วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

การตายของคีโนฟ

การตายของคีโนฟ


มีวิญญาณที่8มาสั่ง
ิเมทิกับเว่หลางเป็นเพื่อนกันครึ่งทางเมทิเป็นลูกครึ่งรัสเซียและเว่หลางเป็นคนจีนจากแคว้นแมน
จูเรียแตใช้ชีวิตในโลกตะวันตก
รายละเอียดนอกนั้นไม่มี
แต่สองคนรักกัน
ทั้งสองลี้ภัยมาหาความสงบในโลกใหม่เพื่อรสิริอันสิริวิไลซ์ของชีวิตด้วย
โลกทัศน์แห่งความเป็นมนุษย์ผู้อยากเสพชีวิตที่
มีรสนิยมใหม่
จากคนทีมีสกุลดีพื้นเพ
มาสู่การที่ชีวิตมีแบบ

ทำงานแลกกับเงินเพื่ออิสระในการเลือกกินสิ่งดีในตะวันตกที่เชื่อมีเสรีกว่า
ในมุมมองของโลกใบนี้
แต่ที่จริงมันก็ตกอยู่ในโลกของของสัง
คมที่มีการบริโภคลัทธิเป็นปรัชญาซึ่งเหนือกาเมืองและอุดมการณ์อื่น


โทรจันอีกคนหนึ่งชอบฝัน

ไม่มีปรัชญาและกาเมืองใดๆคือคิดอย่างเดียวว่า
วันๆหนึ่งทำอย่างไรจึงจะมีขีวิตรอด อยู่และสบาย
ก่อนความตายจะมาถึง
ก็โทรจันนี่เองเป็นพระเอก
ของเรื่อง เพราะเขาพบว่า
ตนเองกำลังถูกกำหนดให้ตายเพื่อผลประโยชน์ของชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง
ที่เน้นการได้ประโยชน์จาการตายของคนหนึ่ง
ที่ล้ำเส้นกว่าที่สัปเหร่อได้รับจากค่าจ้างเผาผี เมื่อมี
กาตายเกิดขึ้น
เขาพบว่า มีคนทำเพื่อเร่งเขาตาย
และผลักดันให้เขาทำนิติกรรมอำพรางทิ้งไว้ก่อนโทรจันตายและเขาเสียรู้ทำไปแต่โชคร้ายที่เขามีพินัยกรรมไว้แล้วตอนตบมฟาวิทยาลัยใหม่ๆ 50ปีต่อมา
แต่เพราะเขาลืมไปเพราะระยะหลังเขาติดกัญชาและถูกเร่งตาย
นิยายเรื่อง"การตายของคีโนฟ"
นี้จึงเกิดขึ้น



วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563

มกุฎราช...ใต้พิภพ

เนื่องจากกฎเทคนิคเรื่องนี้บางตอนศูนย์หายกู้คืนยากจึงกำหนดเป็นเสมือนเศษนิพนธ์
มาร์ตรีนิอิ
บทที่29
ในกรุงเซยิ


กรุงนี้ไม่มีหนูยุงและแมลงวันและห้ามกินค
นแต่ห้ามเดินทางออกนอกเกาะในยุคราชินีเมทิมหาราชครอวงราชย์
เพราะทีโรคติดต่อกลับมาึาตทยถึง4ล้านคน
ตอนนี้ึคนบน
เกาะนี้เหลือน้อย
หากใครไม่เห็นด้วยราชินีเมทิก็จะทรงฆ่าตัวตายทันที

