ทำให้ผมมีสมาธิคิดทันที และเผลอๆ ผมเอาปรัชญาว่าคำว่า"ทันที"แล้วจัดระเบียบสมองใหม่และจึงนำออกมาใช้ดูต่อมา

แม้จะรู้หรือไม่รู้ว่ามันจะ"ทันที"หรือไม่ทันทีตามหลักคำสอยของลัทธิทันทีเดิมหรือไม่

ก็ตาม 

  และผมไม่ได้เอา"ยังนา" มาเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของผมในค่ำคืนนี้และเอาคำรู้แจ้งในเซ็น
ของศาสนามาพาดพิงไรใน
ความคิดนี้เลยเพื่อทำให้คดีความ

แต่สมาธิอันกระจ่างเกิดขึ้นตอนผมกับเธอก็หาไม่!

แต่การคิดได้คิดดีว่า

ผมคือเพื่อนรักของเธอ
ผมจะไม่ละเ

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

"ท่อม "นวนิาย"และมหากาพย์"เรื่องคนถางป่า"ที่เด็กดี.คอม

คำว่ากัญชาภาษาอินเดียเขียนว่า(गांजा) (ganja)

กระท่อม ภาษาจีน 小屋 อ่านว่า

กระท่อมพืชMitragyna speciosa (Korth.) ที่องค์การสหประชาชาติมีเรื่องนี้อยู่ ท่าทีของสมาขิกบางแห่งควบคุมบางแห่งควบคุมพิเศษบางแห่งไม่ควยคุม



คำว่ากระท่อม

 ใน

ตอน5กระท่อมกัญชา

คนถางป่าภาค3ตอนที่94 กระท่อมกัญชา(2743)

กระท่อมกัญชา

แต่กระท่อมมนตอนนี้ผมหมายเอา(hut -shelter) ด้วย

ผมมีบ้านกระท่อมสองหลัง ซื้อมา

หลังละ 70,00จากเงินขายมรดกแม้ผทจะจน

แต่ เพื่อไว้ทุกข์บรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวร มี่ปู่ทวดและยายเป็นต้น ผทจึงกล้าทำ

โดยหลังหนึ่งอุทิศให้ผีทวดมานอนเล่นถ้าท่านๆอยากมากันคือเจตนาจากใจผม

หลังหนึ่งอุทิศให้ยายเพราะท่านทำคลอดผมวันผ

มเกิด

ประกาศงดให้ใครใช้หรือไปเล่นตามที่ค่า"วี" จะพึงมีในสังคม

คนทั่เล่นได้"เว้นผี"นั้น

อนุสนธิ กระท่อมชื่อตอนนี้เปฌนชื่อกระท่อมคนนอนได้แต่มิใช่พืชกระท่อมที่เคยมีโทษ

แต่ทว่าผมแรกเริ่องพืชกระท่อมด้วยเพราะว่ามีประเด็นดังๆเกิดขึ้น

ขณะเสนอนิยาย"คนถางป่า"นี้ขึ้นแท่น

เหตุผลเถื่อนๆ ถามว่า

เมื่อผมจนทำไมถึงทำกระท่อมได้

คำตอบมีว่า

เพราะผมถือว่าบุญพระคุณมีค่

ทางใจและก็ทำเพียงครั้งเดียวในวาระเดียว เงินถ้าใช้ประโยชน์อย่าอื่นเช่นลงทุน มันก็ไม่ทีค่าทางจิตใจอะไรมาก สรุปค่าทางจิตใจ

สำคัญกว่าผมถือว่ามันเป็นพลังใ

ห้เกิดมีกำลังใจให้ทำสิ่งออื่นตามมาด้วยความเชื่อมั่นได้นี่คือปรัชญาของผม"จบ"

ที่วังเวงผมประสบภัยดังที่นิยายเล่ามาแม้ดูสมจริงแต่มันก็คือนิยาย

ในตัวมันเองและมีฉากทัศน์เป็นสารคดีประกอยก็เพียงทำให้นิยายมีชีวิตขึ้นเท่านั้น ผมมิได้มิได้เจตนาหวังผลประโยชน์แอบแฝงแต่ประการใด เพื่อให้คนติดตามสนใจงานมหากาพย์คนถางป่าเพิ่มขึ้นก็หาไม่ "ผมขอสารภาพและยืนยัน"

แต่"มหากาพย์"ที่วังเวง

เรื่องคนถางป่าที่เกิดขึ้นเขียนนี้ เพราะแจ้งเหตุให้คนระวังตนเองมีชีวิตเป็น

เหมือนกับว่าทางรถวิ่งที่มีที่มีหลุมลึกแต่มีน้ำคึงปกปิดหลุมไว้

มีทางหลวงๆจึงส่งเครื่องหมายเตือนไว้กันคนไม่รู้มาประสบพบอุบัติเหตุได้ฉะนั้นเป็นการเปรียบเทียบ

สอง!เพราะผมเป็นเด็กบ้านนอกคอกนาและได้ขึ้นถึงหลังคาโลกและ"ผมมิใช่นก" เหตุอุบัตินี้นั้น"มันแปลกยิ่งนัก"มากนักและประกอบกับมันเกิดขึ้นกับฉากทัศน์จากตอน "ผมหนีพ่อไปหาแม่จาก"พุนพิน"เป็นปฐมเหต

และ"ผม"คำนี้เเป็นชื่อพระเอกมิใช่ชื่อสรรพนามแทนตัวจากผู้เขียนนิยายเพราะนิยายนี้ยาวกว่านิย่ยไทยฉบับ"เพชรพระอุมา"ของ"พนมเทียน" ตามที่ผมตั้งใจ

ผมเขียนไม่ไหวชื่อพีะเอกทันยาวและมันจะพบทุกบรรทัดทุกระยะในนิยายในบทบาทและหน้าที่ของพระเอก

สาม!

ผมมองว่าา"จิตนิยมและวัตถุนิ

ยมเป็นวิทยาศาสตร์หมดอัน

เป็นมุมมองอย่างถ้วนทั่วของผ

มเองมิได้คิดโต้แย้งความคิดหลักอื่นใด เพราะว่าเดิมทีมนุษย์

เชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลแต่ต่อมามีนักคิดพบใหม่

ว่า :ทุกชนิดเป็นบริวารของดวงอาทิตย์"เป็นและใช้สืบทอดมาถึงปัจจุบัน อันนี้นับจาากยุคปโตเลมีมาถึงยุคกาลิเลโอและเคปเลอร์

แนวคิดแปลกไปอันเป็นทุมมองขอวผมนี้

นี้ที่ทำให้ผมตกรีไทร์มหาวิทยาลัยปิดวิชาวิทยาศาสตร์ถึงสามครั้

งแต่ผมสอบผ่านครั้งที่สี่และผมจบรับปริญญา(B.A. =Bachelor of Arts) แม้อาจจะมิใช่ประเด็นนี้

แว่นตาของผมกระเด็นลงกลางดงป่าวังเวงที่ผมไปถาง

เหมือนฉากหนังตอนสงครามเกิด

แว่นตาทหารหมอหล่นลงกลางทุ่งหิมะขาวขณะเหตุร้ายขอวสงครามกำลังเกิด

"ผมสะเทือนใจถาพนี้"ตอยผมดูหนัง

และมาบัดนี้ความทรงจำวนั้นๆได้มาเกิดและได้เกิด"มันเกิดกับผมเอง"

ผมจึงรู้ว่าสาเหคุแท้จริงว่า มันเกิดเพราะแรงเหนื่อยและแรงบาก

บั่นอย่างยิ่งยวดของมนุษย์สวมแว่นตาทำงาน

จึงทำให้แว่นตาผมกระเด็น

กระดอนจากเบ้าตาสองข้างที่ผมสวมใส่ มันมิได้เกิดเพราะแว่นตาผชำรุดในตัวมันเอง "เพราะเก่า"