วุฒิพฤฒิสภาของมหาราชินีเมทิลาออกหมดกลับไปเป็นเผ่าตามเดิม และกินเจกับจิ้งหรีดยักษ์ดำรงชีพเพื่อหนีภัยฝุ่นยักษ์ทำลายโลก
ฝุ่นยักษ์มีพลังเหมือนนิวเคลียร์พลังสูง
คนจะตายหมดทั้งโลกและทุกเกาะเว้นเกาะกินเจเท่านั้น
          เพราะ มนุษย์ในจักรวาลทุกเดือนมีการทะเลาะกับพระเจ้าละเมิดอำนาจและขาดความยุติธรรม มีแต่เมืองเซนิรอด
และเมืองในอุดมคคิที่มีอมนุษย์อาศัยอ
ยู่ในร่างนิรนามแห่งเทวดาเท่านั้น
         นี่คือคำทำนายของปโรหิตของพระนางเคมินาราชินีองค์ก่อนของกรุงเซยิที่ทีอายุสามร้อยปีก่อนราขวงศ์เซยิปัจตจุบันจะอุบัติเมื่อ2,000ปีที่แล้ว

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ชาวเนนิบทที่28สงครามและความฝันในยุคทองแห่งราชินีเมทิมหาราช                บทที่28          สงครามและความฝันในยุคทองแห่งราชินีเมทิมหาราช          เมื่อพระสวามีขอวพระนางตกเรือเหาะอลาดินที่เกาะนางเงือกกับฤาษีผู้ขมังเวทย์จึงเกิดการเปลียนแปลงระบบปกครองเมืองเซยิเพราะมีกษัตริย์องึ์ใหม่และที่สำคัญเป็นผู้หญิงทรงพระนามว่า พระเจ้าเมทิมหาราชที่5การแต่งตั้งและโองการทั้งหมดฝืนกฎเก่าทั้งหมดเช่นการนามสิ่งต่างๆเป็นอัตลักษณ์ของราชินีเมทิลทั้งหมดเพราะหัวหน้าเผ่าและกรรมการเผ่าเริ่มเป็นคนเฒ่าชะแรแก่ชราหมดแล้วที่สำคัญหาคนสานต่อเก่ายากเพราะส่วรใหญ่คนเก่าไม่มีบุตรเหตุนี้ผู้สันทัดกรณีจึงทำนายว่า กรุงเซยิจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหลังการผลัดแผ่นดินเช่นกษัตริย์ใหม่ สาธารณรัฐใหม่ ราชวงศ์ใหม่ ประชาธิปไตบใหม่เผด็จการใหม่ แต่ที่สำคัญกรุงเซยิ ใช้การปกครองแบบชอบธรรมคือตามชอบของสมาชิกในสังคมที่ไม่มีเหตุผลส่วนตัวแอบแฝง แน่นอนปรัชญาของชาวเซยิคือ "ความตายเป็นอมตะ"จากหลักนี้ราชินีเมทิทรงมองเห็นอำนาจและความคิดของพระองค์คือมิติรวมจากสูตรที่ว่า The King can do no wrong.ราชินีเมทิจึงตั้งชื่อหีวหน้าเผ่าอละคณะทำงาน้ป็นประธานมหาพฤฒิสภาแห่งชาติขึ้นมามีสมาชิกถาวรไม่ถาวรมีสถานะเป็นประธานาธิบดีของเซยิในทางพฤตินัยราชิยีเมทิเป็นสทุนรับใช้ของหัวหน้าเผ่าคือสภาและปรัธานาธบดีส่วน่ชินีเมทิทางนิตินัยเป็นผู้ปกครองเมืองเซยิและประธานาธิบดีเซิทีตั้วมาจากหัวหน้าเผ่าทีสถานะเป็นที่ปรึกษาของราชินีเมทินั่นองเกิดทีคณะยถคคบโผล่ขึ้นมามีฤาษีขมังเวทย์ตนหนึ่งตองการืำสงครามกับนางเงือกเพื่อแย่งพระศพพระราขาเซยิที่4ที่นาวเงือกพาไปเก็บไว้ที่ใต้บาดดาลภายในเกาะนางเงือกจึงใช้ต่อยักษ์เป็นทหารและอาวุธในการบต่อยักษ์นี้มีพิษมากถ้าต่อยใครแล้วผู้นั้นต้องตาย มแรงบินความเร็ว400กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิษมัค่าเท่าหีบไฟหนึ่งเควิลโวลต์ แรงมากแต่ต่อยักษ์นี้ ไม่ต่อยคนเซยิเพราะมีกลิ่นสาปเดียวกันเป็นอาวุธของชาวเซยิต่อยักษ์นี่พวกโจรสลัดกลัวมากพระนางเมทิมาราชดำริทำทางด่วนไปดาวโลกพระจันทร์และดาวพระพุธและดาวพระอาทิตย์และดวงอื่นๆในยุคพระองค์ เพราะพระองค์มีพลังนิวเคลีย์มนต์ดำมหานิรภัยที่สามารถเนรมิตและทำลายสรรพสิ่งได้ที่ได้มาทรงบรรจุในตู้พินินัยกรรมห้ามใครรู้จะเปิดได้หลังพนะนางสวรรคตแล้วโดยกษัตริย์แห่งกรุงเซยิพระองค์ใหม่เท่านั้น


งานชนิด้เศษนิพนธ์เรื่อง "มกุฎราชกุมารใต้ดิน"

บทที่24

เมืองกิเนบทที่24

เมืองกิเน
เมืองแห่งอุดมคติของมนุษย์ถูกนำมาเล่าโดยนิเนก่อนที่นิเนเป็นลมสลบไปเพราะลืมหิวอาหาร
และตายไปก่อนที่นิเนจะเล่าจบบริบูรณ์ ในขณะที่ราขินีเมทิติดใจในคำเล่าของนิเนจนบรรทมหลับและนิเนก็ไม่ทราบว่าราชินีหลับแล้ว
เพราะตนเองจะแหงนมามองหน้าราชินีเมทิขณะเล่าด็ไม่ได้อันเป็นกฎของกษัตริย์เซยิ


มหานครกิเน......
......


.......






"นินา"
ข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ของราชินีเมทิ
เล่าต่อเรื่องเมืองมิลเลย์




และท้ายสุดนินาเป็นลมสลบไปและตาย แต่ราชินียังไม่ตื่นจากบรรทมเลยเพราะเหนื่อยจาดการเงี่ยหูจากททาสนินาด้วยควสมสนพระทัยมาก และนินาพูดภาษาเซยิแบบบ้านนอก ราชินีนั่นเป็นชาวต่างชาติที่ดษัตริย์เซยิได้สถา
ปนาขึ้นเป็นราชินีหลังพบกันได้ครั้งดียวหลังจากที่ทหารของพระองค์จับได้เป็นจำเลยจากการติดแพลอยมาที่เกาะเซยิพร้อมทารกน้อยจากแดนอื่น


้เนนิเขา มีชื่ออีดชื่อๆว่านิเน
เมื่ิอเขาตายลงต่อหน้าพระที่นั่งขณะที่สมเด็จเมทิทรงหลับอยู่

เมื่อพระนางตื่นขึ้นมาเห็น
นิเนนอนแข็งทื่อ
พระองค์ทรงคิดว่า 

นิเนคงเหนื่อยแต่อย่างไรก็ตามๆกฑชองเมืองนี้ราชิยีจดแตะต้องกายสามัญชนและใครมิได้นอกจาก
กษัตริย์ที่เป็นพระสสามีของพระองค์เองคือกษัตริย์เซยิเท่านั้น