ผมพบว่ามิใช่แว่นตาผมชำรุดแต่เพราะปัจจัยบางอย่าง

แว่นตาผทจึงหลุดออกมาจากเบ้าตาที่แว่นตาสวมใส่

และบัดนี้มันแตกหัก

และหักชำรุดจนสวมไม่ได้ และมันเป็นแว่นที่ต้องใช้เจักษุแพทย์เท่านั้นทำ

ให้ต้องวัดสายตาก่อน

มันจึงซ่อมได้มันมิใช่แว่นตาสวมเล่นทั่วไปตามตลาดนัด

"ใช้" มันหลุด" ผมคิดถึงกฎนิวตัน(Newton) ขึ้นมาทันที

แต่ผมไม่ขออธิบายตอนนี้ เพราะมิใช่ขั่วโมงที่ผมจะมาให้เหคุผลทางวินาศาสตร์ให้คนอื่นเข้าใจง่ายได้ในชั่วโมงอ่านนิยายของคน

แว่นมัหลุดจนใช้การมิได้นอกจากช่างซ่อม "ผมคิดถึงความตายทัน

ทีเมื่อแว่นตาหล่นหักแตก"ในวันนั้นตอนเที่ยงวัน ฤดูฝน

ตอนนี้ ตนเองรู้ว่าแว่นตาผมต้องใข้มันเพราะผมเป็นโรคสายตายาว

จากเดิมที่คืดว่าความสำคัญ

กว่า"มีดเคียวงอ"นั้นไม่มี

ที่ผมถางป่าอยู่นี้

จากเดิมที่ผมเคารพความคมของ

มีดเคียวงอ ผมก็จบลงไปทันทีหลัง2ปีผผ่านในการถางป่าให้แม่ผมเพื่อการรำลึกถึงความหลังของแม่ผม

มันน่าเบื่อถางป่าาตั้วนานไม่เสร็จง่าย คำตอบคือมิใช่ผมจะขายชีวิตประจำวันและบันทึกอดีตหรือรัย!

แต่นี่เป็นมหากาพย์จริงๆ

เป็นนิยายจริงๆ

ให้มันจบๆคิดลงทุนเลยง่ายมาก

จำนองสวน2ไร่ได้เงินมาลงทุนไถปลูกอะไรสักอย่างจ้างคนมาทำ

งบใช้เวลาเท่าไหร่รอเก็บกิน

จ้างนักวิขาการมาดูแลส่วนสาระ

ตลาดขายการบำรุงรักษาสมมุติว่า

กัญชาหรือกระท่อมๆปลูกครั้ง

เดียวกินขายไปจนตาย

กัญชา"गांजा" (ganja)อินเดียปลูกต้องเปลี่ยนปลูกใหม่ทุก6เดือนแนสสับปะรดอันนี้ตัดไปผทต้อวการทำครั้งเดียวแล้วไม่ต้องทำอีก

ขณะที่ฝ่ายเอยังทำสงครามกับชีวิตผมอยู่ นางเอกของผทบอกว่า

ขายแล้สไปหาที่ใหม่ คำตอบคือ

ฝ่ายเอทุกหย่อมหญ้า ที่เราไป

เหมือรเรามีอุปสรรคชีวิตเรื่องงายกินอยู่หลับนอนร่ำไปไม่มีสิ้นสุด

"ทันทีที่ผมพูดจบ"

นางเอกบอกลาผม"ไปนอกเยี่ยมแม่และพักผ่อนเป็นเวลานาน"

ไม่กลับมาอีกใช่มั้ยผมถาม

เธอตอบว่า"กลับมา"

เธอย้อนถามผมว่า "ถามทำไม"

ผมตอบว่า"คือถ้าไม่มีอะไรสนใจอีกเราไปจดทะเบียน"หย่าขาด"เลย

จะได้ฟรีเสรีชีวิตอิสระต่อกันได้"

นางเอกตอบว่า"ขอคิดดูก่อน"

ผมไปส่งเธอขึ้นสนามบิน

นางเอกผมคนนี้

"เธอเป็นคนลูกครึ่ง"

ไทย-เยอรมัน

ผมพบเธอครั้งแรกที่ (At the counter of the hostel for YMCA near Shepherd Bush London.

ผมเริ่มคิดมาทำเป็น "Animal Farm" ให้กับตนเองเมื่อนางเอกคนนี้ลาไปพักเหนื่อยจากชีวิตรักสมรส

ชั่วคราว

ตอนอยู่ออกร์ฟอร์ดในสมัยหนึ่ง ยุค"หนุ่มหน่าว" นางเอกอีกคนหนึ่งของผมยื่นหนังสือเล่มนี้มาให้ผมอ่านแต่วโดยGorge Orwell นายทหารอังกฤษในพม่า

ผมชอบเมื่อ่านเสร็จ

คือผมมีมุมมองหลังวางหนังสือเล่มนี้ลง

ว่าหมูหม่แมวเป็ดไก่ในบ้านที่วังเวงเรานี้มันด็เหมือนขีวิตเพื่อนร่วงผมโลกผมนั่นเอง

มาที่แมว "เหมียว"ของผมมันชอบกินลูกไก่แจ้ของผม"จากแม่ไก่4 ตัวพ่อไก่แจ้1ตัวตัวพ่อผมซื้อมาจากชายแดนพม่า(เมียนม่า) ผมจับได้ผมทำโทษชนิดใฟ้เข็ดหลาบ

หมาแมวชื่อเหมือนกันหมด(เหมียว)

มัาชอบคุ้ยกระถระถางเพาะชำ

ปลูกผักไว้กินของผม

ผมไม่ทำโทษมันแต่แสดง"อาการไม่ชอบ" ให้มันเห็น ถ้าพบทันทำ

แต่ผมต้องทำรั้วทำเครื่องครอบหันไว้อย่างดีก่อนทำกระถางลงเมล็ดผักก่อนมิฉะนั้นปัญหามีแน่นอน

แดดน้ำสำคัญผมจะนำกระถาง

ย้ายไปย้ายมาได้

เราจะปลูกแบบลงดินเลนเหมือนแย่ก่อนนี้แล้วมาดูอย่างสมัยก่อนนี้เศรษฐกิจแบบครัวเรือน(household economy) มาถึงสมัยเศรษฐกิจแบบเงินตรา (money system)"เราทำไม้ได้อีกแล้ว"

ผมปรับเปลี่ยนหมูและวัวผมยังไม่คิดตอนนี้ผมจพเลือกแพะ

แต่ตอนนี้ผมมีแมวกับหมาเป็นชีวิตครัวเรือนอยู่แบบพี่น้องแบบคน

พบว่าหมาแมวเขาขอกินอิ่มแล้วไท่กวน

หมาเฝ้าบ้านแมวเฝ้าระวังหนู

แต่ก่อนบ้นวังเวงไม่เคยเลี้ยงอะไรทั้งสิ้นนอกจากปาล์มะพร้าวอย่างเดียวยุคตามีชีวิตอยู่

มาที่เหมียว"น้องหมา"ของผม

มันตายลงเพราะ"ฝ่ายเอ"ทำมัน

มันถูกรถขนท้าย

เหมียวมันบอกผมว่าเจ็บมาก

ผมพยาบาลมัน

อยู่หลายวันจนตายมันชอบให้ผมก่อไฟให้มันๆชอบนอนผิงไฟในเวลากลางคืน

มันตายต่อมาศพมันผมฝังไว้ที่หน้าอนุ

สรณ์าถานของแม่ผมปักธูปไว้ทุกข์ให้1ดอก พร้อมปลูกต้นชมพูหมาเหมียวผลสีแดง1ต้น บนหลุมศพ