พระนางรับสั่งด้วยรหัสลับให้ทหารเข้ามาปลุกนิเน

"นิเนตายแล้วฝ่าพระบาท"
ราชินีเมทิแสดงอาการ
เสียพระไทยมาก จึงรับสั่งให้ทหารนำนิเนไปทำอนุสาวรีย์นิเนขึ้นมาที่ชายหาดเกชาทาวตะวันออกของเกาะเซยินี้
และรับสั่งให้ทหารหญิงนำอาหารทิพย์ไปวางไว้ให้วันละสามมื้อพร้อมเหล้าไวน์สีมรกตทุกวันมื้อมนุษย์เป็นเวลา2000ปีล่วงแล้ว
และยังกระทำสืบทอดมาจนทุกวันนี้ที่เกาะเซยิ
แม้ว่ากษัตริย์และราชวงศ์เซยิจะล้มสลายไปแล้วก็ตามคนรุ่นหลังถือว่า อ
นุสาวรีย์เนนินั้นศักดิ์สิทธิ์
และชาวเมืองเซยินับถืออนุสาวรีย์เซยิมีเทพเจ้าสิงอยู่
ใครมาบนบานจะได้อะไร
แล้วจะได้
ส มใจนึกเมื่อเจตนานั้นบริสุทธิ์
ต่อมาแท่นอนุสาวรีย์กลายเป็นทองคำแท่ง
ที่ฟ้าผ่าหลายครั้งแต่อนุสาวรีย์นิเนก็ไม่พัง
สถานที่นี้คือสถานที่ศัก
ดิ์สิทธิ์ ใครรู้เข้าด็อยากมาเคารพ แต่อนิจจาชาวเซยิปกปิดไว้ และน้อยคนจะได้มาที่เกาะเซยินี้ เกาะนี้ตึงเป็นหวงห้ามเด็ดขาด
และมีอาถรรพณ์เกิดขึ้น


เรือต้องอับปาง เรือบินตก
อุบัติเหตุอื่นๆ สำหรับคนที่จะมาเทีสวที่นี้เกาะเซยิ
และเกาะเซยิจึงกลายเป็นเกาะต้องห้ามแต่นั้นมา
จนตราบเท่าทุกวันนี้
เรื่องของพระสนมเอกชองพระนางเมทิไม่จบกันง่าย เพราะวิญญาณของเนนิ
แสดงปาฎิหารย์บต่างๆที่สุสานตลอดเวลา
ทำให้คนข้างสุสานอานุสวรีย์ที่ตั้งศพชนิดยืนขึ้นแบบศพเสริมเหล็กทิ่มทวารหนัก
ให้ผีบืนตรวอาบน้ำยางจากต้นไม้มะเฮสีเหลืองใสศพจึงแห้งไม่เน่า และฉาบด้วยหินอ่อนรอบราง เป็นอานุสาวรีย์ยืนตาหลับ
ปากอ้าพึมพำ หินอ่อนสีขาวชนิดละลาย
ทำไว้สวยงาม ชาวเมืองนำดอกบองยีสีขาว
ดอกหอมไปบูชาและนับเป็นเทพเจ้าตนหนึ่ง
ของชาวเมืองเซยิแต่นั้นมา
 ชาวเมืองนุนีที่อานุสาวรีย์ตั้งอยู่ รำรวยทำมาหากินสบาย ผักขึ้นเองงามไมต้องปลูกมีฝนตกเช้าเย็นให้ทุกวัน แต่ผีกที่จึ้นมีชนิดเดียวคือผักคะโนที่นี่น้ำไม่เคยท่วมเพราะทางลาดลงทะเล
แมลงชนิดหนึ่งขื่อดามาจะพากันบินมา
ลงกะทันทีเมื่อ ใครที่เมือง'นุนิ"(เมืองย่อยระดับอำเภอของกรุงเซยิ)ตั้งน้ำมันทอดด้วยน้ำมันหอมเครื่องเทศจากดอกกาเว
แมลงดามาจะบินว่อนมาลงกะทะทันทีเมื่อมันได้กลิ่น กินอร่อยหอมมันเมื่อทอดกรอบแล้วตัวคล้ายด้วงเท่ากบฑูต แต่นั้นมาคนอำเภอนุนิจึงกินแมลงดามาทุกมื้อ
ส่วนหนึ่งบูชาเทพเจ้านินาที่หิ้งพระที่บ้านตนโดยนำฟืนไม้จันท่อนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์สมมุติว่าเป็นร่างของเทพนิเน
ยุวที่เมืองนีนิไม่มีสักตัวงูก็ไม่มี จะมีก็แต่ปลาทะเลกินไม่หวาดไหว จะพาไปขายยังแผ่นดินใหญ่อื่นก็แสนที่จะไกล ถ้าใครทำการค้่าปลา
ที่นุนินินี้เรือจะอัปปาง
ครั้งหนึ่งไฟเคยไม้กระท่อมของหัวหน้าหมู่บ้าน ไม้ไหม้หมดเหลือแต่หินอ่อนสีเหลืองจากเขม่าไฟกลายเป็นหินอ่อนสีเหลืองหม่
น นับแต่เหตุไฟไหม้ครั้งนั้นแล้ว
ชาวนุนิจงสร้างบ้สนด้วยหนอ่อนทุดหลังคา
เรือน
ไฟฟ้าทีนี่ไม่มีจะใช้ก็ใช้สายไฟตากแดดไว้
แล้วนำกะแสไฟจากพะอาทิตย์มาใช้ แตคนไม่ชอบ จึงใช้ตะเกียงแทนทุกบ้าน
สืบต่อมาพบบ่อแร่เหมืองทองคำ และบ่อน้ำมันให้ชาวเมืองใช้แต่ทีเงื่อนไขว่าจะใช้ได้เพียงบ้านละวันละหนึ่งปี๊ปตวงเท่านั้น
ห้ามใครเกิน ถ้าเกินเทพเจ้าประจำเตาผิงจะพิโรธ
นับจากที่นิเนตายลงแบะมีอานุสาวรีย์รำลึกแล้วที่เมืองนุนิที่ศพนิเนตั้งอยู่ ทุกคนมีความสุขแบบ"คิดเงินได้เงินคิดทองได้ทอง"
มีโจรสลัดหลงมาจะปล้น แต่อนิจจาถ้าสลัดนำออกจากเมืองนุนิผ่านทางทะเลไม่เกิน1000ไมล์ทะเลเรือสลัดก็จะอับปางและสลายทันทีจะเหลือสลัดลอยแพต่อไปประ
สบชะตากรรมเท่านั้น ส่วนใหญ่ปลาฉลามกินหมด
ส่วนสลัดมีบุญหน่อยก็จะถูกปลาโลมาให้ขี่คอไปส่งเกาะนรกอื่นๆต่อไปที่ห่างจากเกาะนุนิและกรุงเซยิมากๆ ทั้งหมดเป็นคำเล่าจาก"นิเน"อันเป็นส่วนหนึ่งของพงศาวดารเเห่งเมือง"กิเน"นั่นเอง