โรยยากัาปงสกกินรากนิดนึง

ประเด็นหมานี้ฝ่ายเอเขาไม่ชอบมัน

เพราะหมาจะเห่า

เมื่อฝ่ายเอมากวน

และถ้าทำให้มัรเจ็บมัน จะทำให้ผม

มีการเงินแย่ลงอีก นี่คือสิ่งที่ฝ่ายเอมุ่งหมายในการทำลายผม "หลักๆ"

ก็หมาตัวพยานรู้เห็นเพิ่มเติมนอกจากกล้องวงจรปิดของผม

ที่จะพยานความมืดทุกอย่างได้

เพราะว่าทุมมองของผม

ที่วังเวงโดยเฉพาะได้รับการเสี้ยมสอนมาจากฝ่ายซ้าย

ให้เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก

คือเขามีปรัชญาว่า"ทำผิดอะไร

ถ้านอื่นไม่เห็นก็ไม่ผิด"

"ผมไม่เห็นด้วย"วิธีนี้ขาดค่า"วี"

ตามปรัขญาของผม

สรุปทุกคนที่วังเวงผมตีความว่า

กลางคืนเขาคืออสูรกายเลวทราม

เห็นผิดเป็นชอบ

แต่กลางวันเขาทุกคนแสแสร้งเป็าพระอินทร์หมดคือทำเป็นให้ดูดีตามที่สังคมทั่วไปกำหนด

ผมรู้เรื่องนี้ดีผมจชอบทำแผนซ้อนแผนเพื่อจับคนผิดแต่สันดานผม

ไม่เป็น

แต่ฝ่ายเอนั้นเขาจะทำเป็นสันดาน

เลยทีเดียวแม้ในภาวะมโทัศน์สงครามหรือไม่สงครามก็ตาม

คือ "ฝ่ายเอจะคิดว่าเอาฃนิดกูได้กินได้ใช้เป็นสำคัญ

เรื่องอื่นกูไม่สน"

นี่คือประเด็นเกิดสงครามสองค่าย

ของฝ่ายเอและฝ่ายเอมขึ้นมาในนิยายนี้

มนภาวะสงครามความเลวอาจถฟุกสร้างเพื่อชนะสงครามได้ แต่ทหารฝ่ายเอยึดสิ่งนี้เป็นมโนคติของตนเองแม้ในภาวะสันติภาพแอบแฝงหรือไม่เขาก็ทำ

ที่ไม่เป็นภาวะที่ประกาศสงครามก็ยังทำอันนี้มุมมองของผมถือว่า

"ผิด"จึงได้เกิดนิยามฝ่ายเอนี้ขึ้นมา




เพราะปรัชญา

ในข้อที่ว่า"ธรรมย่อมชนะอธรรม" เพราะธรรมไม่ให้ความเจ็บปวดกับมนุษย์ทั้งในอดีตและอนาคตเท่าอธรรมได้

คือที่ผมเคยอ่านและฝึกกาเรียนรู้มาอย่างนั้น"ที่ผมเข้าใจ"


ผมถางป่าไปกับมีดเคียวงอให้มันทำไป

ตามที่ใจและมือผม

ที่ใช้มันอย่างไม่สะดุด แม้ยุคเหล็กผ่านไปในแล้วมีดงอเคียวของผมทำจากเหล็กเหมือนที่ยุคเหล็กเขาพบเหล็กมีประโยชน์อย่าวงที่มันเป็นมา

แต่บัดนี้เมื่อ"แว่นตา"ผมเสีย

ผมจึงต้องหยุดทุกอย่างเพราะผมจะมองอะไรเป็นสาระไม่เห็นอะไรชัดๆเป็นสาระอีกต่อไป

จนกว่าผมจะนำแว่นตาไปซ่อมที่ช่างประจำของผม

ที่โรงซ่อมซึ่งห่างอยู่ไกล

ถึง150กิโลเมตรไกงจากวังเวง

(หมายเหตุบ้านวังเวงนี้เป็นนิยายมิได้หมายถึงหมู่บ้านวังเวงที่ปรากฏจริงตามแผนที่โลก)


อันความจริงขความสำคัญว่าอะไรคสรมาก่อนอะไรคสรมาหลัง

เมื่อผมหวนคิดคำนึงถึงปรัชญาแห่งมันๆแล้ว

ฉะนั้นตอนนี้

ที่โรงขายแว่นตามันคือ โรงพยาบาลที่สำคัญในชีวิตผม แต่นั่น

มัน!

ผมแต่ก่อนนี้เคยเรียกใช้อาหารสมุนไพร

กระท่อมและกัญชา มันยากเย็นก่อนจะได้มาเพราะมีข้อห้ามมากจนห้ามสนิทเหมือนต้นฝิ่นตอนนี้ในไทย2565)

แต่ตอนนี้2565ผมเรียกมันว่า ทศวรรตที่70ของผมเอางั้นเลย

พืชกระท่อมและพืชกัญชารัฐบาลไทยอนุญาตให้ใช้เสรี

ไม่ต้องกลัวตำรวจกลัวกฎหมาย

อีกต่อไป"เรา" หลังรัฐบาลประการศปลดล็อกมันแล้ว

เราไม่กลัว

ไม่ว่าโดยรีดไถจากตำรวจปลอมหรือใครหรือสา มันจึงเหมือนข้าวสารารที่เราจะกินมื้อต่อๆไปทุกวันนั่นเอง

สืบใดๆ 

ยาเสพติดตัวนี้มิใช่สิ่งเสพติดอีกต่อไป

แต่ต่อมาผมพบว่าตอนนี้ผมไม่จำเป็นอาหานสารสมุนไพรบำบัดชนิดนี้อีกแล้ว เพราะ"ผมหายแล้ว" และผมพบว่า พอรัฐท่านปลดล็อกแล้ว

มันก็เป็นพืชที่ยิ่งหายากขึ้นไปอีกตอนนี้ เนื่องจากว่าเขาขายหมด ส่งนอกหมด

"กัญชาไทยเป็นกัญชาที่รสดีที่สุดในโลก"เขาว่า"

ตอนนี้ของนิยายที่ผมเขียนไว้ก่อนที่พืชกระท่อมและพืชกัญชาจะเปิดเสรี

แต่เขียนไม่จบทิ้งไว้เสียหลาย

วัน

เวลาผมปรับปรุง

ผมจึงงดเว้นทำเปลี่ยนมันเป็น"กระท่อม"ชนิดที่สื่อว่า

"บ้านกระท่อม"ชนิดคนอยู่ได้จากชื่อเดิมว่าตอนพืช"กระท่อมกัญชา"

ผมจำได้ว่าพืชอันนี้ใครทำผิดทั้งคู่

ตำรวจเขาจับไม่ไว้หน้าที่บ้าน

วังเวง และโทษหนักมากขนา

ดให้เจ้าหน้าที่มาทำลายทิ้งถึงบ้านพักและในสวนเลยทีเดียว



เพื่อนผมคนหนึ่งทำประมงออกเรือทะเลปลูกกัญชาด้วยสูบด้วยขณะออกทะเลเพื่อนคนนี้เคยเป็นนักเรียนประชาบาลคนนี้ผมรู้จีกชื่อ"หมัด"เขามาจากเรือนคนจนแต่ผมมาจากเย้าคนรวย


มันชื่ออ้าย"หมัด"ผมจำได้แม่น

ร่างมันอ้วน

บุคลิกของมันใครใดๆเห็นสารรูปมันรู้เลยว่ามัน"ติดกัญชา"

ถ้าใครเห็นมันน่

แต่น้อยคนจะได้เห็นมัน เพราะกลางคืนมันไปออกทะเลหาปลากลางวันมันนอน มันได้เมียชาวเลมาคนหนึ่ง