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2561






อานองต์พบเผ่ากิยองตินเสกวิชามารเข้าใส่และพบว่าถูกสะกดจิตหมู่และขโมยความเป็นธรรมของอานองต์ไป

อานองต์พบเผ่ากิยองตินเสกวิชามารเข้าใส่และพบว่าถูกสะกดจิตหมู่และขโมยความเป็นธรรมของอานองต์ไป

ทราบกันทั่วหน้ากันแล้วว่า  เผ่ากิยองตินเป็นเผ่าป่าเถื่อนในมโนคติของนวนิยายชาโตจอานองเตที่สี่นี้ ถ้าใครพบเห็น อานองต์แนะนำให้สอนและอบรมและให้เงินเขาและให้ข้าวเขากินหนึ่งมื้อให้อิ่ม

  เพื่อเขาจะได้กลับตัวเป็นคนดี

  ในทางกลับกัน  และส่วนเผ่าดิบองจินั้น   เป็นเผ่ามโนคติแห่งความดี  ในนวนิยายชาโตอานองเตที่สี่นี้เช่นกัน  ถ้าพบเขาที่ไหนจงให้บำเหน็จรางวัลเขา  ให้กำลังใจเขาทำความดีต่อไปโดยไม่หวังผลตอบแทน

แต่วาระนี้นววนิยายใกล้จะจบพบ้เหตุสะดดหลายอย่างเกิดขึ้น

เผ่ากิยองตินได้นำหนูตายเน่าเหม็นมาไว้แบบทิ้งไว้ ให้อานองต์มีกลิ่น   ไม่สบอารมณ์
ระคายเคืองต่อารมณ์ของจมูก  จนไม่เป็นอันกินอันนอน    ค้านกับกลิ่นดอกกระดังงาและดอกหญ้ายองน้ำที่หอมเสมอ  ที่เฮเลนนาปลูกไว้เพื่อดมมัน และเมื่อเฮเลนนาตายไปแล้ว  อานองต์สานต่อนโยบายของเฮเลนนา  รดน้ำให้มันทุกวันเช้าเย็น  มิฉะนั้นมันจะไ ม่โชยกลิ่นให้เราดม 
ทำให้อานองต์อารมณ์เสีย กล้องวรจรปิดเสียแต่กำลังซ่อมเพื่อคอยจับว่าใครทำ ใครประทุษร้าย  กำลังดำเนินการ  เพราะเครื่องจับผิดจับเท็จนั่นในยุคนี้มันถูกกว่าเหล้านอกชั้นดีหนึ่งขวดเท่านั้นเอง  อานองต์จะไม่เสียใจมันที่จะเอามันมาใช้(มิได้ โฆษณา)

การสะกดจิตหมู่ในที่นิยามมันคือ ไวตาทิพย์ชนิดหนึ่ง  ที่สวมวิญญาณ  เพื่อเรียกร้องห้อานองต์ทำโน้นทำนี้ แบบมีเจตนาผิดพลาดได้  ถ้าตามสะกดจิตหมู่ที่เป็นภาพหลอนไป  หากใครพบที่เมืองอานองเต
จงอย่าเชื่อวิธีการสะกดจิตหมู่ แต่ให้ถือหนังสือ ถือเอกสารเป็นสำคัญกว่าคำพูด  ถือกฏหมายสำคัญที่สุดกว่า อกฏหมาย (อ พยัญชนะไทยตัวนี้ในนวนิยายนี้นิยามว่า  คือถือว่าเป็นอุปสัคนำหน้าคำ  และอุปสรรคคำนี้แปลว่า     "ไม่"   อ้างจากภาษาภารตะบาลีตะวันออก)
และอานองต์จะไม่รับสายใครทางมือถือเว้นมีเม้มเอาไว้  แต่ให้ เอส เอ็ม เอส แจ้งวัตถุประสงค์ก่อนจึงจะคุยด้วย   ทั้งนี้ทั้งนั้น อานองต์กลัวเผ่ากิยองตินแอบแฝงมากวนใจสมาธิ และชีวิตส่วนตัวของอานองต์ที่กำลังปฏิบัติภารกิจไว้ทุกข์คนตายอยู่  งดพบงดเยี่ยม งดทุกอย่างแม้ทางโทรศัพท์  ส่วนที่ดินที่อานองต์จะทำเชิงพาณิชย์มอบหมายให้สานต่อไปที่ทนายความเท่านั้น ไม่รับติดต่อส่วนตัว   หากคดีความอะไรมี  ติดต่อผ่านทางคำสั่งศาลหรือตำรวจหรือและทนายเท่านั้น  ไม่รับตกลงติดต่อส่วนตัวทุกกรณี  เอ๊แปลก  ใช่มันแปลกแต่อานองต์ไม่รู้จะทำอย่างไร

เพราะชะตากรรมของอานองต์มันเป็นเช่นนี้เอง



พบว่า นีโอเกษตรกรรมของานองต์   ถูกริดรอนโดยผู้มีพฤติกรรมแบบเผ่ากิยองตินและหรือเป็นเผ่ากิยองตินเสียเอง
อานองต์รูเรื่องนี้แล้วเสียใจมาก  ถ้าผีแม่เฮเลนนามาเยี่ยมชาโ  อานองต์จะฟ้องท่าน
สมัยก่อนเขาเผ่ากิยองใช้วัวควาย มาทำลายทรัพย์สิน แต่พบว่าพรานผึ่้ง และคนเก็บของเก่าและคนเร่ร่อน  ขโมย ผู้บุกรุกภาษาอังกฤษเรียกว่าtrespasserได้ทำลายเจตนาของอานองต์ในสมัยการไว้ทุกข์ของผู้จากไป
ที่มีชะตากรรมอันนาพึงกลัวและน่าสงสารอย่าง เฮเลนนาและปีเตอร์ 
เช่น  เหนันบหน่อต้นเมล็ดพันธุ์พืชที่อานอต์ปลูกทิ้ไว้  ปกติรดน้ำประจำ  แต่รดน้ำบ้าไม่รดน้ำบ้าง  ทุกอย่างที่โปรยหรือฝังไว้จะขึ้นแต่นาน
เพราะนีโอเกษตรกรรมใช้เมล้ดพันธ์ในการปลูกแทนการซื้อกระถางที่เขาทำสำเร็จรูป  เพราะแพงอานองต์ไม่มีเงินซื้อ  เพราะว่าเพาะเมล้ดขึ้นเหมือนการปลูกมะพร้าวต้องเพาะหน่อขึ้นมา
ผู้บุกรุกอื่นมีหมาแมวเถื่อนไร้สังกัด  หรือที่มีสงกัด แต่ซน อันนี้ห้ามอยู่
แต่ธรรมชาติของไก่ชอบเขี่ยนอันนี้ป้องกันด้วยกราดไก่และซุ้มอวน หรือแหหรืออวน กันได้ทั้งงูและไก่
 เอาละเมื่อมันไม่มีอะไรมากวนโดยสิ้นเชิง  แบบตู้เย็นละก็
ทักอย่างจะเจริญ  ตามแผนพัฒนะ  มันจะเจริญดีและได้ผลดีแม้มันจะช้า  อันนี้เป็นหลักนีโอของอานองต์

ที่รวมกระแสหลักที่ยึดอยู่คือ น้ำและปุ๋ย เท่านั้น   แน่นอนใช้พื้นที่น้อยประหยัด นีโอของอานองต์ทำอย่างนี้

ภัยต่อไปเป็นภัยธรรมชาติ  คือต้นไม้สองข้างทางถนน ต้นสูงอาจล้มเมื่อลมมา แต่ จนท  เขาไม่ตัดแต่งให้เตี้ยเท่ากัน  อานองต์กลัว

พบว่า ต้นสนลู่ลมดีไม่ล้ม  ในฝรั่งเศสมีถนนที่พบเขาปลูกต้นเมเปิลไว้ กระรอกขาวชอบและมีรูอาศัยในฤดูหนาว  เพื่อจำศีลที่อังกฤษเรียกว่าhabinating  seasons  กระนรกชอบกินลุกนัท และผลไม้ที่มีรสมันมาก ตอนอานองต์บังเอิญไปเที่ยวเยี่ยมชมวัฒนธรรมมา ในเยี่ยงฐานะ อาคันตุกะที่ได้   รับเชิญโดยสถานฑูตฝรั่งเศส กราตีสเอกสารขอเข้าเมืองให้    (gratis)คือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้(ฉากภาพยนตร์ฉากหนึ่งที่นำมาประกอบในนวนิยายชาโตอานองเตที่สี่นี้)
เพราะฉะนั้นเมื่ออานองต์เข้าสภาอานองเต  เพื่อประชุม  อานองต์อยากเสนอสภาว่า ให้ตัดต้นไม้ให้สูงจากที่ปลูกไว้ข้างทางให้มีขอบเขตจำกัดสูงเท่ากัน  เพื่อสงเสริมการท่องเทียว และการเจริญตาและส่งเสริมการปลอดภัย    มิใช้ปล่อยสูงเท่าหรือสูงกว่าเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านหน้าชาโตอานองเตทีสี่นี้ อันนี้ไม่เหมาะและไม่เห็นด้วยในนวนนิยายนี้