ติดกัญชา เลยตามอ้ายหมึกมันมา

ผมเคยพูดด้วยเมีตอนผมไปตีต่อหลุมกับผู้ใหญ่บ้าน

เมียของอ้สยหมึกมันคนนี้

"หล่อนตาดำเนื้อดำฟันขาวจั๊วคนเงียบขรึมไม่ค่อยจะอาบน้ำ หุ่นดีสวย"


ต่อมาอ้ายหมึกถูกจับติดคุกเพราะค้าและปลูกกัญชา ผมเคยไปเยี่ยมเขาที่คุก

คือมันปลูกแล้วพาไปขายเพื่อนทำเรือด้วยกันราคาดี  "คนเลที่อ่าววังเวงบอกยืนยันว่า"กัญขาสูบแล้วกันเมาคลื่นทะเลลึกได้ดี

และมันได้อารมณ์เมื่อจะนอนกกับเมีย"วางั่น" แต่นางเอกผมเกลียดสิ่งนี้ "เพราะกลิ่นตัวเหม็นเขียว" "เธอว่า"

หมึกถูกจับคือมันค้าและส่งไปนอกด้วย

สมัยยุคต้นๆผมเรื่องกัญชานี้คือ

เขาไม่จับบ้าง

และมีจับบ้างไม่ชัดเจน

เพราะผมอยู่มนถิ่นทุรกันดารมาก่อน

และมารัฐเขา

ไม่จับเมื่อพ.ศ.2565นี้ละ!

รวมสามสมัย

ตอนนี้ฟรีแล้วปลดล็อค

คือเสรี

ผมเห็นเขาปลูกกัน

ทันที

พอหาซื้อได้ตามตลาดนนัด

และทางเนตก็ยิ่งสะดวกมาก

แต่ส่ากว่ามันจะออกดอกนั่นยาก

และปลูกแบบมีงบอาชีพลงทุนคงรอดปลูกเล่นๆเหมือนสมัยก่อน

ตายหมด เพราะแมงแมลงอนุพันธุ์ใหม่ระบาดมากตอนนี้และแพงที่จะดูมัน



ตลาดเร็วแบะแรงมาเหมือน

มีแผน แต่เปล่าหรอก"ทางหากินสู้ชีวิต"" ผมว่าน่ะ"


มันมีเยอะและเยอะมากๆมันแพร่ระบาดเร็วมากบนถนนคอนกรีตๆ

จากแนวคิดเรื่องานแนวกึ่งบุปผาชนของ "รงษ์ วงศ์สรรค์(หนุ่ม)"

และจากทางเกวียนที่"หมึก"เคยไปแอบปลูกไว้

ต้นสองต้นตามถนัด




เขาทันสื่อกันเหมือนทำนายว่าได้เวลาปลดล็อกแน่! กำหนดวันโตวันเก็บได้ตามสูตรเกษตรพร้อมปุ๋ยและยากันแมลง แต่ก่อนไม่คิดเรื่องนี้

ชนิดอยากจะขึ้นก็ขึ้น! แบบเสี่ยงๆเอา!

สมัยก่อนแอบปลูกกัน ยากเย็นมาก " ผมดูแล้วขำกลิ้ง"

ทั้วตำรวจทั้งขโมย

พบว่าดินดีทำเลให้จะปลูกก็รอดสมัยก่อนแต่ตอนนี้ขอให้มีเมล็ดอย่าง

เดียว

ต้องคนมืออาขีพจึงจะรอดนะกัญ

ชา

ๆมันทำให้ฝันเคลิ้มลืมความทุกข์

และใส่แกงกินอร่อย อิ่มแล้ว หลับฝันดี บางครั้งออกหวย แต่ไท่เคยถูกกันเพราะมัน

สบายใจไป

แต่กระท่อมนั้นเช่นกัน

สมัยไม่จับ

จับ

แล้วไม่จับเช่นกัน

พบว่าคนติดกระท่อมจะไม่ติดกัญชาแต่คนติดกัญชาจะไม่ติดกระท่อม

กินใบแก่ๆรสขมนิดๆ

กินเขารูดแต่ใบก้านทิ้งแล้วหวนน้ำแต่ถ้าผมจะกินๆทุกอย่าง

กินแล้วขยันทำงาน

สายพันธ์ผมไม่เคยได้ยินในสมัยก่อน พึ่งมาได้ยินตอนยุคปลดล็อกนี้ละ!

กระท่อมกินแล้ว

สู้เแดดและเป็นยา

ผมมีคนรู้จักทำสวนได้หลายร้อยไร่คือเขาถางป่าจับจองที่ดิน

ทำทน!ทำนานต่อเนื่อง

!และมีอุดมการณ์เหนียวแน่นในการทำ"ผมพบ"

และเป็นผู้ใหญ่เขากินกระท่อม

ทุกวัน

กินมากกว้นละอย่างน้อย 20 ใบกินต่างข้าวเลย

แต่ไมพบผู้หญิงที่วังเวงกินกระท่อมคงจะรสขมผู้หญิงปกติไม่ชอบรสขมผมว่านะ!

บางคนเขากินจนลืมกินข้าว "ผมสังเกตเห็น"

แต่ที่ครอบครัวผมที่บ้านวังเวงไม่กินกระท่อมไม่ดูดกัญชา

และกินเหล้าและหมากสูบยามวนที่บ้านตาปลูกใบยาสูบแล้วมวนเอง

ปลูกพลูกินตอนยายมาอยู่บ้านวังเวงใหม่ที่แม่และพ่อผมออกทุน

สร้างให้จากเงินพ่อที่ได้ทุนมาจากการขายก๋วนเตี๋ยวที่พุนพิน

ตอนนี้ตาตายไปแล้วด้วยวัณโรคปอดเรื้อรัง "เชื่อว่า"ติดจากยุงขณะไปทำทางขึ้นเจดีย์ให้วัดป่าแห่งหนึ่งแบบอาสาในเมืองแม่อายเชียงราย เพื่อนมัสการพระธาตุ

หมาก พลู ยายผมติดและกินและเพื่อมีไว้รับแขก"มีเชี่ยนหมากโบราณ" ตาผมไม่!แค่สูบยาบ้างด้วยสูบใบยาสูบปลูกเองเอาพันธุ์มาจากทางเหนือ

นอกนั้นยายไม่นยุ่ง

ดูๆก็ไม่เหมือนกันที่บ้านวังเวงเพราะเพื่อนบ้านกินทุกอย่างแต่ไม่ทำเปิดเผยเท่านั้นเพราะตำรวจจับ

มีการต้มเหล้าเถื่อน!ตาผมจับได้และตาผมเป็นสายให้ตำรวจด้วย

น้าเขยผมคนหนึ่งทำพร้อมเมียแต่ถูกตาจับได้

ถูกตาตีหัวกระบานจนต้องย้ายเมืองไปอยู่ที่อื่น

น้าแก! ต้มเหล้าผมเห็นแกทำด้วยถัง

น้ำมันขี้โล้ขนาดใหญ่สีสนิมเหล็กเป็นเตาต้มทำกันที่บนเขาข้างบ้านวังเวงทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือใกล้ที่สุสานตาตั้งอยู่ปัจจุบัน

ผมก็ไม่ยุ่งพวกนี้

อนึ่งผมเป็นเด็ก

แต่มาผมคือกาแฟชั่นเยี่ยม

และซิการ์มวนเองและซื้อ

และไวน์แดงผมชอบมาก

แต่พอจนหยุดหมด นุ่งลมห่มฟ้าและยึดติดกินปรัชญาเป็นอาหาร

พอมาปลดล็อคกัญชาและกระท่อม

ผมปลูกมันอย่าละต้นไว้เพื่อทำยาคราจำเป็นและสมัครทำอนุญาตที่เขาประกาศมาตามเนตที่สะดวกมาก

เพราะยาแผนไทยแพงขี้นแพงขึ้น จากฟรีๆเป็นเสียเงิน

และปลอมมาก

และทุรกันดารร้านขายยาดีๆ

ผมพบว่ากัญชาและกระท่อมปลอมยาก

นี้คือสิ่งที่ผมชอบ

ส่วนกระท่อมกินแก้เบาหวานได้

กัญชากินแก้ความดันและกินข้าวอร่อยที่มีแกงเป็นกับข้าว

แต่ผมเองไม่ติดสองอย่างนี้ จะติดแต่ความจริงและการถางป่า

และการเฝ้าระวัง"ฝ่ายเอ"บุกรุกทำสงครามชีวิตกับผมเท่านั้นตอนนี้

ที่ผมเฝ้าระวังอย่างจดจ่อ

หลังปลดล็อคกัญาและกระท่อม

พบว่าฝนตกมากและประจำ

แม้ยังไม่ทันข้าพรรษา

ก้าวต่อไปคงเป็นต้นฝิ่นตอนนี้ฝิ่นยังไม่ปลดล็อค

เขาว่ามีฝิ่นปลูกทางการแพทย์ที่ถ้ำเชียงดาวและมีผีเสื้อสมิงอีกด้วยแต่ผมไม่กล้าเข้าไปเที่ยวเพราะน่ากลัวและเขาว่าติดเขตมีทหารและ"ข้อมูลที่ผมได้ไม่ชัด" ผมจึงงดไปดู

ผมเคยเห็นดอกฝิ่นไม้แห้งประดับ"ผมชอบมัน" ที่ดอนปุย เชียงใหม่

ผมเห็นหมอเอามอร์ฟีนฉีดให้ผมตอนผมผ่าตัดมะเร็วที่ต่อมลูกหมากมันแก้ปวดดีชมัดและเชื่อว่ามันแพง ผมทราบว่ามีคนปลูกที่รับอนุญาตเพื่อทำการแพทย์

ตอนผมไปอังกฤษ

ไม่พบกระท่อมและกัญชาและมอร์ฟีนมีข่าวคนอังกฤษถูกจับเหมือนกัน

ผมไม่ยุ่งเพราะถ้าไปยุ่ง ถูกจับได้คือถูกลงโทษถึงขั้นส่งกลับบ้าน

ดีพอร์ตเตชั่น"deportation order"ทีเดียวเสียอนาคต

แต่ไวน์"wine"นี่ผมสะสมทุกชนิดมันถูกมากที่นั่น!ผมสะสมไวน์แดง"red wine และขาว"white wine"และชมพู"ross or pink wineมีด"mead"ไซเดอร์ "cider"วิสกี้"whisky and brandy cognac vat69"

ทั้งหมด ผมเก็บไว้จิบกินยามหนาวและเหงาและยามสมองเฉื่อยชา


ผมจำได้ว่าผมเคยพูดคำนี้ตอนผมอ่อนภาษาอังกฤษคือชื่อหนังเรื่อง

"Gone with the win พูดเป็นgone with the wine"นางเอกฟังผมพูดผิดเธอหัวเราะขำกลิ้งเธอเป็นนักเรียนเก่าสหรัฐฯขับรถฟอร์ดมัสแตง( Ford Mustang)"พ่อรวยเป็นเสรีไทย

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ห้อง4/106

4/106(19)4/104มื้อต่อไป


"มื้อต่อไป"
-Next time.... "-

        ผมคิดเสมอว่ามือต่อไปจะกินอะไร?มิใช่เห็นแก่กินแต่ผสงสารน้องอินเทส(กระเพาะ)
       ในบ้านแบบเข้าครัวทำเองหรือนอกบ้านเลือกซื้อกิน"ตามชอบ"
      ผมเลือกในบ้านมากกว่า"เมื่อเวลาให้โอกาสผม" ยุคโควิดและยุคสงครามยูเครน และยุคเด็กใหม่กำลังฝึกงาน"บู้บุ้น"เพื่อคนสมบูรณ์ตามทัศนคติของชาวตะวันตก

      นี่คือสงครามชีวิตช่วงเกิดสงคราม
ยูเครนผมตอนนี้
      ช่วงเงินเฟ้อไม่หยุดหย่อนแห่งที่"ผมคิเว่า"มิใช่ไทยทำไทยใช้แต่เป็นยุคเขาทำเราใช้และเขาใช้เราทำ
       มันติดๆฝืดๆสำหรับผมตา
มธรรมเนียมคนโง่ในฝักและฝักใฝ่อมภูมิ นิยายนี้มิใช่คอลัมน์น่ะปมกำลังเขียนนิยายสมองผมไปไม่ทันกับการเขียนคอลัมน์  แม้ผมเคยเขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์แถวสุรวงศ์หน้าโรฝแรมโทรกาเดโร(Trogadero=โรงแรมสมัยสงครามเวียดนามคนฝรั่งขึ้นมาก ผมจำได้)มาก่อน(แต่มิใช่นสพ.เดลินิวส์ เพราะสมัยก่อนเดลินิวส์อยู่แถวนั้นเหมือนกัน)


        ทุกๆอย่างแพงขึ้นๆอย่างไม่ไว้หน้าคุณค่าของเงินบาทเลย แม้เงินบาทจากแรงงานตอนนี้กำลังฟิต
เปรี๊ยะ(2565)เลยคืองานคือเงินและดีเมื่อเทียบกับวันวานเมืองไทยสยาม(Thai-Sima or Siam -Thai)ย้อนยุค
       เอาแน่เอานอนอะไรไม่ค่อยจะได้กับความจริงประเภทนี้ ตอนนี้
นี่ไม่ว่าอะไร"มันก็ขึ้นๆลงๆ"(2565)
      ผมจึงต้องระวังการใช้เงินอย่างมีพลังเป็นบวก
      ผมได้เงื่อนไขและความคิดบางอย่างในเรื่องกินขึ้นมาจากลุ่มคนในยุค2565นี้
      เดิมทีผม
ไม่เคยสนเรื่องกินเลยในอดีต
คือผมขอให้ได้อิ่มก็พอใจ อะไรก็ได้สะอาดและเป็นอาหารคนแล้วกันเพราะคนมิใช่แมว
      แต่ตอนนี้ขอให้ได้กินสิ่งที่มีรสและเป็นสิ่งที่มีชาติ
       ด้วยผมจึงจะอิ่มและพอใจและพอเพียง(sustained economy)
นั่นคือต้องเลือกแบบครัวเราเองที่ทำที่บ้านเราเทำเอง ล้างเองปัดกวาดเอง แต่ถ้าปวดท้องมาก็ไปหาหมอเสียเงินให้ทันที

       หรือเปิดร้านขายเองข้างถนน(street foot)  ขายของกิน
ขายสิ่งของ
          ที่ขอบกินแล้วเรสชอบกิยไปเลยเล่น ถ้าชอบชอบกินปูก็ทอดปูเผาปู
ย่างปูกินที่สำคัญผมชอบไปย่ายกับข้าวที่ตลาดเองไปคนเดียวพอ
 ตามสูตร"ถ้าไปคนเดียวหิ้วไม่ไหวคือ"พอ"จบ"
         ลุงผมคนหนึ่งรูปหล่อสูงปานกลางหูยาวแต่ผอม
มีปืนพออนุญาตมีทะเบียน
        ผมเดินด้วยเท้า5กิโลไปหาลุง
จากบ้านแม่ที่วังเวง ระหว่สงหีบเขากียทะเลลึกมีหน้าผา

"ลุงผมมีปัญหาช่วยตีตั๋วเข้ากรุงเทพฯให้ผมหน่อย
      พอดีแม่"ไม่ว่าง"ไปหยิบเงิบเงินให้ที่ซ่อนไว้ให้ผม