เสาไฟแรงสูงต่อไปถ้าใช้แบบท่อรวมสายวางกับดินน่าจะเหมาะมากในยุคไอที ดิจิตอล
เพราะสายไฟฟ้าทุกชนิดจะมากขึ้นและมากขึค้นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อถนนไปแล้ว ดูรกรุงรังงเต็มไปหมด  อานองต์ไม่มั่นใจว่า มันมีทางอื่นที่แก้ได้ดีกว่านี้
มีอะไรอีกที่น่าเบื่อหน่าย  อานองต์จะทำใจ และผ่อนปรน  ไม่ใช้วิธีบันดาลโทสะนะ  ไม่เหมาะเพราะว่าวิธีนี้  คนถูกเลยกลายเป็นคนผิด
และเมื่อทำอะไรพลาดไปแล้ว  มันไม่เข้าตัวคนอื่น แต่มันเข้าตัวเอง
เหมือนเราขับรถไปบนถนน ผิดถูกเดี๋ยวก็รู้  ชีวิตและชะตากรรมของต์ใช้แบบชีวิตของคนที่ขับรถอยู่บนถนนหลวง  เมื่อใช้หลักนี้  จึงไม่เปลืองหน้ากระดาษที่จะอธิบายในนวนิยายนี้อีกด้วย

เชื่อว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นเอง
พอหนังสือหน้าเสร็จลง  "โนเน่"คนทำความสะอาเชาโตอานองเตที่สี่ก็มาพอดี
เธอรับงานจ็อบกับอานองต์
  อานองจ์ไม่ยุ่งเธอ  ชีกอเธอ  (สบถ)  แต่ให้เกียรติเธอเสมอ  นอกจากอานองต์มีนางเอกอยู่แล้ว   แม้โนเน่  เธอยังสาวและสวย แต่หาเงินเพื่อเลี้ยงตนเอง ลักษณะของเธอนมใหญ่ สูง สะโพกได้ขนาด  หุ่นดี แต่งตัวเป็นแต่จน  เธอควรจะหางานที่ดีกว่านี้ทำ  แต่เธอบอกว่า เธอยินดีมารับงานที่ชาโตแบบจ็อบ เพราะชอบมากดมกลิ้นกระดังงา และดอกหญ้ายองน้ำที่หอมดี  และที่ชาโตเงียบสงบ สันติภาพดี  มีแต่อดีต  และไม่มีเด็กคอยกวนใจ
จะมีก็แมงป่อง  ตะขาบ และแมลงสาป  และตัวกระทวยมัน  หรือทวยยายมันหรือป่องบ้านที่คนชอบดองเหล้ากินเป็นยาต้องเอาพิษมันออกเสียก่อน

พบคติชนวิทยาโดยนิยามตนเองว่า  เมื่อเหล็กไนหรือหนามอะไร  ก็ตาม  ต้องร่างกายเรา สิ่งแรกคือเอาสิ่งคือเหล็กไนและหนาม นั้นออกเสียก่อน อย่าปล่อยทิ้งไว้แม้ไม่ปวด อานองต์เคยฌดนสิ่งเหล่านี้เข้า  ต่อมาพบว่าเป็นไข้เมื่อโดนสิ่งนี้เข้า  บางครั้งอันตรายจากหาสาเหตจุไม่พบเกิดขึ้นจากสิ่งเล็กน้อย  เมื่ออานองต์ทำพิธีวิจัยนอกระบอบในตนเองดูๆดอง วิจัยคนอื่นต้องผ่านการขึ้นทะเบียนก่อนในหัวข้อวิจัยมนุษย์ต้องรับอนุญาต  
และพิษมัน ถ้าสงสัยไป รพ ทันที อย่าทึกทักเอาเองปล่อยทิ้งไว้  เพราะมันล้วนมีอันตรายจะตามมาหาเราได้ในภายหลัง กับเรื่องหนามและเหล้กไนสัตว์มีพิษ 
ส่วนนกสมิหลาดงและนกเขา และนกกรงหัวจุก  ที่ซื้อมาหลังเฮเลนนาตายลง   อานองต์ปล่อยมันไปตามธรรมชาติแล้ว  เพราะอานองต์กลัวเลี้ยงอ

าหารแล้วมันไม่พอใจ  แต่มันก็มาทำรังในป่าละเมาะข้างชาโตอานองที่สี่  ทางทิศเหนือของชาโต นั้นเอง