      และพ่อก็อยู่บ้าน แต่พ่อผมตามสูตรคือ"ไม่อยากให้ผมเข้ากรุงเทพฯ"
    "ทันที"ที่พอลุงได้ยินผมบอกเพียงคำนี้เท่านั้น
      "ลุงปมจัดให้โดยจัดการให้เด็กไปส่งผมพร้อมค่ารถแอร์ทัวร์เข้ากรุงเทพอย่าง
เต็มใจ
        ลุงผมกับแม่เป็นเพื่อนรักกันมาก
นอกจากความเป็นญาติกัน
        แต่กับพ่อผมลุงไม่ค่อยกินเส้นกันแบบพบกันก็พูดกันอยู่แบบ"ถามคำตอบคำ"งั้น
            ขณะที่ผมยืนรอลุงจัดการให้เด็กรับใช้ไปส่งผมที่สถานีรถ
ทัวร์
             เมียสาวสวยหุ่นนางงามของลุงบังเอิญ"แวบ"ผ่านมา แต่เมียลุงคนนี้ไม่มีความรู้ สวยอย่างเดียวได้เดินแบบอะล่องฉ่องออกมาแบบไม่ไว้ตัว
       จึงมีคำถามตามมาว่า
ก่อนผมมาเอ่ยปากขอค่ารถทัวร์เข้ากรุงลุงกับเมียน้อยคนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่รึป่าว!
       ผมตอบว่า"ไม่" ไม่เห็นเขาำอะไรกัน
         ผมห็นลุงกำลังนั่ดองยองถอนหญ้าหนวดฝอยเล็กๆหน้าต้นปา
ล์มที่ลุงปลูกไว้ดูเล่นที่หน้าบ้านอ
ยู่อย่าง
ตั้งใจและขมักขะเม้น
ม้นมีท่าทาวดูลุงมีอารมณ์แบบเอางาาเอาการ
        เพราะถ้าเขากำลังมี"ซำซิงรองกันอยู่"(Something wrong) กันอ
ยู่
          ผมพอมาถึงเที่ยวขอโน้นขอนี่กับลุงมันไม่ถูก ท่านเรียกว่าไม่มีมรรยาท  และไม่ไว้หน้ากัน
"ว่างั้น"

         เมียลุงคนนี้เป็นคนล่าสุดของลุง
          เธอโผล่ออกมาถามลุงว่า
"พี่!วันนี้จะกิเงินอะไรดี"
ลุงเงียบนั้นภาษาชองลุงคือ "คืออะไรก็ได้ที่เธอก็ชอบ"

          ลุงเคยมีเมียแล้วแต่เมียคนแรกตายไปมีลูกหลายคนๆหนึ่งเป็นกำนัน คนหนึ่งเป็นโรคเอดส์ตายคนหนึ่งต่อไปคือเป็นหญิงไปเป็นเมียนายตำรวจใหญ่และลุงยังมีลูกยกอีกหนึ่งคน

           เมียน้อยคนนี้รู้จักหน้าที่ดี
ลุงได้เมียคนนี้มา
           ตอนที่ลุงไปทำสวนยาง100ไร่ๆนี่น่ะบอกได้เลยอีก10ปีหน้าลุงผมคนนี้รวยเละ 
คืนละ10,000บาทขึ้นไป"ลุงผมเฉยๆนะเรื่องนี้ แต่ทำ"
           มันเป็นที่ทางใต้ห่างจากบ้านลุงไป100กิโลเมตรไกลรถยนต์ผ่านเส้นทางหลวงหมายเลขสำคัญ"อิส
สะเตินซี"(Eastern Sea Board) -sea side highwayของไทย
       ผู้หญิงที่ลุงนำมาเป็นเมียน้
อยคนนี้มิใช่ แนวทางการแสวงหาเรื่องสุขสุดชีวิตตามปรัชญาทาง
เพศที่ลุงจะมีได้อย่างมนุษย์เพศชายทำนะ
       คือในบั้นปลายชีวิตของลุง
แต่ว่า
แต่ว่าลุงต้องการ"คนทำครัวกินได้ทันที"เท่านั้นเมื่อมีอารมณ์บริโภคนิยมและเอมมาทำเมียด้วย และเป็นเมียจริงๆด้วย "มิใช่หลอกมา"
       ที่กล่าวอย่างนี้เพราว่า เพราะ"คนเราเมื่อกินอิ่มได้อร่อยหมัดแล้ว
        ก็จะมีสิ่ฝตามมานั่นก็คือได้นอนอย่างอิ่มอร่อยและได้เสพกามบ้างที่มันเป็นธรรมชาติและวิทยาศ
าสตร์ของคน" ผมเชื่อว่าทุกยุคทุกสมัยแต่โบราณกาลนานมา

         และเท่าที่ผมสังเกตตามหลัก
วิทยาศาสตร์ที่จะพึงเป็น
คือพบว่าเมียน้อยคนนี้เขาก็รู้
หน้าที่ว่า
        "ในวันๆหนึ่งเธอไม่ต้องทำอะไร
คอยหาอาหารทำอาหาร
ให้ผัวกินอิ่มอร่อยถูกปากถูกคออย่างเดียว"
 "นั่นคือภารกิจขิงเธอ" นั่นเป็นสิ่งที่ลุงชอบโปรดและพอใจ มากว่าจะมานอนกอดกันให้สนุกสนานสำราญใจและอย่างเมามันส์แต่เท่านั้น" 
          เพราลุงผมแกมีปรัชญาว่า "นอนกอดกันและเสพกามกันต่อหลังมื้ออิ่มถนัดอร่อยถนัดแล้ว
          มันก็แค่นั้น คนในโลกนี้!
เรื่องอย่างนี้น่ะ!
พอน้ำกาม(น้ำอสุจิ)ออกจากอสัยวะสืบพันธ์แล้ว มันก็คือ"บ่มิก๊าย=ไม่มีอะไร" สักนิดเดียว"ผมคิด" ว่าลุงคิดเช่นนี้ ถ้ามิฉะนั้นลุงจะไม่รวบแบบที่ตาผมเห็น
คนเราน่ะ เงินหายจนยากจนหมด
ตัวก็เพราะ
          การเงินหย่อนเสถียรภาพ
นั่นคือเสียไปเพราะ  ก็คือ รถ ผู้
หญิงกินเที่ยวเสเพลการพนันเหล้า
การสะสมของรักเท่านั้น
ถามว่าผมรู้ได้งัยลุงบอกรึ!
คำตอบคือ
         ผมมองตาลุงออกเมื่อ
ได้พบคุยกันกับลุงผมทุกครั้ง แม้
นานๆสักครั้ง เพราะแม่ผมสั่งมาว่า"อย่าไปกวนลุง"
        ลุงคนนี้เขาเคยอยู่ที่บ้านตาสมัยเริ่มต้นชีวิตเป็นครอบครัว
คนทะเลแบบชาวประมงหน้าใหม่ต่อทุ่งทะเลดำแถบนี้

       ต่อมาเริ่มต้น ชีวิตแม่ของลุงตอนนั้นอาชีพหาบปลาขายตามหมู่
บ้านส่วนผัวของแม่ลุงผม
หาปลาทะเลกลางคืนดูดฝิ่นตอนหัวค่ำ
      แม่ของลุง แกต้องการให้ลุงมาเพาะนิสัยสร้างตัวจากตาผมไว้เพราะตาผมเป็น
         โดยเครือญาติคือแม่ของลุงเป็นน้องสาวตาผมและผัวของแม่ของลุงผม
         นั้นตาผมเป็นคนชวนมาจากเกาะไฮหลำ(Hainan Island)
ประเทศจีน(People's Republic Of China)
เพราะตาผมมีบรรพบุรุษบางส่วนจีนอยู่ที่เกาะไฮหลำ(Hainan Island)จีนก่อนเป็นจีน(People's Republic Of China)

          ต่อมาลุงคนนี้
หลังแต่งงานเสร็จกับเมียจากคนประมงเช่นกัน แล้วมาคิดตั้งตัวจนรวยสุดยอดในถิ่นชายทะเลที่ดำมืดมิดแหงนี้ที่มีปลาอินทรีย์(mackerels)ปลากราย(SPOTTED FEATHERBACK)ปลากระพง(snapper)ไม่ค่อยมีหอยนางรม(oyster)เว้นออกไปไกล
ทะเลที่เกาะเทลาคุมที่มีทหารรัสเซียสมัยสงครามโลกครั้งที่2คนหนึ่งเรือบินมาตกที่เกาะนี้แต่เขารอดและเป็นชาวป
ระมงที่เกาะเทลาคุมนี้และแต่งตงานกับชาวเกาะที่นั่นและตายลงที่เกาะนั้นศพและสุสานฝังไว้ที่นั่น
ผมเคยไปเที่ยวและเห็นมา
สุสานเขาฝังลึกลงไปในดิน มีเพียงแท่นปูนให้เห็นกันคนเหยียบและสะดุดเพื่อให้คนสังเกตได้ที่เดินผ่านๆมาว่า"นี่คือที่ฝังศพคนตายคนหนึ่งเป็นชาวรัสเซียที่ไม่กลับบ้านหลังสงครามโลกยุติลง"
ที่เกาะโคเลรุมนี่ล่ะ
มีหอยนางรมเยอะ
          โดยในแถบทะเลด้านนี้ที่ลุงอาศัยอยู่และลุงโตมากจากอาชีพขายปลาเนื่อดีหอมหวานหลากชนิดปลาทะเลและปูม้าและหอยแครงและหอยตลับ
           ลุงผมคนนี้ส่งทางเรือเข้ากรุงเทพฯทุกๆวัน
จนราย
        และสร้างสวนยางในตอนต่อมาและเรื่อยๆสืบๆ
        ต่อๆมาๆและลูกชายลุงที่เป็นกำนันหนึ่งคน
         ต่อมากำนันตั้งภัตตาคา
รกลางคืนชนิดไม่โต้รุ่งมีอาหารทะเลมีบ้า
นตากอากาศดับคนเที่ยวไม่มีซ่องโสเภณี(กระหรี่) มีบ้านติดชายหาดทะเลลึกนั้นมาก
มีชาวบ้านพักใกล้กันนั่นอีก มากแต่สงบเงียบ คนที่นี่มีนิสัยไม่ชอบออกนอกบ้านเพราะกลัวผีหลอก
เคยมีคนมาตายที้นี่มากสมัยสงครามผมได้รายละเอียดเท่านี้
และปกปิดชื่อจริงเป็นมิใช่สารคดี

           ก็เหตุผลเดิมที่แม่ของลุงผมมาตั้งรกรากชีวิตที่นี่ที่ติดอยู่กับทะเลคือคือที่ทะเลได้กินของทะเลด้วยได้ขายของทะเลด้วย สิ่งน่ากลัวกับทะเลคื
อ เสียงคลื่นใหญ่กระทบฝั่งและพายุ แถบนี้ไม่มีโจรสลัดมาถึง
           เงินทองของลุงจึงไม่หล่นไปในไกนจะหล่นก็ในหนองๆของลุงเอง ผมว่านี้เป็นกู้ดไอเดีย
             ผมจะเอาอย่างบ้างถ้าจบสงครามแล้วถ้าผมไม่ตายเสียก่อน








          สิ่งที่ผมต้องทำในบ่ายวันนี้คืออะไร
          ผมจะปิ้งปลาทูที่เอามาจากทะเลตืเอสนมา

           ปลาทูย่างชนิดสุกมากจนเกือบไหม้เพราะจะได้ยั่วจมูกแมวเพื่อแสดงความรักของมันให้ผมเห็นและจมูกผมจะได้หอมชื่นใจ
          ผมนำปลาทูย่าง
มาตำกับมะเขือเผา
ผสย่สงเนือนอกไกม้
และหัวหอมแดงใหญ่แ
ละพริกหยวกสด
ตำผสมกันละีลียดปานดลางเพิ้มะริดขึ้หนูเผ็ดๆ(พริกจึ้หนูเม็ดเล็กสายพันธุ์ขี้นก2-4เม็ด
ผงชูรส
เกลือนิดนึง

แล้วก็กินมันกีบข้าวเหนียวนึ่ง ไม่มีตัวนี้ผมก็ข้าวสวยล่ะ
สรุปอร่อยไปเลยและอิ่มแล้วนอนแบบพอเพียง


ทางเลือกใหม่ของปัญญา
ผมก็ถางป่านี้ล่ะ
มิใช่ถอยหลังเข้าคลองน่ะเเต่มันเป็นสัจธรรม
ผมเอง

เมื่อเข้ากรุงมันก็เหมือน
บ้านนอกเข้ากรุงเด็กเลี้ยงควายเข้า
กรุงว่างั้นถ้าเป็นในอังกฤษ ก็เป็นเด็กเลี้ยงแกะ
อะไรบ้างที่ผมด้อยปมก็แก้ปรับแต่ง
อย่างค่อยๆซึมทราบ
เน็คไทด์ติดคอผูกไม่เป็นก็หัด
ทำเดี๋ยวมันก็เป็น
ที่อังกฤษเขาเรียกว่าwhite collar
คือคนผูกเนคไทด์ไปทำงาน

พ.ศ.เทียบค.ศ.หรือกลับกัน
ก็543ผมจำไว้ พศ.มากกว่า
ก็เมื่อเจอก็ไปลบบวกตามใจชอบ
ได้ผลออกมา"จบ"

เจอตัวเลข2ตัวฝรั่งเป็นยุค
เช่นยุค60 คือ1960ในช่วงนั้น
มีอะไรคือยุคนั้นๆ
การนับเช่น นับจาก..ไป..จนถึง
(1960-1970 อย่างนี้
นับตัวถัดมาคือ59เป็นต้นยุค60
ไปจน70บริบูรณ์(1970)
มีมากมายมันไม่ใช่ความรู้รอบตัว
แต่มันเป็นชีวิตเลยล่ะ
ผมถูกฝ่ายเอกวน สมาธิสั้น แต่ผมก็ทำได้งี้ก็ะอใจแล้ว เพราะผมได้อาศัยไปเปิดหูเปิดตาเมืองนอก
และมันคงไมมีอีกแล้ว ก็เหมือนว่า
ตอนนี้มันเป็นระบบปุ่มรูดสัมผัสหมดแล้วไม่ใช่ระบบกดเหมือนแต่ก่อนนึ้(เทียบมือถือ)
Cent=100
Millinium=1000
k=1000.
 1k=1000
Bi=2
......เพียงสะกิดจำๆนอกนั่นเนตมี
ถ้าเนตไม่ล้ม
คิดๆไปดูจิกซอร์ไปเป็นเอง"ผมว่า"
เขานับกันๆผมต้องตามหัดทำความค
ล่อง ไม่กล้าถามแฟน(นางเอก)"อาย" จึง"อายครูบ่รู่วิชา"
เมื่อเนตมาแรงการแพร่มาไวผมเล่นมันถ้าพลาดก็ถูกปิดกั้นการมองเห็น จึงต้องระวัง ถ้าผิดไปก็เจอกับตำรวจพระเอกต้องเจียมตัวด้วยว่างั้น"มิใช่โลกมันยุคฉกฉวยช่วงชิงหรอกมันเป็นธรรมชาติ "ผมว่า"

ผมตอนอยู่ปารีสได้ผมปผู้ช่วยเลขายูเอ็นพอดีผมอยู่ห้องเดียวกันกับลูกสาวท่านท่านมาเยี่ยมลูกสาว
(ห้องงเดียวกันไม่มีอะไรกันน่ะ ก็
ผมไม่
ยุ่งผู้หญิงและมิใช่กะเทย)"
ผมจึงคุยกับท่าน
ผมถามตนเองว่า
เรามาถึงจุดนี้ได้งัย
คำตอบคือ
ผมอาจถูกเทวดาดลมา
แต่อาจจะเป็นตัวแปรเชิงสุ่ม เพื่อการมองสังคมจากหน่วยเกนือทพมาและก็ทำไปก็ได้
ผมจึงได้ข้อสรุป"มันปกติ"
เพราะโลกเราก็มีแต่ยูเอ็นและอื่นๆที่ให้เงินกู้มากเพื่อพัฒน์ประเทศที่ตามอเมริกาไม่ทันให้ทัน
ผมคิดวงั้นเสีย
มันก็คล่องคุยกันกับท่าน
สองคำเท่านั้น
เพราะผมแหลง(พูด)อังกฤษบ่ค่อยดี
มันก็เป็นอีกเวอร์ชั่นนึง
ของมนุษย์
            ผมกีบนางเอกชาวอิตาลีคนนี้เธอทางไกลข้ามทวีป
โทรมาให้เขียนหนังสือและวาดภาพหน่อยยามว่างน่ะ!ขณะที่ที่ตาและมือของผมยังหายใจได้
           นางเอกคนนี้พบกันที่คอร์นวอล เทอเรซCornwall terrace,(คฤหาสน์ชั้นเยี่ยมแห่ง
หนึ่งของมหานครลอนดอน)ที่ใกล้ London Baker street. มีทีวีออกข่าวมันเกิดในยุค
ช่วงวัฒนธรรมคณะดนตรีดังระดับ
โลกสี่เต่า(Beatle lonely hearts club
 band:John Lennon ,Gorege Harrison ,Ringo Star ,Paul McCartney.)ทองกำลังระบาดในอังกฤษ
           แต่พอกลับไทย
เพื่อนผมทุกคนชม
"แน่มาก"
ผมยิ้มนิดๆแฝงรอยภูมิใจและเจ็บปวด "ผมคิดในใจต่อ"อย่าเอาอย่าผมนะ อันตรายน่ะชีวิตผมต้องห้าม
ผมหนีพ่อผมมา พ่อผมกำลังตามหา
จึงเกิดวิปโยคชีวิตสงครามในนิยายนี่ขึ้นมา
แต่ผมตั้งหมากคำต่อไปนี้ไว้ให้เพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อว่ส"เมย์"คิด
ก่อนที่เวาไฟฟ้าหน้าบ้านวังเวงจะถูกพายุพัดน้ำท่วมด้วยและล้มทับ
จะเกิดขึ้น
มีดังต่อไปนี้ที่"ผมบังเอิญเป็นและไม่เป็เพราะเหตุอะไรนั่น
คือว่า:
บุญบันดาลน่ะ
กรรมพาไป
ถามว่าคนชอบกวนผม
ทั่งๆที่ผมไมีมีอะไรชวนกวน
แสดงว่ามีสงคราม
อะไรคือสาเหตุ
ความไม่เท่าเทียมกัน
อดอยาก
โชคดีโชคร้าย
กดทับกีดกัน
การแข่งขัน
รวยจน
โง่ฉลาด
สร้างมาไม่ถูกสร้าง
กำหนดไว้ไม่กำหนด
มีทางออกไม่มีทางออก
ถูกปิดกั้น ไม่ถูกปิดกั้น
จัดฉากไม่จัดฉาก
ทฤษฎีการการดันทุรัง
เสรีไม่เสรี
ทาสและนาย
สรุปคือสงครามชีวิตสำกรับผม
เพราะมันเชื่อมโยงยังกะลูกโซ่
ถามว่าแก้ปัญหาอย่าง!
"หายใจเรื่อยๆ"
นั่นคือคำตอบของผม
หลังจากผมหนีพ่อมา40ปี
จนพ่อผมตายลงผได้กลับมา
อุ้มศพพ่อผม
          แต่ที่ผมจำแม่นตอนก่อนสอบชุดครูได้คือเพื่อกันทำอักษรวิบัติ
ชนิดจำมาคือกลอนสั้นอักษร3หมู่ะพยัญชนะไทย
1.ไก่จิกเด็กตายทบนปากโอ่ง (อักษรกลางไทย 9 ตัว  ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ) 
2.งูใหญ่นอนอยู่ที่วัดโมฬีโลก
3.ผีฝากถุงข้าวสารให้ฉัน อักษรสูง  ไทย 11ตัว คือ ผ ฝ ถ ฐ ข ฃ ส ศ ษ ห ฉ  
นอกนั้นมีชนิดเสียงต่ำๆ
ต่ำมีคู่และเดี่ยว คือคู่ๆคือออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนคนอย่าง
4.เพื่อนซี่ใครขอบทำฟันฮะ
5.พ่อค้าฟักทองซื้อช้างฮ่อ
ผมท่องจำเวลาไฟดับเนตล้มครูไม่ว่าง ผมเขียนสงสัยเขียนไทยผิดนึกตัวนี้
         และตอนผมเรียนที่CFE(Oxford further education college evening class  ทุนOxford council)อยู่อังกฤษผมได้มาคือที่แม่น โดเรทีฟาซอลลาทีโด
The rain in Spain stay mainly in
 the plan.(lyric)  ฝึกลิ้นทำภาษีพูดเลียนเสียงให้เหมือนเมืองแม่เขา

ต่อมา

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ดีออเรม

Dekdee. com
นิยายที่

        Theorem
"คนถางป่า" นวนิยาย


Pugio theory

 จึงเกิดทฤษฎีปูจิโอขึ้นมา
นั่นคือความจริงปรกฎหาร
ด้วยความจริงแท้ เท่ากับ1 เสมอ
ถ้ามากว่ากนึ่งหรือน้อยกว่าหนึ่ง
มันก็เป็นความจริงแท้เช่นกันแต่ต้องรพิสูจน์เพิ่ม

เช่นนิพพานในพุทธศาสนาได้อย่างไร
เอานิพพานเชื่อว่ามีอยู่จริง
ตั้ง
และหารด้วยนิพานปรากฎมันมีค่สเท่ากับ1
หรือ-1หรือ+1
ก็เป็นนัยเดียวกัน

ถ้าหาไม่พบยังไม่น่าเชื่อถือ
หรือรอพิสูจน์แสดงว่า
ติดลบหรือเกินจริงมันก็ติดเครื่องหมายบวก

สมมุติว่าทฤษฎีสัมพันธภาพและอื่นๆทุดชนิดของท่านไอนสไตน์
มาตั้วหาร
เอาความจริงปรากฎๆนี่คือทำให้เกิดนิวเคลียร์ได้จริงก็มีค่าเทากับ1

ทั้งหมดสรรพสิ่งทำด้วยวิธีนี้
มันจะพบว่า ทุกอย่าง
ไม่ว่า
จิตนิยมหรือวัตถุนิยม เป็น"ว"

หมดฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า
วัตถุนิยมและจิตนิยมเป็นหนึ่งเดียวกันไม่มีคำว่าแยกจากกัน
เพราะความจริงแท้ของ2สิ่งนี้มียู่จริงเป็น"ว"นิยาม

เพื่อนผมที่Oxfordบอกว่าผมGenius
ผมอมยิ้มจิบไวน์แดงต่อ
เพราะผมไม่รู้ว่าคำว่ามันคืออะไรกันแน่แต่มันมีความหมายต่ำ
กว่าคำว่า
ผมจึงอมยิ้ม

ที่ผมคิดได้อย่างงี้ เพราะผมต้องการจ่ายค่าไวน์ให้เพื่อน
และยกฐานะความเป็นเด็กหนีพ่อมาจนถึงออกร์ฟอร์ดนี้เป็นอุทาหรณ์

เธอยิ้มตอบง
แสดงอาการว่าไม่ถือ
แม้ผมจะเป็นคน(Colour)สีผิวเหลืองและเธอเป็นสีผิว